นายกฯถกแกนนำพรรคร่วมฯ กำชับเตรียมพร้อมเข้มข้นรับมืออภิปรายงบฯปี 67 หลังปีใหม่ รัฐบาลชงตั้ง กมธ. 72 คน ส่ง “ภูมิธรรม” นั่งประธานคุมบังเหียน “เทวัญ” เผยผู้นำสั่งทุกค่าย กำชับ สส.อยู่โยงในสภาฯให้มากที่สุด “อนุทิน” ปัดข้องใจสัดส่วน กมธ.งบฯ แค่ถามเคลียร์ให้เข้าใจก็จบ “อัครเดช” ดักคอฝ่ายค้านอย่าหลงเวที ชำแหละงบฯไม่ใช่ศึกซักฟอก “โรม” แขวะรัฐบาลคิดแค่ช่วย “ปู-ทักษิณ” ไม่คืนความเป็นธรรมให้เหยื่อรายอื่น ขู่แอบใช้ดีลลับไม่สน ปชช.เจอซักฟอกแน่ ป.ป.ช.เปิดเซฟ “ครม.เศรษฐา” “เสี่ยนิด” รวยระดับ 1,020 ล้าน นาฬิกาแพง 127 ล้าน รถหรู 50 ล้าน ลูกให้ใช้ปีละ 20 ล้านบาท แจงทำงานมานานจวนจะเกษียณ ไม่ปฏิเสธว่ามีไม่น้อย
จากกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรบรรจุระเบียบวาระเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 3-5 ม.ค.67 ล่าสุดนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ได้กระตุ้นเตือนขอให้ สส.ทุกคนต้องไปรับลังเอกสารงบฯปี 67 เพื่อไปศึกษารายละเอียดก่อนวันประชุมสภาฯ ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง หารือกับพรรคร่วมรัฐบาล ขอให้เตรียมพร้อมและกำชับให้ สส.อยู่ร่วมในห้องประชุมสภาฯมากที่สุด
“วันนอร์” หวังงบฯ 67 ใช้คุ้มค่าสูงสุด
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 ธ.ค.นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาวิชาการ สำนักงบประมาณของรัฐสภา เรื่อง วิเคราะห์ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 และบรรยายเกี่ยวกับ “การเพิ่มขีดความสามารถของรัฐสภา ในกระบวนการงบประมาณ” โดยประธานรัฐสภากล่าวตอนหนึ่งว่า ขอชื่นชมการจัดทำเอกสารงบประมาณของสำนักงบประมาณของรัฐสภา หรือ PBO ที่มีคุณภาพ วิเคราะห์ข้อมูลประกอบทุกด้าน ให้แก่สมาชิกรัฐสภาสื่อมวลชน และผู้สนใจงบประมาณของรัฐบาล เพื่อให้เกิดความเข้าใจงบประมาณที่รัฐบาลทำ เพราะสมาชิกรัฐสภามีหน้าที่ควบคุมงบประมาณของรัฐบาล เหมือนแม่บ้านที่จะคุมงบประมาณประจำบ้าน ถ้าเมียไม่รู้ว่าเอางบไปทำอะไรก็อาจจะมีปัญหา หรือนำเงินไปใช้สุรุ่ยสุร่าย ไม่ถูกต้องก็ควบคุมไม่ได้ อีกทั้งหน่วยงานเล็กๆอย่างรัฐสภา ถ้าผู้บริหารไม่รู้ที่มาที่ไป จะใช้อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ จะไม่เกิดผลต่อประชาชนผู้เสียภาษี
...
ย้ำ สส.ทุกคนต้องมารับลังเอกสารงบฯ
“ผมเป็น สส.มาหลายปี สมัยก่อนไม่มีสำนักงบฯ เพิ่งมีเมื่อปี 2557 แต่ถือว่าทำงานได้ผล เป็นที่พึ่งพิงของสมาชิก เวลาอ้างอิง กรรมาธิการงบประมาณกว่า 70% เชื่อว่าได้ใช้บทวิเคราะห์ของสำนักงบฯรัฐสภาไปพิจารณา เพราะเอกสารงบประมาณที่ให้มากว่า 10 เล่ม หนัก 20 กิโลกรัม แค่แบกกลับไม่ไหว อีกทั้งเอกสารเป็นตัวเลขย้อนไปมา ถ้าจะให้เข้าใจต้องดูกฎหมาย พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ร.บ.งบคงคลัง พ.ร.บ.การใช้หนี้ และกฎหมายหลายฉบับจึงจะวิจารณ์ได้ถูก แต่สำนักงบฯ ไปอ่านและหลอมรวมมา เปรียบเหมือนเวลาทานอาหาร ที่สำนักงบฯ เป็นคนเอาอาหารไปปรุง ใส่สมองผู้อยากรู้อยากเห็น ถ้าอ่านเอกสาร 20 กิโลกรัม คงต้องใช้เวลานับปี และคงไม่รู้ทั้งหมด ทั้งนี้ ได้แจกเอกสารงบฯ 2567 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. อยากเชิญชวน สส.ให้มารับไปด้วย หากพิจารณาไม่ทันให้เอาบทวิเคราะห์ของสำนักงบฯ ของรัฐสภาไปดู บางคนอาจให้ความสำคัญกับงบฯน้อย บางคนไม่มารับเอกสารเป็นปี เลยเวลาพิจารณาไปแล้วยังไม่มาเอา มีการติดชื่อ สส.ไว้ด้วย ขอให้กรุณาเอาไป อ่านหรือไม่อ่านให้เอาไปด้วย” ประธานสภาฯกล่าว
จ่อแยกตั้งงบฯบริหารรัฐสภาเอง
นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวอีกว่า ต่อไปในอนาคตอันไม่นานนี้ จะพยายามตั้งงบฯ ของรัฐสภาเอง เอาเงินจำนวนหนึ่ง เช่น 5,000 7,000 หรือ 10,000 ล้านบาท มาและให้สำนักงบฯของรัฐสภากับหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ร่วมจัดตั้งวิเคราะห์แต่ละหน่วยงานว่าต้องใช้งบฯใด เช่น งบฯประชุม งบฯ ดูงานต่างประเทศ งบฯประชาสัมพันธ์ วิเคราะห์อย่างละเอียด ไม่ใช่รัฐให้มาได้มาไม่ตรงกับผู้ใช้ ที่สำคัญรัฐสภาฝ่ายนิติบัญญัติเป็นผู้ควบคุมรัฐบาล แต่ถ้าต้องไปขอรัฐบาลจะคุมได้อย่างไร ใครคุมใครกันแน่ คนถือเงินมักจะใหญ่เสมอ เช่น ในครอบครัวใครถือเงินคนนั้นใหญ่ เช่นเดียวกับหน่วยงานอื่นๆ หรือรัฐสภาต่างประเทศ เมื่อได้เงินมาถ้าเงินไม่พอต้องบริหารกันเอง เงินเหลือไม่ต้องส่งคืนคลัง แม้สภาฯจะตั้งงบฯเอง แต่ประธานพิจารณาจะให้ รมว.คลัง และฝ่ายงบฯ มาร่วมวิเคราะห์งบฯ ที่จะใช้ทั้งปี อาจมี กมธ.ติดตามงบฯ เพื่อพัฒนารัฐสภาในอนาคต เพิ่มขีดความสามารถในการวางแผนใช้จ่ายงบฯ ของรัฐสภาอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากภารกิจรัฐสภาสำคัญต่อการขับเคลื่อนของบ้านเมือง หวังว่าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 67 และการใช้จ่ายงบฯ 3.48 ล้านล้านบาทจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ
นายกฯถกพรรคร่วมเตรียมรับมือ
เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เชิญตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาลร่วมรับประทานอาหารกลางวัน และประชุมเตรียมความพร้อมการประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ระหว่างวันที่ 3-5 ม.ค.67 โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว. มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ภท.นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษาของนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว ในฐานะเลขาธิการพรรค พท. นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชรกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา ในฐานะวิปรัฐบาลเข้าร่วม
ตั้ง กมธ.งบฯ 72 “อ้วน” นั่งประธาน
ต่อมาเวลา 12.55 น. ภายหลังการประชุม นายภูมิธรรมเปิดเผยว่า นายกฯ บอกให้ทุกคนไปพักผ่อนเติมกำลังให้เต็มที่ปีหน้าจะได้มาเตรียมการให้หนักหน่วง เพราะจะมีเรื่องของร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 67 ตั้งแต่ต้นปี ส่วนการแบ่งสัดส่วน กมธ.งบประมาณดูจากฐานความเป็นจริง นายกฯบอกให้ไปคุยกันในวิปรัฐบาล ไม่มีปัญหาอะไร เราเสนอสัดส่วนโควตา 72 คน จะแบ่งกันให้เป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติ โดย ครม.มอบหมายให้ตนทำหน้าที่ประธาน เพราะนายกฯ มีภารกิจทำอะไรหลายอย่าง ซึ่งตนสามารถประสานกับนายกฯได้ นายกฯ จะได้ทำงานอย่างอื่นได้อย่างเต็มที่ จึงทำหน้าที่ดังกล่าวและประสานงานกับพรรคอื่นด้วย
“ภูมิธรรม” มั่นใจการเมือง 67 ไร้ปัญหา
นายภูมิธรรมกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองปี 2567 ทั้งเรื่องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทว่า ไม่ได้ประเมินหรือกลัวว่าข้างหน้าจะมีปัญหาอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ นโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา สำหรับการอภิปรายงบประมาณฯ เป็นปกติที่ทำต่อเนื่อง ไม่มีปัญหาอะไร นายกฯ คงจะชี้แจงให้ทราบถึงวิธีการจัดงบฯในรัฐบาลนี้ จัดแบบไหน ได้ประโยชน์อย่างไร อยากให้ผู้ร่วมอภิปรายฟังนายกฯอย่างตั้งใจ ดูว่าถ้าทำไปตามกรอบที่นายกฯพูดไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าไปแบบอื่นต้องมาดูว่าจะใช้เวทีอภิปรายงบฯไปเพื่อประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ อยากให้ดูการรักษาประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 และมาตรา 152 เป็นสิทธิแต่อาจลำบาก รัฐบาลเพิ่งเริ่มต้น ยังไม่ได้ทำงานและงบฯดำเนินงานยังไม่มี ที่ผ่านมาเตรียมพื้นฐานเพื่อรองรับ ทั้งหมดชี้แจงได้ ประชาชนเห็นอยู่แล้วว่ารัฐบาลทำงานอยู่ทั้งที่ไม่มีเงินรองรับ ยังมีผลงานออกไปได้มากในช่วงการเมืองแบบนี้ ไม่น่ามีปัญหาอะไรให้น่ากังวลและปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐมนตรีรัฐบาลนี้ต้องทำงานเหนื่อยมาก
กำชับ สส.ให้อยู่ในสภาฯมากที่สุด
ด้านนายเทวัญ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษาของนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรค ชพก. เปิดเผยว่า การประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 67 นายกฯได้ฝากกำชับสมาชิกแต่ละพรรคให้อยู่ในสภาฯให้มากที่สุด เมื่อถามว่านายกฯได้ลงรายละเอียดงบฯหรือกังวลอะไรหรือไม่ นายเทวัญกล่าวว่า ไม่ได้อะไรขนาดนั้น แต่ให้ช่วยกันตอบในสิ่งที่แต่ละกระทรวงได้รับมอบหมาย เมื่อถามว่าพรรค ชพก.เน้นอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายเทวัญกล่าวว่า ไม่ได้เน้นอะไรเป็นพิเศษ เพราะเราแค่ 3 เสียง เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เรากำชับ สส.ของเราว่าถ้าจะอภิปรายได้สัดส่วนตามนั้นไป และให้อยู่ครบองค์ประชุม เป็นหน้าที่ สส.อยู่แล้ว
“วราวุธ” ยัน ชทพ.อภิปรายฉลุย
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกรณีนายกฯเรียกประชุมพรรคร่วมรัฐบาลเตรียมพร้อมพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯปี 67 ว่า นายกฯเชิญพรรคร่วมรัฐบาลมาทานข้าวเที่ยง และหารือเกี่ยวถึงแนวทางอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯวันที่ 3-5 ม.ค.67 เพื่อไปประสานงานกับสมาชิกพรรค ชทพ. ได้เวลาอภิปรายมา 30 นาที แบ่งสรรปันส่วนกันคนละ 10-15 นาที พรรคชทพ.ดูแลด้านพัฒนาสังคม ต้องให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะมีเนื้องานเยอะเกี่ยวข้องกับประชาชนกลุ่มเปราะบาง คนสูงอายุ คนพิการ ตอนนี้ให้สมาชิกไปทำการบ้านเพื่อเตรียมตัวอภิปรายแล้ว เท่าที่ดูงบฯของ พม.ไม่ได้เยอะไม่กังวลอะไร ส่วนใหญ่เป็นงบฯสนับสนุน และเป็นสวัสดิการให้กับเด็กแรกเกิด กับดูแลผู้สูงอายุ
“หนู” ไม่ข้องใจสัดส่วน กมธ.งบฯ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า นายกฯ ขอให้แต่ละพรรคเตรียมความพร้อมสูงสุด และกำชับต้องสนับสนุนกันและกัน ส่วนกรณีที่ทักท้วงเรื่องรายชื่อคนที่จะเป็น กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ2567ในสัดส่วน ครม.18คน ที่มีแต่ชื่อคนจากพรรคเพื่อไทย (พท.)ในที่ประชุมครม.นั้น ตนสอบถามเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า สัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆนอกจากพรรคพท.จะเหลือเท่าไหร่ เพื่อจะได้เตรียมจัดบุคลากรเข้ามาทำหน้าที่ เรื่องมีเพียงเท่านี้ไม่มีอะไร พรรคพท.เป็นคนจัด และบอกว่าในส่วนของพรรค พท.มีจำนวนเท่านี้ ส่วนพรรคร่วมจะมีเท่าไหร่ก็เสนอเข้ามาเท่านั้นเองไม่มีอะไรนอกจากนี้เลย และนายกฯบอกว่า แบบนี้ถูกต้องแล้วจัดให้ตามสัดส่วนที่เหมาะสมชัดเจน ส่วนเป็นประธาน กมธ.วิสามัญงบฯจะเป็นนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ หรือไม่ เป็นเรื่องของพรรคแกนนำ เราในฐานะพรรคร่วมต้องให้แกนนำมีบทบาททั้งงานรัฐบาล และงานสภาฯ
เชื่อปีหน้าไร้ปมร้อนอยู่ครบเทอม
นายอนุทินยังกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองปี 2567 จะมีอุปสรรคทำให้นายกฯและรัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอมหรือไม่ ว่า ดูจากการรับประทานอาหารกลางวันในวันที่ 28 ธ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล ระหว่างนายกฯ และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลดูดีมาก เข้าใจกันทุกฝ่าย พร้อมให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน
เมื่อถามว่ายังไม่เห็นปมร้อนอะไรที่จะทำให้รัฐบาลมีปัญหาใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ไม่มีปมร้อน เมื่อถามว่าในฐานะรองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ทำงานมา 3 เดือน มีงานใดที่ทำแล้วยังไม่พอใจ และพร้อมที่จะผลักดันแก้ไขในปีหน้าหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เยอะอยู่ พยายามแก้ไขปัญหาต่างๆ
รทสช.ดักคออย่าหลงลมไม่ใช่ศึกซักฟอก
ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีการประชุม สส.พรรคหารือการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 67 มีแกนนำพรรคเข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียง นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรค รทสช. แถลงว่า แบ่งหมวดหมู่จัดสรรผู้อภิปรายเป็น 6 กลุ่ม คือ 1.ด้านเศรษฐกิจ 2.ด้านสังคม เด็ก สตรี และผู้มีความหลากหลายทางเพศ 3.อุตสาหกรรมและพลังงาน 4.ด้านการปกครองและท้องถิ่น 5.การท่องเที่ยว ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม และ 6.การศึกษา และสาธารณสุข โดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค จะนำการอภิปรายคนแรกชี้ให้เห็นภาพรวมในมุมมองพรรคที่มีต่อการจัดสรรงบฯปี 67 ยังมีผู้อภิปรายอีก 8 คนใน 6 หมวดหมู่ โดยนายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ อภิปรายสรุปคนสุดท้าย พรรคมีเวลารวม 90 นาที ยืนยันจะใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติมากที่สุดเพื่อชี้แนะการทำร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 67 เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เมื่อถามว่ามีการจัดทีมไว้พิทักษ์ รมต.ของพรรคหรือไม่ ในกรณีถูกพาดพิง นายอัครเดชกล่าวว่า ไม่ใช่การจัดทีมองครักษ์พิทักษ์ใครคนใดคนหนึ่ง แต่พิทักษ์ในหลักการมากกว่า เพราะเป็นการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ไม่ใช่อภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝากถึงฝ่ายค้านว่าการอภิปรายครั้งนี้ อย่าหลงประเด็นว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขอให้อภิปรายอยู่ในกรอบการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ
เปิดเซฟ “เศรษฐา” รวย 1,020 ล้าน
เมื่อเวลา 08.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีบัญชีทรัพย์สินที่น่าสนใจ อาทิ นายเศรษฐา ทวีสิน กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เมื่อวันที่ 5 ก.ย.2566 มีทรัพย์สินรวม 1,020,468,727 บาท เป็นทรัพย์สินของนายเศรษฐา 659,391,610 บาท ประกอบด้วยเงินสด 1 ล้านบาท เงินฝากในบัญชีธนาคาร 47 บัญชีรวม 68,986,558 บาท เงินลงทุน 1,306,668 บาท ที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 1 งาน 98 ตารางวา ที่แขวงคลองเตย เขตพระโขนง กทม.มูลค่า 158,400,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 2 หลัง 156,423,120 บาท เป็นห้องชุดที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 138 ล้านบาท และบ้าน 3 ชั้นที่คลองเตย กทม. มูลค่า 18,423,120 บาท ยานพาหนะ 1 คัน เป็นรถยนต์ Aston Martin รุ่น DB5 มูลค่า 50 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 87,539,563 บาท ทรัพย์สินอื่นๆ 135,740,700 บาท อาทิ นาฬิกา 38 เรือน มูลค่า 127,953,100 บาท พระเครื่อง 6 องค์ มูลค่า 1,622,600 บาท หีบหลุยส์วิตตอง×สุพรีม 1 ใบ มูลค่า 6 ล้านบาท และมีหนี้สิน
เป็นเงินเบิกเกินบัญชี 9,732,579 บาท
ลูกให้ใช้ปีละ 20 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐาแจ้งต่อ ป.ป.ช.ระบุว่า มีรายได้ต่อปี 253,636,771 บาท เป็นเงินเดือนค่าจ้างโบนัส 153,570,160 บาท เงินบำนาญชราภาพ 45,694 บาท เบี้ยประชุมและค่าวิทยากร 185,000 บาท เงินได้จากการสิ้นสุดสมาชิกภาพกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 65,200,328 บาท และรายได้จากการที่บุตรให้รายปี 20 ล้านบาท และมีรายจ่ายต่อปี 51,630,957 บาท
ภริยาโชว์เครื่องเพชร 100 กว่าล้าน
ขณะที่ทรัพย์สินของนางพักตร์พิไล ทวีสิน คู่สมรส 361,077,116 บาท ประกอบด้วยเงินสด 1.8 ล้านบาท เงินฝากในบัญชีธนาคาร 38 บัญชี รวม 47,023,391 บาท เงินลงทุน 52,352,913 บาท ยานพาหนะ 3 คัน มูลค่า 2.8 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 845,511 บาท ทรัพย์สินอื่นๆ 256,255,300 บาท อาทิ นาฬิกา 31 เรือน มูลค่า 84,869,300 บาท กระเป๋า 48 ใบ มูลค่า 37,010,500 บาท พระเครื่อง 2 องค์ ระบุประเมินมูลค่าไม่ได้ เสื้อผ้า 5 ชุด มูลค่า 2,820,000 บาท ชุดสร้อยเพชร, ไข่มุก (ข้อมือ-คอ) กำไลตะปูฝังเพชร 31 ชุด มูลค่า 52,317,000 บาท ชุดต่างหูเพชร ทับทิม มรกต ไข่มุก ต่างหูหนีบ 58 ชุด มูลค่า 31,865,600 บาท แหวนเพชร ไพลิน ทับทิม มรกต 37 ชุด มูลค่า 46,872,900 บาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 449,970 บาท โดยมีรายได้ต่อปี 3,215,173 บาท และมีรายจ่ายต่อปี 20,675,200 บาท
“ปานปรีย์” โชว์เบาๆ 161 ล้าน
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ มีทรัพย์สิน 161,757,669 บาท เป็นทรัพย์สินนายปานปรีย์ 41,826,427 บาท ทรัพย์สินนางปวีณา พหิทธานุกร คู่สมรส 119,931,242 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินฝากในบัญชีธนาคาร 28.4 ล้านบาท เงินลงทุน 7.45 ล้านบาท ที่ดิน 6 แปลง มูลค่า 49,291,500 บาท ที่เขตดุสิต พญาไท บางเขน กทม. โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง 13 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่นๆมูลค่า 49.5 ล้านบาท อาทิ นาฬิกา PATEK PHILIPPE ล้อมเพชรสายทองคำขาว มูลค่ารวม 11.6 ล้านบาท พระพุทธรูป 30 กว่ารายการ เช่น พระพุทธรูปนาคปรกสมัยนครวัด มูลค่า 5 ล้านบาท พระพุทธรูปแก้วมรกตเศียรทองคำ มูลค่า 2 ล้านบาท ตลอดจนชุดเครื่องเพชรและเครื่องประดับต่างๆ พวกแหวนเพชร สร้อยคอเพชรรูปดอกไม้ล้อมเพชร ต่างหูไพลินรวม 25,520,000 บาท
“ศุภมาส” อู้ฟู่ 1.5 พันล้าน–ทอง 46 กก.
น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี กรณีเข้ารับตำแหน่งรมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีทรัพย์สิน 1,531,121,679 บาท เป็นทรัพย์สินของ น.ส.ศุภมาส 152,882,369 บาท เป็นทรัพย์สินของ พ.ต.อ.ล้ำพันธุ์ พรรธนประเทศ คู่สมรส 1,378,239,310 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุน 635,569,526 บาทของคู่สมรส ที่ดิน 15 แปลง ใน กทม. มูลค่า 180 ล้านบาท บ้าน 4 หลัง มูลค่า 155 ล้านบาท อาทิ ห้องชุดวันเวลาหัวหิน ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 60 ล้านบาท ห้องชุดดิไอคอนสยาม ที่เขตคลองสาน กทม. 70 ล้านบาท บ้านพักเขตหลักสี่ กทม. 20 ล้านบาท รถยนต์ 7 คัน มูลค่า 96.2 ล้านบาท อาทิ รถยนต์ Rolls Royce รุ่น GHOST EWB มูลค่า 40 ล้านบาท รถยนต์ Rolls Royce รุ่น CULLINAN มูลค่า 40 ล้านบาท ที่อยู่ในชื่อของคู่สมรส ทรัพย์สินอื่นๆ อีก 244 ล้านบาท อาทิ นาฬิกา 10 เรือน มูลค่า 22.6 ล้านบาท เครื่องประดับ 61 ชิ้น มูลค่า 69.4 ล้านบาท ทองคำแท่งหนัก 46 กก. มูลค่า 100.6 ล้านบาท กระเป๋า 34 ใบ มูลค่า 12.2 ล้านบาท ธนบัตรสะสม 4,066 ใบ มูลค่า 3.09 ล้านบาท โดยมีหนี้สิน 615,975,746 บาท เป็นเงินกู้จากสถาบันการเงินและเงินกู้ที่มีหลักฐานเป็นหนังสือของคู่สมรส
“ตรีนุช” โชว์ทรัพย์สิน 477 ล้าน
นายอิทธิพล คุณปลื้ม กรณีพ้นตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม มีทรัพย์สิน 81,162,381 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินฝากในธนาคาร โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง ยานพาหนะ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง กรณีพ้นตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการ มีทรัพย์สิน 477,713,386 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินฝากในธนาคารร่วม 40 ล้านบาท เงินลงทุน 60 ล้านบาท ที่ดิน 57 แปลง 405 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ที่ จ.สระแก้ว ปราจีนบุรี นนทบุรี สุพรรณบุรี โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 5 หลัง 34 ล้านบาท ที่ กทม. นนทบุรี
อดีต ผบ.ทร.พ้นเก้าอี้รวย 97 ล้าน
พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ กรณีพ้นตำแหน่งผบ.ทร. มีทรัพย์สิน 97,308,920 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุน 25.6 ล้านบาท ที่ดิน 17 แปลง มูลค่า 27.8 ล้านบาท ที่ จ.ชลบุรี ปทุมธานี ขอนแก่น โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3 หลังมูลค่า 24.8 ล้านบาท ที่ จ.นนทบุรี ชลบุรี ทรัพย์สินอื่น 5.1 ล้านบาท อาทิ ปืนพก 3 กระบอก ทองคำแท่งหนัก 100 บาท และพระเครื่องหลายรายการ นายมังกร ยนต์ตระกูล กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เมื่อวันที่ 6 ก.ย.66 มีทรัพย์สิน 376,886,547 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินฝากในบัญชีธนาคาร เงินลงทุน ที่ดิน จ.ร้อยเอ็ด โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 111 หลัง มูลค่า 31.1 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นอาคารชุดถึง 85 หลัง ย่านดอนเมือง และทรัพย์สินอื่นๆ จำพวกเครื่องประดับ อัญมณีต่างๆ
นายกฯบอกทำงานมานานมีไม่น้อย
เมื่อเวลา 10.50 น. ที่ศูนย์บริหารจัดการจราจรและอุบัติเหตุ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลัง ป.ป.ช.เปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยมีทรัพย์สินกว่าพันล้านบาทและของสะสมนาฬิกาและรถหรู Aston Martin มูลค่า 50 ล้านบาทว่า รถยนต์มีคันเดียว เมื่อถามว่ารถยนต์ Aston Martin 50 นำเข้ามาในประเทศไทยแล้วหรือยัง นายเศรษฐากล่าวว่า “อยู่ที่ต่างประเทศ ไม่เอาเข้ามา ซื้อไว้เป็นรถเก่าตั้งแต่ปี 1963 เป็นรถรุ่น DB5 ที่ปรากฏในภาพยนตร์เจมส์บอนด์ภาคล่าสุดขับกันในประเทศอิตาลี เป็นความชอบส่วนตัว” เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ถูกมองว่าเป็นนายกฯที่รวยที่สุด นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่คิด และไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้มีน้อยหรืออะไร แต่ส่วนหนึ่งมาจากทำงานมาหลายปีจนจะเกษียณ เมื่อถามว่ารถยนต์ยี่ห้อ LEXUS รุ่น LM 350h Executive แบบ 4-Seater กรุงเทพมหานคร ราคา 7.59 ล้านบาท ที่นายกฯใช้ปัจจุบัน ไม่ปรากฏในการแสดงบัญชีทรัพย์สินฯ นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นของครอบครัวของลูกสาว
วางพานพุ่ม “วันพระเจ้าตากสิน”
ต่อมาเวลา 17.00 น. ที่พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ กทม. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง วางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื่องในวันสมเด็จ พระเจ้าตากสินมหาราช พุทธศักราช 2566 โดยนายกฯ ได้ถวายความเคารพพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แล้ววางพานพุ่มถวายราชสักการะจำนวน 2 พาน ในนามนายกฯ และ ครม.
มอบคำขวัญให้เด็กเคารพแตกต่าง
วันเดียวกัน นายเศรษฐาได้ทวีตข้อความผ่าน X ระบุว่า คำขวัญวันเด็กปี 2567 “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย” เด็กไทยเก่ง มีศักยภาพ มีความคิดดี และทันสมัย หน้าที่ของรัฐบาล คือสนับสนุนให้เด็กไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีศักดิ์ศรี มีความภูมิใจในตัวเอง อยากให้เด็กไทย Enjoy กับการใช้ชีวิตในวัยเด็ก ขณะเดียวกันก็มีโลกทัศน์ที่กว้าง มีความเป็นไทยพร้อมกับเป็นสากล เป็นพลเมืองของโลกที่เคารพความแตกต่างหลากหลายได้ เพื่อร่วมกันสร้างสังคมประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง ในฐานะผู้นำประเทศจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เด็กไทยทุกคนเติบโตขึ้นมาในประเทศที่งดงาม มีความสุข มีโอกาสสำหรับอนาคตทุกคน
“โรม” แซะ รบ.คิดแค่ช่วย “ปู-ทักษิณ”
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะเดินทางกลับไทยโดยใช้โมเดลเดียวกันกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปอยู่ต่างประเทศ ส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมรัฐประหาร เป็นที่สงสัยมีความยุติธรรมแค่ไหน เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์คนเดียว แต่เกิดกับคนอีกจำนวนมาก เป็นเหตุผลว่าถ้าต้องการแก้ปัญหา ไม่ใช่การแก้ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์คนเดียวแต่ต้องแก้ทั้งหมด เป็นเหตุผลว่าทำไมต้องมาคุยเรื่องนิรโทษกรรมเคลียร์กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลคิดแค่แก้ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์หรือนายทักษิณ ไม่ได้แก้ความผิดพลาดในอดีตเลย แต่ทำให้อดีตเป็นความผิดพลาดต่อไปเรื่อยๆไม่รู้จบ การที่จะคืนความเป็นธรรมให้คนที่ไม่ได้รับความยุติธรรม ไม่ใช่แค่วิธีแบบที่นายทักษิณได้รับ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะได้หรือไม่ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือความชอบธรรมมันจะไม่มี การยอมรับของสังคมก็ไม่เกิด กลายเป็นปัญหาซ้ำไปซ้ำมาต่อไปเรื่อยๆ
เย้ยวางแผนเนียนเชื่อสังคมรับไม่ได้
นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า พอนายทักษิณกลับมา ทุกคนโดยเฉพาะคู่กรณีนายทักษิณคงช็อกอยู่พูดไม่ออก ทำให้สุดท้ายเรื่องนายทักษิณดูเงียบไป แต่ว่าไม่ใช่ไม่มีการตรวจสอบเลย มีการตั้งคำถาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนายทักษิณไปอยู่ที่ชั้น 14 อ้างข้อมูลผู้ป่วยเปิดเผยไม่ได้ อำนาจเป็นของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ รัฐมนตรีไม่มีอำนาจสั่งการ ไม่รู้ว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เข้าไปตรวจสอบหรือไม่ พอผ่านไปสักระยะ มันต้องมีเรื่องการพักโทษ สุดท้ายเมื่อผ่านขั้นตอนแรกที่ไม่ชอบธรรม แต่ที่เหลือเข้าล็อก หมดคือคงวางแผนมาอย่างดีแล้ว ในเชิงการตรวจสอบมันไม่ง่าย โดยเฉพาะเรื่องที่กรมราชทัณฑ์มีดุลพินิจ แต่จะไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม
ฮึ่มใช้ดีลลับไม่สน ปชช.เจอซักฟอกแน่
เมื่อถามว่าการชี้แจงที่ไม่ชัดเจนของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจนเกิดคำถามถึงความเงียบที่ชั้น 14 ในปีหน้าปมนี้จะเป็นความขัดแย้งรอบใหม่หรือไม่ และถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาไทยในปีหน้าจริงฝ่ายค้านจะนำเรื่องนี้ไปขึ้นเขียงซักฟอกหรือไม่ นายรังสิมันต์ตอบว่า ไม่อยากทำนายว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ในเชิงการตรวจสอบฝ่ายค้านทำเต็มที่ ทั้งกลไกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือการอภิปรายทั่วไป สังคมต้องช่วยกันตรวจสอบ เราอยากเห็นการแก้ไขความอยุติธรรมในอดีตด้วยวิธีการชอบธรรม ไม่ใช่ใช้วิธีการดีลลับคุยกันไม่กี่คน โดยที่ประชาชนส่วนใหญ่ ที่ได้รับความอยุติธรรมเหมือนกันกลับไม่ได้อะไรเลย วิธีการแบบนั้นเราไม่เห็นด้วย ตรวจสอบเต็มที่แน่ ไม่ใช่เรื่องของมิตรหรือศัตรู พรรค ก.ก.กำลังทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ประชาชน ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเต็มที่อยู่แล้ว
“เทพไท” ฟันธง “ปู” จ่อกลับตามพี่ชาย
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กหัวเรื่อง “ถ้าเอา “ทักษิณ” ลงจากชั้น 14 ไม่ได้ “ยิ่งลักษณ์” จะกลับมาในเร็วๆนี้” ระบุว่า หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษายกฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี คนในระบอบทักษิณมั่นใจว่า เป็นสัญญาณบอกทิศทางการเมืองในอนาคต น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางกลับประเทศไทยในเร็วๆนี้ โดยเทียบเคียงกรณีนายทักษิณ ที่ได้รับการลดโทษ และพักอยู่ที่ รพ.ตำรวจ โดยไม่ต้องเข้าเรือนจำแม้แต่วันเดียว เป็นตัวอย่างนำร่องให้ยึดเป็นแนวปฏิบัติแล้ว ตอนนี้กระแสกดดันให้นายทักษิณกลับเรือนจำทำไม่สำเร็จจะเป็นความพ่ายแพ้ของขบวนการต่อต้านระบอบทักษิณ ยิ่งตอนนี้หัวหอกหรือแกนนำมีน้อยลงมาก ส่วนใหญ่จะเก็บตัวเงียบวางเฉย ยิ่งจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วกับพรรค 2 ลุง ยิ่งทำให้ กองเชียร์ทั้ง 2 ฝ่ายสับสนยังตั้งหลักไม่ถูก ถ้ายังเป็นเช่นนี้เชื่อว่าระบอบทักษิณกำลังคืนชีพอย่างต่อเนื่องและอีกไม่นาน น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางกลับยึดแนวทาง เดียวกับนายทักษิณ พี่ชายวางไว้
“วรงค์” ขู่อย่าทำให้ประชาชนอึดอัด
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี (ทภด.)โพสต์เฟซบุ๊กกรณีนายทักษิณว่า เห็นนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ ตำหนิข้าราชการไม่ทำการบ้าน ตอบไม่เคลียร์ ไม่กล้าตอบ อาจมีบางคนปิดปากข้าราชการ วันนี้ประชาชนอยากรู้ว่านักโทษชั้น 14 ยังอยู่โรงพยาบาลหรือไม่ ป่วยหนักถึงขนาดต้องอยู่ รพ.ตำรวจนานมากกว่า 120 วัน ข้าราชการอึดอัดตอบไม่เคลียร์ เพราะอาจไม่ได้ให้ตอบความเป็นจริง ที่มีข่าวแพลมๆว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะกลับมา ถึงวันหนึ่งประชาชนเจ้าของประเทศอึดอัดจนทนไม่ได้ อันตรายขอเตือน
“บัญญัติ” ร่ายกลอนแซะคนโกงมีที่ยืน
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แต่งกลอนส่งความสุข (ส.ค.ส.) ต้อนรับปีใหม่ 2567 ว่า ปีใหม่ผ่านเข้ามาได้เวลาตั้งหลักใหม่, เศรษฐกิจ สังคมไทยยังเปราะบาง อย่าวางใจ, เศรษฐกิจไม่ค่อยดีปัญหามีทั้งเก่าใหม่, เหลื่อมล้ำคือเรื่องใหญ่น่าตกใจแตกต่างเกิน, คนรวยรวยกันใหญ่คนทั่วไปใช่บังเอิญ, หนี้สินมากมายเกินทำใช้หนี้ไม่มีพอ, กระตุ้นเศรษฐกิจต้องครุ่นคิดใครได้หนอ, คิดให้ลึกซึ้งพอช่วยเติมต่อยอดกลุ่มใด, แนวทางประชานิยมทำสังคมอ่อนแอใหญ่, คิดเพียงส่วนอยากได้ส่วนเสียหายไม่คิดกัน, การเมืองถอยหลังไกลถอยกลับไปมากมายครัน, บ้านใหญ่เคยหายพลันกลับพลิกฟื้นคืนกลับมา, อุปถัมภ์นำการเมืองจนลือเลื่องทั้งพารา, หวั่นไหวกันทั่วหน้าเลือกตั้งมาถอนทุนคืน, ทุจริตคอร์รัปชันก็เห็นกันจนดาษดื่น, คนโกงมีที่ยืนยากจะฟื้นคืนดีไว, การเมืองการละครใช่แน่นอนเป็นเรื่องใหญ่, หาเสียงสัญญาไว้เลือกตั้งได้กลับลืมคำ, นโยบายคนละเรื่องวางมาดเขื่องพูดคมขำ, เป็นเทคนิคการใช้คำพูดหาเสียงหลบเลี่ยงไป, กระบวนการยุติธรรมดูบอบช้ำน่าหวั่นไหว, เลือกปฏิบัติกันเกินไปหวังแก้ได้เพียงลมลม, ปีใหม่ทบทวนใหม่ทุ่มเทใจช่วยสังคม, สร้างกระแสความนิยมสร้างสังคมที่เป็นธรรม, รังเกียจความเลวร้ายที่ทำให้ไทยตกต่ำ, เมื่อเกิดความเที่ยงธรรมสังคมฟื้นคืนดีไว, ปีใหม่มาถึงแล้วให้ผ่องแผ้วจิตแจ่มใส, ผ่านพ้นทุกข์โรคภัยสุขกายใจทุกท่านเทอญ