“เศรษฐา” ปัดวุ่นไม่ได้ล้วงลูกโผ ผกก. ไม่มีอำนาจไปแทรกแซงก้าวก่าย แค่ สส.มาปรึกษาเรื่องงาน “ชัยชนะ” ขึงขังเรียกนายกฯชี้แจง กมธ.ตำรวจขู่ พท.อาจเดือดร้อนทั้งพรรค ขัด รธน. มีสิทธินำขึ้นเขียงอภิปรายไม่ไว้วางใจ “โรม” ฉะส่อผิดกฎหมาย ฟังอยู่หลายรอบชัดเจน “คุณขอมา” สะท้อนระบบอุปถัมภ์ในรัฐบาล “จุลพันธ์” รับเสียงอ่อยยังไม่ได้จัดทำร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน ที่จะส่งให้กฤษฎีกาตรวจทาน คาดไม่เกินสิ้นปีนี้ ศาล รธน.นัดไต่สวนคดี “พิธา”-ก.ก.ล้มล้างการปกครอง ตีตกคำร้อง “เรืองไกร” รัฐบาลแถลงนโยบาย กมธ.เค้นคน ก.ก.เอี่ยวบ่อขยะ “แจ้” โวยถูกเตะตัดขาหาพรรคใหม่สังกัด “จิรัฏฐ์” โต้เป็นไปไม่ได้ขับ สส.แลกกับผู้ช่วย
ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง พูดกลางวงที่ประชุม สส. พรรคเพื่อไทย เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับ มีคนผิดหวังมากกว่าสมหวัง มีคนขอตำแหน่งไปรู้สึกว่ามันเยอะเหลือเกิน ทำให้มีหลายคณะกรรมาธิการเตรียมสอบสวนการก้าวก่ายโยกย้ายตำรวจ โดยเชิญนายกฯเข้าชี้แจง
“เศรษฐา” ปัดไม่ได้ล้วงลูกโผ ผกก.
เมื่อเวลา 09.55 น. วันที่ 22 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการพูดกลางวงประชุม สส. พรรคเพื่อไทย(พท.) เมื่อวันที่ 21 พ.ย. เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับ มีคนผิดหวังมากกว่าสมหวัง ในห้องนี้ที่ขอตำแหน่งไปรู้สึกว่ามันเยอะเหลือเกิน แต่คงมีไม่น้อยที่ได้สมหวังว่า ยืนยันไม่มีอำนาจ ไม่เคยแทรกแซง ไม่เคยก้าวก่ายการแต่งตั้งข้าราชการ หรือตำรวจ เป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะพิจารณาตามผลงาน ในฐานะ สส.เป็นตัวแทนประชาชน และประชาชนมีมาพูดคุยเรื่องปัญหายาเสพติดที่เรื้อรัง อาจมีความไม่สบายใจกับทางเจ้าหน้าที่ก็มีการพูดคุยกัน ยืนยันว่า สส.ไม่ได้มาขอ เราพูดเรื่องความคือการมีปัญหาในพื้นที่ ไม่ใช่พูดเรื่องคน เอาเรื่องความเป็นหลัก ยืนยันไม่เคยไปก้าวก่าย หรือไปสั่งการ ตร. และอำนาจการแต่งตั้งผู้กำกับจริงๆไม่ได้ขึ้นอยู่กับตน เมื่อถามว่าต้องกำชับ สส.อย่างไร เพราะนายกฯเคยมอบนโยบายไม่ให้วิ่งเต้นตำแหน่ง นายเศรษฐาตอบว่า คิดว่า สส.ทราบหน้าที่ตัวเองดีอยู่แล้ว
...
คุยปัญหาการทำงานไม่ใช่เรื่องคน
เมื่อถามย้ำว่าที่บอกในวง สส.ว่ามีทั้งคนสมหวังผิดหวัง และขอมาเยอะเหลือเกิน นายเศรษฐาตอบว่า ที่ว่ามีคนผิดหวังสมหวังหมายความว่าไม่ใช่ขอมา เขาบอกว่าเจ้าหน้าที่อาจทำงานไม่ดีตรงนี้ หากเขาทำงานไม่ดีตนก็ไม่สามารถสั่งย้ายได้อยู่ดี เพียงแต่บอกไปว่าในพื้นที่โซนนี้เขตนี้มีปัญหายาเสพติดเยอะ ฝากช่วยดูแลด้วย ถ้ากำชับให้ดูแลไปแล้ว และยังยืนยันบุคคลในพื้นที่มีความเหมาะสมอยู่ก็ต้องทำงานต่อไป เรื่องนี้เป็นการพูดเรื่องความไม่ใช่เรื่องคน เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ตั้งข้อสังเกตว่าอาจผิดกฎหมายและรัฐธรรมนูญ นายเศรษฐากล่าวว่า ยืนยันไม่เคยไปก้าวก่ายสั่งการ และ สส.ก็ไม่เคยมาขอ
กมธ.ทำขึงขังเรียกนายกฯชี้แจง
ที่รัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรี ธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่านายกฯก้าวก่ายแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับผู้กำกับ (ผกก.) ว่า กมธ.มีมติเชิญนายกฯมาชี้แจงเรื่องนี้ในวันที่ 7 ธ.ค. รัฐธรรมนูญมาตรา 185 (3) ระบุห้าม สส. สว. มีส่วนได้เสียเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ แต่สิ่งที่นายกฯพูดว่ามีการขอตำแหน่ง ผกก.มาเยอะ มีทั้งคนผิดหวังคนสมหวัง หากเป็นข้อเท็จจริงตามที่นายกฯพูดต้องระบุเลยว่า สส.คนใดเกี่ยวข้อง หากขัดต่อรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่การหลุดตำแหน่ง สส. ส่วนตัวมั่นใจว่า สส. 500 คน ในสภาฯยึดรัฐธรรมนูญ ไม่แทรกแซงแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ แต่ไม่สามารถวิจารณ์ได้ว่ากรณีดังกล่าวเป็นตั๋วตำรวจหรือไม่ แต่จะเชิญนายกฯมาชี้แจงว่ามีเจตนาอะไร เมื่อถามว่าเรื่องนี้เป็นธรรมเนียมปกติหรือไม่ นายชัยชนะตอบว่า ไม่ปกติ เพราะรัฐธรรมนูญห้ามไว้ สิ่งที่นายกฯพูดหากเป็นจริง พรรคเพื่อไทยเดือดร้อนทั้งพรรค เพราะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 185 (3) ถือเป็นหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบฝ่ายบริหาร หากมีหลักฐานชัดเจนจะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ
“โรม” ฉะส่อผิดกฎหมาย
ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ (กมธ.ความมั่นคง) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ชัดเจนในเรื่องตั๋วยังมีอยู่ มีปัญหาจริง ปกติตั๋วไม่มีใบเสร็จหรือหลักฐานที่เป็นเอกสารราชการยืนยัน ส่วนมากเป็นการโทร.ฝาก แต่คนระดับนายกฯ พูดในที่ประชุม สส. ไม่สามารถมองเป็นอย่างอื่นได้นอกจากว่ามี สส.พรรค พท.มาขอนายเศรษฐา ถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายแน่นอน ไม่ใช่ผิดกฎหมายอย่างเดียว ยังสะท้อนถึงระบบอุปถัมภ์ภายใต้รัฐบาลนายเศรษฐา พูดออกมาได้อย่างหน้าชื่นตาบานว่ามีผู้กำกับบางคนผิดหวังบางคนสมหวัง เป็นสิ่งที่เลวร้าย ของตำรวจชั้นผู้น้อย กังวลว่าอาจขยายผลถึงการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการในระดับอื่นด้วย ที่นายกฯพูดนั้นชัดเจน ไม่ต้องบิดเป็นคำพูดอื่น นายเศรษฐาเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายจริงบางคนอาจถามถึงหลักฐาน แต่เชื่อว่าเป็นการแฉตัวเอง หรือการหลุด ชัดเจนว่าการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจมีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้นขณะนี้
หลักฐานชัดเจนคุณ สส.ขอมา
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ดูท่าทีนายกฯไม่ต้องการห้ามปราม ฟังหลายรอบว่ามีการขอมาเยอะ ชัดเจนว่าคือการขอมาโดย สส. เพราะพูดต่อที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าต้องมีตั๋วเพื่อไทยหรือไม่ ฟังคำชี้แจงนายกฯอธิบายแล้วไม่ตรงประเด็น ทำลายศรัทธาระบบราชการ กำลังตรวจสอบข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงประกอบเบื้องต้นพบว่าคำพูดนายกฯเข้าข่ายผิดจริยธรรม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และรัฐธรรมนูญมาตรา 185 พยายามรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมด มีผู้เชี่ยวชาญทุกส่วนช่วยตรวจสอบ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายกฯคนเดียว ท่านพูดเองว่าขอมาเยอะ เชื่อว่ามี สส.เกี่ยวข้อง ยังไม่สามารถตอบได้ว่านำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่
“จุลพันธ์” เสียงอ่อยยังไม่ได้ร่าง ก.ม.
วันเดียวกัน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงกรณีนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ระบุว่า ยังไม่ได้รับเอกสารร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทจากทางรัฐบาลว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่ได้ส่งรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ที่จะนำมาใช้ในโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ให้ สคก. เนื่องจากต้องปรับแก้ และเพิ่มเติมข้อมูลสถานการณ์เศรษฐกิจไตรมาส 3 ของปี 2566 ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ได้แถลงไปเมื่อวันที่ 20 พ.ย. โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัวเพียงร้อยละ 1.5 เท่านั้น และกระทรวงการคลังยังไม่ได้จัดทำร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทแต่อย่างใด ส่วนจะเสร็จเพื่อส่ง สคก.พิจารณาตีความได้เมื่อใดนั้น ยังให้คำตอบไม่ได้ เนื่องจากต้องรอให้ข้อมูลครบถ้วนก่อน คาดว่าไม่เกินสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน
เหน็บ “เด็จพี่” อย่าหิวแสงให้มาก
นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี กล่าวพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ทำไมไม่คัดค้านการกู้เงินในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า เข้าใจว่าขณะนั้นนายพร้อมพงศ์อยู่ในคุกไม่เข้าใจสถานการณ์ประเทศ ขณะนั้นประเทศไทยเผชิญวิกฤติโควิด-19 เหตุผลการกู้เงินสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กับวันนี้เป็นคนละเรื่องกัน และการกู้เงิน 2 ครั้งสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล เป็นการกู้อย่างมีหลักการโดยออก พ.ร.ก. ทำให้จีดีพีโตขึ้น อยากฝากไฟฉายให้ “เด็จพี่” 1 กระบอก จะได้ไม่ต้องหิวแสงไม่ต้องหาแสง
รบ.ประสาน ผบ.สส.แก้ยางเถื่อน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีมีการลักลอบนำเข้ายางพาราผิดกฎหมาย หรือยางเถื่อนว่า ในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย
ที่ผ่านมา มี สปส.ฝากมาว่านอกจากเรื่องหมูเถื่อนแล้ว ยังมียางพาราเถื่อนด้วย ยอมรับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องยางเถื่อน จึงให้พูดลงลึกในรายละเอียดเพราะชายแดนไทยกับเมียนมายาวพันกว่ากิโลเมตร จะได้เจาะปัญหาได้ตรงจุด เขาก็บอกว่ามีหลายจุด ได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และประสาน ผบ.ทหารสูงสุด ให้จัดการท่านก็ตอบกลับมาว่าใช่ มีบ้าง ได้สั่งการไปแล้วเชื่อว่าจะดีขึ้น สส.พรรคหลายคนชำนาญเรื่องยาง บอกว่าถ้ากำจัดตรงนี้ได้ยางจะขึ้นมาได้กิโลกรัมละ 5 บาท ได้ยินแบบนี้ก็ใจฟู อยากตั้งใจทำงานและเร่งทำงานให้
“ปานปรีย์” จ่อชง ครม.ขึ้นเงิน ขรก.
ขณะที่นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาแนวทางปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีว่า ใกล้แล้ว อีก 1-2 วันน่าจะเสร็จ คาดว่าจะนำเสนอสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ เมื่อถามว่าจะเป็นคำตอบให้ ครม.ได้พิจารณาว่าจะตัดสินใจขึ้นเงินเดือนเลยหรือไม่ นายปานปรีย์ตอบว่า ต้องให้ ครม.ตัดสินใจ
นัดไต่สวนคดี “พิธา”-ก.ก.ล้มล้าง
ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ มีการเผยแพร่เอกสารข่าวการประชุมปรึกษาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 2) ที่เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่ โดยที่ประชุมเห็นควรไต่สวนพยานบุคคลต่อไป กำหนดวันนัดไต่สวนพยานบุคคล วันที่ 25 ธ.ค. เวลา 09.30 น. รวมถึงนัดไต่สวนพยานบุคคลคดีหุ้นไอทีวี วันที่ 20 ธ.ค. ตามที่ กกต.ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่าสมาชิก สส. ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ จากกรณีเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน)
ตีตก “เรืองไกร” ร้องแถลงนโยบาย
นอกจากนี้ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ว่า การแถลงนโยบายของ ครม. ที่มิได้ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย เป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 162 ละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของผู้ร้องในการได้รับทราบและเข้าถึงข้อมูล หรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยงานของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 41 (1) โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่าการแถลงนโยบายของ ครม.ต่อรัฐสภา เป็นการใช้อำนาจในทางการเมืองของคณะรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นองค์กรฝ่ายบริหารในความสัมพันธ์เฉพาะกับรัฐสภา อันอยู่ในความหมายของการกระทำของรัฐบาล ประกอบกับนายเรืองไกรไม่ใช่บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพโดยตรง อันเกิดจากการกระทำของคณะรัฐมนตรี
นายกฯถวายผ้าพระกฐินหลวง
เวลา 13.00 น. ที่วัดราชผาติการาม เขตดุสิต กทม. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธานพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานสำนักนายกรัฐมนตรี ประจำปี 2566 มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และประชาชน เข้าร่วมพิธี โดยยอดเงินที่ถวายผ้าพระกฐินพระราชทานสำนักนายกรัฐมนตรี ประจำปี 2566 รวมยอดกฐินจำนวน 12 ล้านบาท ภายหลังเสร็จสิ้นพิธี นายกฯได้เดินทักทายประชาชนที่มาร่วมพิธี ขณะที่ประชาชนได้กล่าวร่วมอนุโมทนาบุญด้วย และขอให้นายกฯมีกำลังใจ สุขภาพแข็งแรง ขณะที่นายกฯกล่าวขอบคุณทุกคนที่มาทำบุญร่วมกัน
กมธ.เค้นคน ก.ก.มีเอี่ยวบ่อขยะ
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) อุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร มีนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ประธาน กมธ.ฯ เป็นประธานที่ประชุมเพื่อสอบหาข้อเท็จจริงกรณีการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการโรงงานกำจัดขยะในพื้นที่จ.ปราจีนบุรี ที่นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ระบุว่าผู้ช่วย สส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ของ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. เข้าไปเกี่ยวข้อง โดยเชิญนายวุฒิพงศ์ น.ส.เบญจา นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ก.ก. และตัวแทนหน่วยงานเกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล นายชัยธวัชติดภารกิจ มอบให้นายจิรัฐฏ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรค ก.ก.เข้าชี้แจงแทน
ส่อโยงเรียกรับผลประโยชน์
นายอัครเดชแถลงหลังประชุมว่า ที่ประชุม กมธ.มีข้อสังเกตถึงข้อกล่าวหาเรื่องคุกคามทางเพศของนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ว่าเกี่ยวข้องกับที่นายวุฒิพงศ์ร้องเรียนเรื่องเรียกรับผลประโยชน์บ่อขยะหรือไม่ ต้องตรวจสอบว่ากรณีใดเกิดก่อน แต่พรรค ก.ก.จะส่งหนังสือชี้แจงภายหลัง ส่วนประเด็นผู้ช่วย สส.ของ น.ส.เบญจา ถูกกล่าวหาเรียกรับผลประโยชน์นั้น กมธ.ตั้งข้อสังเกตว่ามีความเชื่อมโยงกัน แต่ยังสรุปไม่ได้ว่าทุจริตเรียกรับสินบนหรือไม่ ต้องแสวงหาข้อเท็จจริงต่อไป
“แจ้” โวยเตะตัดขาหาพรรคสังกัด
นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา หรือแจ้ สส.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ยืนยันว่ากรอบเวลาที่ตนได้ยื่นเรื่องให้พรรคตรวจสอบผู้ช่วย สส.เกี่ยวข้องกับการทุจริตบ่อขยะนั้น เป็นการยื่นก่อนที่ตนจะถูกพรรคตรวจสอบเรื่องการคุกคามทางเพศ มีระยะเวลาห่างกันประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนความคืบหน้าการหาพรรคสังกัดใหม่ของตน ขณะนี้เหลือเวลาอีก 1 สัปดาห์ตามกรอบกฎหมาย เบื้องต้นมีการสกัดให้หาพรรคอยู่ไม่ได้ ขณะนี้มีพรรคติดต่อเข้ามาให้สังกัดมากกว่า 1 พรรค ถ้าแค่ต้องการให้เข้าไปเพิ่มจำนวน สส.ไม่ใช่เหตุผลที่จะเลือกไปทำงานด้วย เดดไลน์สุดท้ายน่าจะระหว่างวันที่ 26-27 พ.ย. จะสมัครเข้าสมาชิกพรรคได้
“จิรัฏฐ์” ชี้เป็นไปไม่ได้ขับ สส.แลก ผช.
นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรค ก.ก. แถลงว่า กมธ.ฯตั้งข้อสงสัยว่าที่มีการพิจารณาเรื่องการคุกคามทางเพศมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ พรรค ก.ก.มองว่าเป็นคนละเรื่องกัน ส่วนเรื่องผู้ช่วย ส.ส.เรียกรับผลประโยชน์จริงหรือไม่กำลังพิจารณาสอบสวนภายในกันอยู่ จากข้อมูลหลักฐานยังไม่ใช่ความผิดที่จะเอาผิดทางกฎหมายได้ ข้ออ้างของนายวุฒิพงศ์คือผู้ช่วย สส.ไปเรียกค่าที่ดินของตัวเองให้สูงขึ้นกว่าปกติจากบริษัทบ่อขยะ หากจะผิดจริงก็ผิดในเรื่องจริยธรรมตามที่พรรคได้ระบุไว้ ยังไม่ได้ข้อสรุป ส่วนที่นายวุฒิพงศ์กล่าวว่า ได้ยื่นเรื่องดังกล่าวก่อนมีปัญหาเรื่องคุกคามทางเพศเป็นการกลั่นแกล้งทำให้ถูกขับออกจากพรรคนั้นไม่เป็นความจริง เป็นไปไม่ได้ที่พรรคจะปกป้องผู้ช่วย สส.ด้วยการขับ สส.ออกจากพรรค หาก น.ส.เบญจาจะกลั่นแกล้งสอบนายวุฒิพงศ์เรื่องการคุกคามทางเพศเพื่อกลบเรื่องบ่อขยะ น.ส.เบญจาต้องรู้เรื่องคุกคามทางเพศก่อน เป็นไปไม่ได้แน่ๆ เรายินดีให้ความร่วมมือเรื่องบ่อขยะ และให้ทำเรื่องนี้ต่อให้ถึงที่สุด เพราะเป็นความเดือดร้อนของประชาชนจริง
ดีอีเอสจี้ กสทช.ตัดตอนมิจฉาชีพ
อีกเรื่อง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์คุกคามคนไทยอย่างหนักและต่อเนื่องมายาวนาน ดีอีเอสได้ประสานงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ขอให้เร่งออกประกาศเพื่อบังคับให้ผู้ครอบครองหมายเลขโทรศัพท์มือถือ หรือซิมการ์ดตั้งแต่ 5 เลขหมายขึ้นไป ต้องมาลงทะเบียนแจ้งการครอบครองกับผู้ให้บริการ เพื่อแก้ไขปัญหาการนำซิมการ์ดไปใช้ก่ออาชญากรรมออนไลน์ ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. มีผู้ครอบครองเลขหมายโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย มากถึง 286,148 ราย เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยถึง 193,056 ราย
ไม่ใช่สัญชาติไทย 93,092 ราย และผู้ครอบครองตั้งแต่ 101 เลขหมายขึ้นไป 7,664 ราย เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย 3,781 ราย ไม่ใช่สัญชาติไทย 3,883 ราย เรามุ่งป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ในทุกมิติ เพื่อปิดทางมิจฉาชีพ โดยประสาน กสทช.ให้เร่งรัดดำเนินการ เพื่อแยกซิมการ์ดที่ถูกใช้เพื่อก่ออาชญากรรมออนไลน์ของกลุ่มมิจฉาชีพออกจากการใช้งานซิมการ์ดปกติของประชาชน หากพบการครอบครองจำนวนมากผิดปกติต้องประสานไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบโดยทันที
“บรู๊ค” คุมทีมสอบคดีหุ้นสตาร์ค
ที่รัฐสภา นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สส.เลย พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร แถลงความคืบหน้าการดำเนินการตรวจสอบคดีหุ้นบมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น ฐานฉ้อโกงประชาชนว่า กมธ.ตั้งคณะอนุ กมธ.ติดตามและศึกษาคดีฉ้อโกง บริษัทสตาร์คฯ มีนายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. เป็นประธาน เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินการดังกล่าว ขณะที่นายดนุพรกล่าวว่า กมธ.รับทราบข้อมูลการดำเนินการทางทรัพย์สินของนายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น กับพวก จากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดย ปปง. จะร่วมกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตรวจสอบทรัพย์สินนายชนินทร์กับพวกที่มีการยึดและอายัดไปกว่า 300 ล้านบาท จำนวนนี้มีกลุ่มบุคคลภายนอกเกี่ยวข้องหลายราย ต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบไม่ให้กระทบสิทธิคนภายนอกผู้สุจริต ส่วนเส้นทางการเงินที่พบในต่างประเทศจะตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง กมธ.ขอให้ผู้ได้รับความเสียหายยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานแสดงรายละเอียดความเสียหาย ต่อ ปปง.ใน 90 วัน นับแต่วันที่ ปปง.ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีการยื่นคำร้องดังกล่าว
ลุ้น ป.ป.ช.เปิดเซฟ “ลุงตู่” รอบ 9 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ในวันที่ 24 พ.ย. คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 5 ก.ย.2566 จำนวน 8 ราย ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล อดีต รมช.กลาโหม นายจุติ ไกรฤกษ์ อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายประภัตร โพธสุธน อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายนริศ ขำนุรักษ์ อดีต รมช. มหาดไทย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีต รมช.ศึกษาธิการ ทั้งนี้ การเปิดบัญชีทรัพย์สินของ พล.อ.ประยุทธ์ครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดในรอบ 9 ปี หลังจากก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินไปเพียงครั้งเดียวคือตอนเข้ารับตำแหน่งนายกฯ เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2557 ที่ขณะนั้นแจ้งว่ามีทรัพย์สิน 128,664,535 บาท
โชว์ทรัพย์สิน 3 รมต. “เศรษฐา”
ขณะเดียวกันยังเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของรัฐมนตรีในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 5 ก.ย. จำนวน 3 คน ได้แก่ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง ตลอดจนบัญชีทรัพย์สิน สส.รัฐบาลนายเศรษฐา กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส.วันที่ 4 ก.ค. อีก 3 คน ได้แก่ นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม สส.อุดรธานี พรรค พท. นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข สส.ตาก พรรคพลังประชารัฐ (พชปร.) นายหรั่ง ธุระพล สส.อุดรธานี พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) และกรณีพ้นตำแหน่ง สส.เมื่อวันที่ 23 ก.ค. อีก 1 คน คือ นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีต รมช.คมนาคม กรณีพ้นจากตำแหน่ง สส. เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2562 รวมถึงกรณีพ้นตำแหน่งของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงอีก 2 คน คือ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ อดีตรองประธานกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย พ้นตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ก.ย.2566 และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ อดีตประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ้นตำแหน่งวันที่ 5 ก.ย.2566