“จตุพร” คาด “เศรษฐา” ลาพักร้อน หลบภัยรับทราบ 120 วัน “ทักษิณ” อยู่ รพ.ตำรวจ และมติให้เปลี่ยนจากคุกไปอยู่บ้าน ซัด การเมืองที่ผ่านมาล้วนเป็นการแสดงละครให้เล่นไปตามบทที่กำหนดไว้
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2566 โดยระบุให้จับตาการลาพักร้อนตั้งแต่ 19-22 ธันวาคม 2566 ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยนายเศรษฐาลาพักร้อนตั้งแต่ช่วงบ่ายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 19 ธันวาคม 2566 จึงน่าจับตาอย่างยิ่ง เพราะคาบเกี่ยวกับนักโทษชั้น 14 อยู่โรงพยาบาลตำรวจ ครบ 120 วัน ในวันที่ 22 ธันวาคม 2566 ซึ่งกรมราชทัณฑ์ต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับรู้กันตามลำดับ ตั้งแต่กรมราชทัณฑ์ไปถึงปลัดกระทรวง กระทั่งไปสู่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้รับทราบด้วย
ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่าก่อนถึง 22 ธันวาคม 2566 หรือก่อนอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ครบ 120 วัน คณะกรรมการที่รองอธิบดีราชทัณฑ์เป็นประธานตามระเบียบราชทัณฑ์ให้คุมขังนอกเรือนจำ อาจมีมติให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปลี่ยนจากคุกไปอยู่บ้านได้ เพราะกรมราชทัณฑ์ต้องหลีกเลี่ยงรายงาน 120 วันก็เป็นได้ ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจึงลาพักร้อนในช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวเช่นนี้ คงไม่ต้องการรับรู้รับทราบการรายงาน 120 วัน และมติให้เปลี่ยนจากคุกไปอยู่บ้านก็ได้
“จังหวะและช่วงเวลาลาพักร้อนของนายกฯ จึงไม่ธรรมดา จัดเป็นลีลาการเมืองแพรวพราว เพราะคงไม่ต้องการรับรู้การตัดสินใจให้ทักษิณ เปลี่ยนจากคุกไปเป็นคุมขังอยู่บ้านได้เฉลิมฉลองวันปีใหม่ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า คงเป็นดีลหนึ่งในยุทธการฟ้าใสให้กลับบ้าน ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วประชาชนจะว่าอย่างไร”
...
นายจตุพร กล่าวต่อไปว่า อะไรก็ตามถ้าไม่เดินตรงไปตรงมา ย่อมมีร่องรอยทิ้งไว้ให้เห็นเส้นทางทั้งหมดว่ามีเป้าประสงค์เช่นไร กับการเร่งรีบออกระเบียบราชทัณฑ์เมื่อ 6 ธันวาคม 2566 อย่างไรก็ตาม ถ้านายทักษิณอยู่ในเรือนจำ สามารถให้เหตุผลล้นคุกได้ แต่อยู่ รพ. จึงไม่เข้าเหตุเป็นนักโทษล้นคุก อีกทั้งในสถานการณ์การเมืองขณะนี้ ถ้านายทักษิณ มีความมั่นใจในการกระทำก็ไม่ว่ากัน แต่ที่ผ่านมา นายทักษิณ ได้ผ่านความมั่นใจแบบสุดๆ จนให้ออกนิรโทษกรรมสุดซอยมาแล้วยังไปไม่รอด แล้วเมื่อถึงบทจะเลี้ยวก็ทิ้งมวลชนไปสมคบคิดกับกลุ่มอำนาจ โดยมีเหตุการณ์ยึดอำนาจปี 2557 เป็นบทเรียนการสมประโยชน์อำนาจกัน โดยสมคบกำจัดเบี้ยที่ชุมนุมถนนอักษะจนสิ้นซาก
ในช่วงท้าย นายจตุพร ระบุว่า การเมืองที่ผ่านมาล้วนเป็นการแสดงละคร ส่วนนักการเมืองแค่คนรับสั่งให้เล่นไปตามบทที่กำหนดไว้เท่านั้น แล้วสุดท้ายฝ่ายอำนาจเบื้องหลังก็สมคบคิดแลกเปลี่ยนบทบาทกันเล่น เพื่อกำจัดเบี้ยที่จะเป็นขวากหนามกันเรื่อยมา กระทั่งมาถึงยุทธการดีลฟ้าใสให้กลับบ้าน และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โหวตได้นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี.