ป.ป.ช.ตั้งแท่นสกัดทุจริต “ดิจิทัลวอลเล็ต” ลงมติตั้งกรรมการเกาะติดรัฐบาลแจกเงินหมื่นเชิญนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญการเงิน อดีตบิ๊กแบงก์ชาติร่วมวง “นิวัติไชย” ยกอำนาจหน้าที่ ม.32ให้อำนาจ ป.ป.ช.ให้คำแนะนำท้วงติง ล้อมคอกขวางโกง ขู่รัฐบาลเตือนไม่ฟังซ้ำรอยจำนำข้าวต้องรับผิดชอบ ด้าน “ภูมิธรรม” ดึงร้านธงฟ้าเข้าร่วมโครงการ เป็นทางเลือกชาวบ้านจับจ่ายใช้เงิน โต้เสียงแข็งเป้าหมายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่แจกเงินประชาชน “เศรษฐา” ถกนายกฯมาเลย์ ตั้งคณะทำงานร่วมสานความร่วมมือ เล็งเปลี่ยนพื้นที่ขัดแย้งเป็นพื้นที่การค้า “ณัฐวุฒิ” ปัดยื้อเวลาสอบ สส.หื่น อ้างกรรมการวินัยพรรคสั่งสอบเพิ่มบางประเด็น
จากกรณีที่มีหลายฝ่ายแสดงความไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.) เดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ล่าสุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติตั้งคณะกรรมการพิจารณาศึกษาโครงการดังกล่าว พร้อมศึกษาหาทางป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบายซ้ำรอยโครงการจำนำข้าวในอดีต
ป.ป.ช.ตั้ง กก.กัดติดแจกเงินหมื่น
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 ต.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ประจำสัปดาห์ โดยที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติให้สำนักงาน ป.ป.ช.ตั้งคณะกรรมการพิจารณาศึกษาโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พร้อมให้เชิญนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ด้านเศรษฐศาสตร์และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาร่วมเป็นคณะกรรมการ เพื่อศึกษารายละเอียดโครงการดังกล่าวว่ามีข้อน่าห่วงใย หรือความสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตหรือผลกระทบด้านเศรษฐกิจในระยะยาวตามที่มีนักวิชาการและอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ท้วงติงมาหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการให้สำนักงาน ป.ป.ช.ไปพิจารณาจะเชิญบุคคลใดบ้าง มาร่วมเป็นคณะกรรมการชุดดังกล่าว เพื่อสรุปความเห็นโครงการดังกล่าว และให้ข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาล แต่ยังไม่ได้ระบุกรอบเวลาชัดเจนจะใช้เวลาศึกษานานเท่าใด
...
จ้องเขม็งล้อมคอกสกัดทุจริต
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ช.อยู่ระหว่างการพิจารณาจะเชิญผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านใดบ้างมาร่วมเป็นคณะกรรมการศึกษาโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ยังไม่มีระบุตัวบุคคลชัดเจนจะเชิญใครมาบ้าง คณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่วิเคราะห์และเฝ้าระวังโครงการดังกล่าวว่ามีความน่าห่วงใย หรือความสุ่มเสี่ยงในด้านใดบ้าง เพราะตามมาตรา 32 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้อำนาจ ป.ป.ช.ให้คำแนะนำหน่วยงานรัฐและรัฐบาล เพื่อให้วางมาตรการป้องกันการทุจริตหรือข้อน่าห่วงใยที่อาจเกิดขึ้นกับการดำเนินโครงการต่างๆที่มีความสุ่มเสี่ยงได้
ขู่เตือนไม่ฟังซ้ำจำนำข้าวต้องรับผิดชอบ
“เบื้องต้นในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ป.ป.ช.จะรวบรวมประเด็นที่มีข้อถกเถียง และเชิญผู้มีความรู้ ผู้ทรงคุณวุฒิมาศึกษาร่วมกันว่า โครงการมีความสุ่มเสี่ยง หรือข้อควรระวังในการดำเนินการหรือไม่ จากนั้นถ้ามีข้อห่วงใยจะเสนอความเห็นไปยัง ครม.หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ปรับปรุงการปฏิบัติราชการ เหมือนกับโครงการจำนำข้าวที่ ป.ป.ช.เคยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาก่อนหน้านี้ ทั้งนี้หาก ป.ป.ช.มีข้อเสนอแนะ หรือข้อท้วงติงแจ้งไปยัง ครม.แล้ว หาก ครม.ไม่ปฏิบัติตามแล้วเกิดความเสียหายขึ้นมา ก็ต้องรับผิดชอบ เพราะถือว่าเตือนแล้ว แต่ไม่ฟัง เมื่อเกิดปัญหาต้องรับผิดชอบ” เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าว
“อ้วน” สั่งร้านธงฟ้าเข้าดิจิทัลวอลเล็ต
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเตรียมความพร้อมในการนำร้านธงฟ้า ตลาดต้องชม ฟาร์มเอาต์เล็ต หมู่บ้านทำมาค้าขาย ที่อยู่ในการส่งเสริมของกรมการค้าภายใน เข้าร่วมโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการซื้อสินค้า เพราะรัฐบาลเดินหน้าโครงการนี้แน่นอน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งสำคัญ
โต้กระตุ้น ศก.ไม่ใช่แจกแต่เงิน
“ดิจิทัลวอลเล็ตไม่ใช่มีเป้าหมายเพื่อการแจกเงิน แต่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ผ่านการใช้จ่ายของผู้มีกำลังซื้อ ซึ่งจะช่วยให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องเดินหน้าแน่นอน แต่อาจจะปรับเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณา” นายภูมิธรรมกล่าว
ปชช.บุกทำเนียบหนุนดิจิทัลวอลเล็ต
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ประชาชนในนามกลุ่มผู้สนับสนุนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท นำโดยนายจุติพงษ์ พุ่มมูล เดินทางมายื่นหนังสือแสดงเจตนารมณ์และสนับสนุนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทของรัฐบาล มีนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมือง เป็นตัวแทนรับหนังสือ โดยนายจุติพงษ์อ่านแถลงการณ์ว่า ตามที่กลุ่มนักวิชาการและผู้เห็นต่างทางการเมืองออกมาคัดค้าน ทางกลุ่มเห็นว่านโยบายนี้ลดความเหลื่อมล้ำของสังคมในการสร้างโอกาสและต่อลมหายใจการดำรงชีวิตของประชาชนและตลอดจนสร้างอาชีพ ขอให้รัฐบาลเดินหน้าโครงการตามที่หาเสียงและแถลงต่อรัฐสภา การคัดค้านของฝ่ายนักวิชาการมีอคติต่อรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย ไม่เห็นหัวประชาชนคนยากจน จึงพยายามชี้ให้เห็นว่าขัดต่อนโยบายการเงินการคลัง ประเทศเสียโอกาสและเวลามามากพอแล้วกับความเห็นต่างที่ล้าหลัง ขอให้รัฐบาลดำเนินการทางกฎหมายกับผู้เห็นต่างที่มีพฤติกรรมยุยงปลุกปั่นให้ไปถอนเงินจากธนาคาร เป็นข้อมูลเท็จทั้งสิ้น ขอให้ผู้เห็นด้วยแสดงความจำนงผ่านช่องทางสื่อของรัฐบาลเพื่อเดินหน้าโครงการ
“สมคิด” ชี้จะปรับให้ลงตัวจ่อแยกรวยจน
ด้านนายสมคิดกล่าวว่า รัฐบาลยินดีนำความเห็นทุกกลุ่มไปศึกษาพูดคุยกัน ยืนยันรัฐบาลจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อแต่จะหาสิ่งที่ลงตัว สัมผัสทั้งพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเขาเห็นด้วยและมีบางส่วนไม่เห็นด้วยเช่นกัน จะไปพูดคุยกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ถึงประเด็นเห็นต่าง สว.ที่วิจารณ์ แต่ละกลุ่มมีความคิดของตัวเอง ไม่ได้ผิดอะไร เราจะรวบรวมความคิดเห็นไปพิจารณาและชี้แจงกับ สว.ตั้งกระทู้สดถาม รมว.คลังได้ พร้อมประสานงานให้ ส่วนกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จับตานโยบายดังกล่าวเห็นแต่ข่าว ยังไม่ได้ติดตามรายละเอียด ไม่แน่ใจว่าจะจับตาเรื่องอะไร เพราะเราได้ยื่นต่อ กกต.ตอนเลือกตั้งไปแล้ว ไม่น่าจะผิดอะไร ป.ป.ช.ไม่ได้ติดตามคนคัดค้านไม่อยากพูดชื่อ บางท่านอคติเกินไป บางท่านติติงในเชิงหลักการ ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศชาติให้เดินหน้าฟื้นขึ้นได้ ไม่อยากพูดว่ารัฐบาลที่แล้วทำเหมือนกัน เพียงแต่ว่ามันยังไม่ฟื้น กะปริบกะปรอยแค่ 300-500 บาท ต่อเดือน แต่รัฐบาลนี้โยนทีเดียว 6 เดือน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษาว่าจะคัดกลุ่มคนจนและคนรวยอย่างไร แต่คิดว่าควรมอบให้ทุกคน ถ้าคนรวยไม่ใช้ไม่เป็นไรถือเป็นสิทธิ ถ้าไม่ใช้ต้องคืนภายใน 6 เดือนโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว จากนั้นกลุ่มได้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถือสากกะเบือ เปรียบเทียบนักวิชาการที่ค้านโครงการว่า “เป็นนักวิชาการสากกะเบือ”
นายกฯถกมาเลย์ตั้งคณะทำงานร่วม
สำหรับภารกิจนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ในการเดินทางเยือน 4 ประเทศอาเซียนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 8-12 ต.ค.เมื่อเวลา 11.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นประเทศมาเลเซีย เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) วันที่ 11 ต.ค. นายกฯเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย จากนั้นนายกฯไปยังเมืองปุตราจายา เพื่อร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ที่ทำเนียบรัฐบาลมาเลเซีย กระทั่งเวลา 15.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ที่ทำเนียบรัฐบาลมาเลเซีย นายเศรษฐาหารือกับดะโต๊ะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย ในโอกาสเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ โดยนายเศรษฐากล่าวว่า ถือเป็นโอกาสย้ำถึงความมุ่งมั่นและต้องการทำงานเพื่อเดินหน้าศักยภาพและความร่วมมือระหว่างกัน บนพื้นฐานของสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ นายกฯได้เสนอความร่วมมือด้านอาหาร สินค้าเกษตร ที่ไทยมีความมั่นคงทางอาหาร จึงหวังจะส่งเสริมความร่วมมือด้านอาหารฮาลาลส่งออกไปประเทศต่างๆ ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องจะตั้งคณะทำงานร่วมกันในด้านที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน เช่น การท่องเที่ยวเพื่อผลักดันส่งเสริมความร่วมมือให้มีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว พร้อมเชิญนายกฯมาเลเซียเยือนไทยในโอกาสแรกที่สะดวก
เปลี่ยนพิกัดขัดแย้งเป็นพื้นที่การค้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือประเด็นต่างๆเห็นพ้องกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จะตั้งเป้าหมายการค้าระหว่างกันใหม่ ต่างฝ่ายต่างเป็นคู่ค้าอันดับต้นๆกันในอาเซียน ปรับปรุงการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการเชื่อมโยงข้ามพรมแดนจะเป็นกุญแจสำคัญ โดยนายกฯหวังเพิ่มพูนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว ต่อยอดความร่วมมือที่มีอยู่ รวมถึงสำรวจความร่วมมือเชื่อมโยงห่วงโซ่คุณค่าและระบบนิเวศ สำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า การส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ นายกฯมุ่งหวังจะเปลี่ยนแปลงภาคใต้ของไทยและตอนเหนือมาเลเซียให้เป็นพื้นที่การเติบโตใหม่ เร่งรัดความคืบหน้าโครงการเชื่อมโยงที่สำคัญต่างๆเข้าด้วยกัน จะช่วยอำนวยความสะดวกเคลื่อนย้ายสินค้า การเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยวข้ามชายแดนได้ง่ายขึ้น และร่วมกันส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยวชายแดน ช่วยเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวและส่งเสริมเชื่อมโยงธุรกิจท้องถิ่นให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เปลี่ยนพื้นที่ความขัดแย้งเป็นพื้นที่การค้า ทั้งนี้ ไทยและมาเลเซียเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาค ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนาความร่วมมือระดับภูมิภาคภายใต้อาเซียน รัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯพร้อมร่วมมือกับมาเลเซียเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับอาเซียน และส่งเสริมสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค
จากนั้นเวลา 16.10 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) นายกฯไทยและนายกฯมาเลเซียแถลงร่วมกัน จากนั้นนายกฯได้เข้าเฝ้าฯสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย ณ พระราชวัง Istana Negara กรุงกัวลาลัมเปอร์ ก่อนเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารเย็นที่นายกฯมาเลเซียเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงเป็นเกียรติแก่นายกฯไทย
กระทุ้งสร้างสะพานสุไหงโกลก 2
ต่อมานายเศรษฐากล่าวถึงการเข้าเฝ้าฯสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย พระองค์ที่ 16 ว่า สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียทรงฝากความระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงให้ความสนพระทัยอนุรักษ์สัตว์ป่า รับจะไปกำชับปัญหาการล่าสัตว์ในเขตชายแดนไทย-มาเลเซียไม่ให้เกิดขึ้นอีก ยังทรงสนพระทัยเรื่องฟุตบอลเป็นพิเศษ โดยปี ค.ศ.2034 กลุ่มอาเซียนจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันฟุตบอลโลก ส่วนการหารือกับนายกฯมาเลเซียเป็นประโยชน์มาก โดยเฉพาะท่องเที่ยว การค้าชายแดน ต้องแก้ไขให้สะดวกขึ้น เช่น ก่อสร้างสะพานสุไหงโกลก 2 ที่คุยกันมา 10 ปีแล้ว และอยากให้ มาเลเซียมาเข้าหุ้นกับภาคเอกชนไทยตั้งโรงงานผลิตในไทย สร้างงานสร้างรายได้ให้เรา พื้นที่ชายแดนใต้เสนอให้ปรับพื้นที่ความขัดแย้งเป็นสนามการค้า นายกฯมาเลเซียมีแนวคิดก้าวหน้าและเข้าใจบริบทการทำงานว่าต้องมีเป้าหมายและกรอบเวลาทำงานชัดเจน เชื่อว่าจะสัมฤทธิ์ผลได้หลายโครงการ
“สุทิน” ย้ำกองทัพต้องโปร่งใส
ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) ถนนแจ้งวัฒนะ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ทำพิธีตรวจเยี่ยมมอบนโยบายให้ บก.ทท.มี พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด ให้การต้อนรับ นายสุทิน แถลงหลังตรวจเยี่ยมว่า รู้สึกอบอุ่นที่ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี สัมผัสได้ถึงความพร้อมและความเข้มแข็งของกองทัพไทยจะสามารถปกป้องอธิปไตย ราชบัลลังก์ สนับสนุนนโยบายของรัฐบาล เป็นที่พึ่งของประชาชน โดยเน้นย้ำเรื่องเร่งด่วนสำคัญคือการช่วยเหลือประชาชนในภัยพิบัติต่างๆ ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง หรือประสบภัยพิบัติในต่างประเทศอย่างที่เป็นอยู่ ให้เตรียมพร้อมและทุ่มเทให้ถึงที่สุด รวมถึงเรื่องการปราบปรามการทุจริต เป็นองค์กรที่โปร่งใส
“เด็จพี่” ซัด กษ.แอบแฝงนำเข้าโค
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อและอดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ เตรียมยกเลิกมาตรการชะลอนำเข้าโคจากประเทศเมียนมา อ้างว่าเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรพื้นที่ชายแดนว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในประเทศว่าขณะนี้โคล้นตลาดราคาตกต่ำ เป็นหนี้ ธ.ก.ส.และหนี้นอกระบบกันมากอยู่แล้ว หากนำเข้ามาอีกยิ่งแย่กันไปใหญ่ ฆ่าเกษตรกรมีหวังสิ้นเนื้อประดาตัว แถมมีโรคติดต่อคิดได้อย่างไร ทำกันแบบนี้ถามว่ามีวาระซ่อนเร้นหรือเปล่า น่าเป็นห่วงว่าจะเป็นการเรียกแขก ปลุกม็อบโคมาไล่รัฐมนตรี สร้างปัญหาให้รัฐบาลหรือไม่ จึงอยากให้ตัดไฟต้นลมเสียดีกว่า สถิติกรมปศุสัตว์ โคในประเทศล่าสุดเดือน ก.ย.66 มีถึง 9.6 ล้านตัว เพิ่มจากปี 65 ที่มี 9.4 ล้านตัว บริโภคในประเทศเพียง 1.2 ล้านกว่าตัวเท่านั้น ผู้เลี้ยงโคกว่า 1.4 ล้านคน ต้องลำบากเพราะการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เกาไม่ถูกที่คันของ ร.อ.ธรรมนัสจากพรรคพลังประชารัฐ และนายไชยา พรหมา รมช.เกษตรฯ พรรค พท.ที่กำกับดูแลกรมปศุสัตว์ ควรระงับการนำเข้าโคทั้งถูกกฎหมายและโคเถื่อน ปราบปรามการนำเข้าเนื้อกล่องลักลอบเข้ามาขายในประเทศ โดยเฉพาะภาคใต้ เขตชายแดน และเร่งเจรจาส่งออกเนื้อโคที่ล้นตลาดไปประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม มาเลเซีย จีน ประเทศแถบตะวันออกกลาง
“ปดิพัทธ์” ชี้สภาฯไม่พร้อมสอบ สส.หื่น
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ ให้สัมภาษณ์กรณีการตรวจสอบ สส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศทีมงานอาสาสมัครว่า สภาฯยังไม่มีคณะกรรมการจริยธรรม จึงจำเป็นต้องมีผู้นำฝ่ายค้านเร็วที่สุด เพราะคณะกรรมการจริยธรรม คณะกรรมการสรรหาตำแหน่งต่างๆทางการเมือง ถ้าไม่มีผู้นำฝ่ายค้านเดินหน้าต่อไม่ได้ กรณี สส.พรรรค ก.ก. เห็นหลักฐานในหน้าสื่อ สำคัญที่สุดต้องมีโอกาสชี้แจงและแสดงหลักฐานเพิ่มเติมจากผู้ร้องและผู้ถูกร้อง ใช้เวลาไม่นาน ต้องรอขั้นตอนธุรการจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองสถานะหัวหน้าพรรค ก.ก.ให้มีตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านเร็วๆนี้ และเรื่องดังกล่าวยังไม่ได้มาร้องที่สภาฯ แต่ร้องไปที่พรรค แต่ผู้ร้องร้องต่อพรรคหรือสภาฯก็ได้ ยอมรับว่ากลไกสภาฯยังไม่พร้อม และสภาฯไม่สามารถไปหยิบยกเรื่องมาพิจารณาเองได้ ต้องมีผู้ร้องก่อนให้ชัดเจนไม่สามารถไปเก็บหลักฐานด้วยตัวเอง
“ณัฐวุฒิ” ปัดดึงเช็งสอบ สส.ค่ายสีส้ม
เมื่อเวลา 09.50 น. ที่รัฐสภา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรรค ก.ก.และประธานคณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณสมาชิกพรรคก.ก. กล่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างกล่าวอ้างตัวบุคคลและเอกสารจำนวนมาก กระบวนการยังไม่สิ้นสุดทำมาต่อเนื่อง ไม่สามารถระบุเป็นวันเวลาสิ้นสุดได้ ขึ้นอยู่กับ กก.บห.จะพิจารณา เบื้องต้นถือว่ามีมูล เราไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ ได้อบรมให้ความรู้ว่าที่ผู้สมัครและสมาชิกพรรคถึงความรู้ด้านความเท่าเทียมทางเพศสำหรับนักการเมือง พยายามทำงานหนักเรื่องนี้มาโดยตลอด คุณค่าหลักเรื่องเพศ พรรค ก.ก.ให้ความสำคัญมากที่สุด แต่เมื่อข้อเท็จจริงและหลักฐานของแต่ละรายไม่เหมือนกัน ทั้ง 2 ฝ่ายต่างอ้างพยานหลักฐาน คณะกรรมการวินัยมีมติว่าต้องสอบข้อเท็จจริงเพิ่มบางประเด็น แต่มีการรายงานความคืบหน้าให้ กก.บห.เป็นระยะๆ ไม่กังวลการโจมตีทางการเมือง ว่ากันตามความถูกผิด ด้วยความจริงและพยานหลักฐาน เราต้องขอเวลา แต่ไม่ใช่ขอเพื่อจะให้ดึงเวลา แต่ดูพยานหลักฐานรอบด้านและครบถ้วนก่อนตัดสินไป
“วุฒิพงษ์” โอดถูกปล่อยคลิปดิสเครดิต
ต่อมานายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี พรรค ก.ก. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เผยเเพร่คลิปวิดีโอชี้เเจงเหตุการณ์กรณีถูกร้องว่าคุกคามทางเพศอาสาสมัคร ใจความสรุปว่า ตั้งแต่เลือกตั้งสิ้นสุดลงเดือน พ.ค.66 มีกลุ่มคนใน จ.ปราจีนบุรี ตั้งตัวเป็นนักร้องตรวจสอบตน ตลอด 5 เดือนที่ผ่านมาพยายามดิสเครดิตหวังทำลายชื่อเสียงพรรค ก.ก.และตน เพื่อปิดบังเรื่องราวที่กำลังตรวจสอบในจังหวัด นับเป็นเรื่องที่ 3 ที่คนกลุ่มนี้พยายามจะขุดคุ้ยเพื่อสร้างประเด็นร้องเรียนและแชร์ในโซเชียล แคปภาพหน้าจอเฉพาะบางส่วนนำมาเสนอต่อที่สาธารณะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านมา 1 ปีครึ่งแล้ว แคปภาพที่เผยแพร่ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นผู้แทนฯ ไม่ทำให้ตนท้อถอย ยิ่งทำให้ต้องการตรวจสอบความจริงโดยเฉพาะการเรียกรับผลประโยชน์โดยใช้ตำแหน่ง เรื่องมลพิษในพื้นที่ศรีมหาโพธิ
“ศรี” ยื่น กกต.ยุบ ก.ก.มติขับ “อ๋อง” ขัดก.ม.
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เข้ายื่นคำร้องต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง กกต. ขอให้ตรวจสอบกรณีการขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค ก.ก. เข้าข่ายขัดข้อบังคับพรรค ก.ก. และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ที่นายทะเบียนพรรคการเมืองเสนอความเห็นให้ กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งวินิจฉัยยุบพรรคได้ตามมาตรา 92 (3) คำแถลงพรรค ก.ก. ระบุชัดว่านายปดิพัทธ์ ไม่ได้มีความผิดอะไร เพียงแต่ต้องการให้หัวหน้าพรรคคนใหม่ได้เป็นผู้นำฝ่ายค้าน และนายปดิพัทธ์ต้องการดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯต่อไป เมื่อผลประโยชน์ทั้งสองฝ่ายไม่ตรงกัน จึงให้นายปดิพัทธ์ออกจากการเป็นสมาชิก เข้าข่ายเอื้อประโยชน์หรือกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์และตำแหน่ง เป็นข้อห้ามตามมาตรา 46 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรค การเมืองอย่างชัดเจน และมีบทลงโทษรุนแรงตามมาตรา 92 (3) กกต.เสนอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งยุบพรรคได้ ไม่พบว่าพรรค ก.ก.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำของนายปดิพัทธ์จะเป็นการใช้มติเกินส่วน เป็นมติที่ไม่ชอบ ใช้อำนาจโดยไม่สุจริต นายทะเบียนพรรค การเมืองต้องตรวจสอบและเสนอต่อ กกต.ลงโทษพรรค ก.ก.และนายปดิพัทธ์ต่อไป
ศาล รธน.สั่ง “พิธา” ส่งหลักฐานคดีหุ้นสื่อ
วันเดียวกัน สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่เอกสารข่าว กรณีศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดีกรณี กกต.ขอให้วินิจฉัยว่า สมาชิกภาพของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กรณีผู้ถูกร้องเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) โดยศาลรัฐธรรมนูญอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาให้บุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและจัดส่งเอกสารหลักฐานตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ และได้ปรึกษาคดีกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกสร ร้องขอให้วินิจฉัยการกระทำของนายพิธา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ก.ก. และพรรค ก.ก.ที่เสนอ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49วรรคหนึ่งหรือไม่ โดยศาลฯให้บุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและจัดส่งเอกสารหลักฐานตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เช่นเดียวกับกรณีศาลอาญาส่งคำโต้แย้งของจำเลย น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรค ก.ก.ในคดีอาญาความผิดตามข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานยื่นต่อศาลฯ
ศปปส.ค้าน ก.ม.นิรโทษฯช่วยคดี ม.112
ที่รัฐสภา ตัวแทนกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นำโดยนายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธาน ศปปส.และกลุ่มเลือดนักรบสีน้ำเงินปกป้องราชบัลลังก์ เข้ายื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ คัดค้านการเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับพรรค ก.ก. ผ่านนายเจษ อนุกูลโภคารัตน์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานประสานการเมืองและรับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานประธานสภาฯโดยนายอานนท์กล่าวว่า คนยื่นแก้ไข พ.ร.บ.นิรโทษกรรมขอพรรค ก.ก. ต่างเป็นผู้กระทำการผิดกฎหมายอาญามาตรา 112 ทั้งนั้น หากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนี้อาจเหมารวมถึงผู้กระทําผิดเกี่ยวกับความมั่นคงมาตรา 112 เข้าไปด้วย การจัดการชุมนุมแต่ละครั้งตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน มักอ้างว่าออกมาเรียกร้องทางการเมือง แต่ส่วนใหญ่จะปราศรัยหมิ่น จาบจ้วง ก้าวล่วง โจมตี ใส่ร้ายและกล่าวหาสถาบัน ต่างๆนานา จึงเป็นข้อสงสัยเป็นที่มาของการผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ ดังนั้นเราจึงคัดค้านเพื่อไม่ให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านสภา จึงขอให้ประธานสภาฯพิจารณาเรื่องนี้เป็นวาระสำคัญ เป็นวาระแห่งชาติ และเพื่อดํารงคงอยู่ไว้ซึ่ง 3 สถาบันหลักของชาติคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขสืบไป
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่