“เศรษฐา-แพทองธาร” เครื่องร้อน บุกหนักดันซอฟต์พาวเวอร์-นวัตกรรมดิจิทัลขับเคลื่อนประเทศ “อุ๊งอิ๊ง” หนุนเต็มสูบปลุกวงการแฟชั่น-ดีไซเนอร์ไทย จ่อดันกทม.เมืองแฟชั่นย้อนยุครัฐบาลไทยรักไทย “เหลิม”ของขึ้นประกาศกร้าวตัดขาด “ทักษิณ” ฉุนอดีตนายกฯพูดจาใหญ่โตหาว่ากวนโอ๊ยทั้งพ่อทั้งลูกเลยไม่ให้ตำแหน่ง ลั่นหันหลังให้ตลอดชีวิต “ภูมิธรรม” เมิน “ก้าวไกล” ไม่สังฆกรรมคณะกรรมการศึกษาประชามติฯ ยัน พท.ชัดเจนแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ห้ามแตะหมวด 1-2 และพระราชอำนาจ หวั่นเป็นชนวนจุดไฟขัดแย้งลุกพึ่บ “บิ๊กโจ๊ก” รับหน้าที่ใหม่รอง ผบ.ตร.ฝ่ายมวลชน ประเดิมกล่อม “พีมูฟ” ย้ายวิกกลับไปชุมนุมหน้ายูเอ็น

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เร่งสร้างผลงานเพื่อพิสูจน์ฝีมือในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยเชิญรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องมาหารือเร่งรัดติดตามงานในแต่ละเรื่องอย่างต่อเนื่อง

นายกฯถก “2 รองนายกฯ-ธรรมนัส”

...

เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 4 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เรียกนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ เข้าพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า ใช้เวลานาน 45 นาที โดยนายภูมิธรรมเปิดเผยว่า ได้พูดคุยกันหลายเรื่องนายกฯได้มอบหมายงานบางเรื่องให้ และพูดคุยเรื่อง FTA นิดหน่อย ตนกับ ร.อ.ธรรมนัสจะมาพูดคุยกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ที่มาปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณทำเนียบฯหลายวันแล้ว

ควง “อิ๊ง” เปิด “SCBX NEXT TECH”

ต่อมาเวลา 10.48 น. ที่ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน นายเศรษฐาเป็นประธานในพิธีเปิด “SCBX NEXT TECH” เทคคอมมูนิตี้แห่งโลกอนาคต โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ นางชฎาทิพ จูตระกูล ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน และผู้เกี่ยวข้องร่วมงาน โดยนายกฯ กล่าวเปิดงานว่า ยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาเปิด SCB โลกแห่งอนาคต ถือเป็นต้นแบบใหม่ที่ทันสมัย เพื่อนำนวัตกรรมดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ เปิดโอกาสให้เจเนอเรชันที่สนใจเทคโนโลยีมีพื้นที่เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพตัวเอง แลกเปลี่ยนความรู้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่แลกเปลี่ยนความคิดได้อย่างเสรีและปลอดภัยในประเด็นทางสังคม เศรษฐกิจเทคโนโลยีหรือประเด็นอื่น รวมถึงประสบการณ์ต่างๆ และเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน

ย้ำไทยพร้อมก้าวเข้าสู่โลกยุคใหม่

นายกฯกล่าวว่า ขอชื่นชมความร่วมมือพันธมิตรต่างๆที่ร่วมกันจัดให้มีพื้นที่ตรงนี้เกิดขึ้น แม้ว่าจะเป็นฟันเฟืองเล็กๆแต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เป็นฟันเฟืองเล็กๆที่จะช่วยรัฐบาลขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้าอย่างมีเสถียรภาพ และเป็นจุดเริ่มต้นที่เราประกาศว่าประเทศไทยเปิดแล้ว พร้อมแล้วที่จะเดินไปข้างหน้าให้เข้ากับโลกสมัยใหม่ เพื่อสู้กับต่างชาติ นำความมีศักดิ์ศรีคืนกลับพี่น้องประชาชนคนไทย จากนั้นเยี่ยมชมบูธต่างๆภายในงาน อาทิ บูธ TikTok พร้อมเขียนข้อความระบุว่า “ยินดีที่ได้มาเยี่ยม เศรษฐา” และบูธเทคโนโลยีภาพกราฟิก 3 มิติ โดยนายกฯ และ น.ส.แพทองธารร่วมถ่ายรูปกับภาพดวงจันทร์ 3 มิติเป็นที่ระลึก

หนุนผลงานดีไซเนอร์ไทย

ต่อมาเวลา 12.30 น. ที่ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ร่วมพิธีเปิดงาน SIAM CENTER VISIONARY STAGE พร้อมร่วมชมแฟชั่นโชว์ที่จัดแสดงคอลเลกชัน และผลงานไฮไลต์สร้างสรรค์จากนิสิตและนักศึกษาด้านแฟชั่นดีไซน์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และสถาบันแฟชั่นดีไซน์อีกกว่า 10 สถาบัน

ดัน กทม.เมืองแฟชั่นย้อนยุค ทรท.

น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ถึงการนำแนวคิดจากแฟชั่นโชว์ไปประยุกต์ใช้กับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาลว่า มาชมแฟชั่นโชว์รู้สึกตื่นเต้น ทุกชุดเดินออกมาตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ วางแพตเทิร์นและรูปแบบการเดินโชว์สนุก พร้อมสนับสนุนดีไซเนอร์ไทยเต็มที่ เชื่อว่าศักยภาพคนไทยผลักดันได้เยอะมาก อย่างที่รัฐบาลทำกันอยู่ได้คิกออฟประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แมตช์แรกที่ทำเนียบฯ เมื่อถามว่าจะทำให้กรุงเทพฯเป็นเมืองแฟชั่นและมีการจัดงาน Bangkok Fashion City Grand เหมือนสมัยรัฐบาลไทยรักไทยเมื่อปี 2547 หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ได้คุยเบื้องต้นกับนายกฯแล้ว จะไปพิจารณาว่าใช้โอกาสที่มีทำอะไรเพิ่มได้บ้าง รัฐบาลอยากจัดงานให้คนในประเทศมีส่วนรวมมากที่สุด และโปรโมตงานนี้ให้เป็นงานสำคัญไปสู่การเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก รัฐบาลจะสนับสนุนซอฟต์พาวเวอร์ไทย ตนจะเป็นอีกแรงสนับสนุนอยู่ตรงนี้

“เหลิม” ฉุน “ทักษิณ” ด่ากวนโอ๊ย

เย็นวันเดียวกัน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ยินว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พูดแบบใหญ่โตว่าตนเป็นคนกวนโอ๊ยทั้งพ่อทั้งลูก เลยไม่ให้ตำแหน่ง “นายทักษิณ คุณเข้าใจผิด ผมไม่ได้ร่วมรัฐบาลกับคุณ ผมมีความสุข พูดอะไรระมัดระวังบ้าง คุณใหญ่โตได้ในพรรคของคุณ คุณไล่ผมออกสิ”

ลั่นตัดขาด หันหลังให้ตลอดชีวิต

“นึกถึงการแก้คดี 8 คดีให้คุณแล้ว ผมคิดว่าคุณจะเปลี่ยนนิสัย แล้วเวลาใช้คำพูดถึงผม อย่าเอ่ยมือเอ่ยเท้ามันไม่สุภาพ และผมก็มีมือมีเท้าที่จะเอ่ยถึงเหมือนกัน ผมจะหันหลังให้คุณตลอดชีวิต ที่พูดมาทั้งหมดถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตที่ผ่านมาผมไม่ได้สนิทกับครอบครัวนายทักษิณ ผมสนิทเพียงนายทักษิณและคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์เท่านั้น แต่หลังจากนี้คงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกมันสายเกินไปแล้ว” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

“ภูมิธรรม” เมิน ก.ก.ไม่สังฆกรรม

อีกเรื่อง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ไม่ส่งผู้แทนมาเป็นคณะกรรมการว่า เดี๋ยวต้องปรับนิดหน่อย ไม่มีปัญหา ไม่มีผลกระทบ เราใช้วิธีไปรับฟังได้อยู่แล้ว เราจริงใจเชิญทุกฝ่ายมาคุยให้ได้ข้อสรุป แต่ถ้าไม่สะดวกไม่เป็นไร คนที่ไม่ได้เข้าร่วมเราจะจัดเวทีรับฟังความเห็น เมื่อถามว่าพรรค ก.ก.เห็นว่ารัฐบาลไม่ชัดเจนว่าจะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จึงไม่เข้าร่วม นายภูมิธรรมตอบว่า เราชัดเจนว่าแก้ทั้งฉบับ แต่ไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 และพระราชอำนาจที่อยู่ในมาตราต่างๆ นอกนั้นแก้ให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ถ้าไม่เห็นด้วยไม่เป็นไรแค่เห็นต่าง แต่การแก้ไขเรื่องที่กล่าวไว้ไม่ควรมี เป็นเรื่องที่เห็นต่างในสังคมจะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งใหม่ขึ้น แต่อะไรทำให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ให้เสนอเข้ามาทำได้หมด

“สุทิน” ติงอยากแก้ รธน.ไม่น่ามีเงื่อนไข

นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวว่า กรณีพรรค ก.ก.ไม่ส่งผู้แทนมาเป็นคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการทำประชามติฯ ถ้าจริงใจจะทำ โอกาสดีแล้วรีบมาทำเลย ใครเป็นคนริเริ่มและมีโอกาสสำเร็จให้รีบมาเลย เชิญชวนให้พรรค ก.ก.รีบมา โอกาสนี้เป็นไปได้สูงที่สุด ถ้าไม่ร่วมโอกาสนี้จะร่วมโอกาสไหน ฝ่ายค้านจะไปทำเองได้เสียเมื่อไหร่ ถ้าอยากให้รัฐธรรมนูญได้รับการแก้ไขตามที่ต้องการ ไม่น่าจะมีเงื่อนไข เมื่อถามว่า มองเป็นการดึงเกมหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ก็คิดได้ แต่ไม่อยากกล่าวหา แต่ไม่มีเหตุผลอื่น แม้ไม่เข้าร่วมไม่กระทบกับการทำงานของคณะกรรมการ แต่เราอยากให้มาร่วม อยากให้รัฐธรรมนูญเป็นที่ยอมรับของประชาชน ต้องได้รับการยอมรับจากฝ่ายการเมืองทุกฝ่ายก่อน เชื่อว่ารัฐธรรมนูญดีที่สุดคือ รัฐธรรมนูญที่ประชาชนยอมรับ ไม่ใช่รัฐธรรมนูญจากต่างประเทศ ต้องเริ่มจากฝ่ายการเมืองมายอมรับ ทำด้วยกันและประชาชนจะยอมรับเอง

“พิชิต” หวังมอบ รธน.เป็นของขวัญ ปชช.

นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กว่ามีกระแสเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 มาต่อเนื่องหลายครั้ง เมื่อนายกฯโดยความเห็นชอบของ ครม.ตั้งคณะกรรมการฯเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ ตนได้รับมอบหมายให้เป็นกรรมการด้วย จึงรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดี ที่จะได้ใช้ความรู้ความสามารถในประสบการณ์ด้านกฎหมายมาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ การดำเนินการจะยึดประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชน ไม่แก้ไขในหมวด 1 หมวด 2 รวมถึงบทบัญญัติอื่นที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์และยึดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลัก ที่สำคัญการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ต้องทำให้สำเร็จด้วย เพื่อให้บ้านเมืองกลับสู่ประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ เชื่อมั่นว่าจะสำเร็จตามกรอบเวลาที่รัฐบาลวางไว้ เพื่อมอบให้เป็นของขวัญกับประชาชนทั้งประเทศ

“คารม” แขวะค่ายเก่าเลี่ยงกฎหมาย

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ โควตาพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีพรรค ก.ก.ไม่ส่งคนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติฯ ว่า พรรค ก.ก.คงคิดว่าอาจออกมาไม่ตามเจตนารมณ์ที่คิดไว้และออกแบบรัฐธรรมนูญมาไม่เหมือนกัน คงคิดว่าอยากทำอะไรให้ได้ดั่งใจ แต่คงเป็นไปไม่ได้ เชื่อว่าไม่สะดุดแต่อาจไม่สมบูรณ์ เพราะฝ่ายค้านไม่ร่วมอาจไม่ลงตัว ถือเป็นเสียงข้างน้อยไม่มาร่วม เพราะแสดงจุดยืนต่างกัน ส่วนกรณีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่ 1 ถูกขับออกจากพรรค ก.ก.เป็นการใช้กฎหมายเอื้อประโยชน์ จะลุกลามได้ ตนเคยโหวตสวนมติพรรค ก.ก.ไม่เห็นด้วยแก้มาตรา 112 ตอนนั้นพรรคยังไม่ขับออก แต่กรณีนายปดิพัทธ์ เป็นเพียงการเลี่ยงกฎหมาย เพื่อให้ได้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน

“อ๋อง” มั่นหน้าพรรค รบ.ไม่ต้องมาทาบ

ช่วงเช้า ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก ในฐานะรองประธานสภาฯ ให้สัมภาษณ์เรื่องการหาพรรคใหม่สังกัดหลังถูกพรรค ก.ก.ขับออกว่า จะคุยกับพรรคฝ่ายค้านในสภาฯ 2 พรรค และมีพรรคการเมืองนอกสภาฯด้วย คาดว่าได้คำตอบไม่เกิน 15 ต.ค. ตอนนี้มีพรรคให้เลือกเยอะ พรรครัฐบาลไม่ต้องติดต่อมา เมื่อถามถึงอาจถูกยื่นองค์กรอิสระให้ตรวจสอบจริยธรรม กรณีถูกขับออกจากพรรค ก.ก. นายปดิพัทธ์กล่าวว่า ตั้งแต่แสดงวิสัยทัศน์ต่อสภาฯในตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือต้องฟื้นฟูองค์กรนิติบัญญัติ ไม่อยู่ใต้อาณัติของรัฐบาลหรือตุลาการและ 3 อำนาจอธิปไตยต้องถ่วงดุล เป็นอิสระต่อกัน นิติบัญญัติควรจัดการภายในองค์กรได้ หากต้องพึ่งพาองค์กรที่เต็มไปด้วยคำถาม ถึงความเป็นกลางทางการเมือง โดยเฉพาะองค์กรอิสระจากการสืบทอดอำนาจของ คสช. เป็นประเด็นสังคมที่ต้องถามในบทบาทและท่าทีของฝ่ายการเมือง

“สุทิน” ประเดิมถกสภากลาโหม

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหมครั้งที่ 9/2566 ถือเป็นครั้งแรกของนายสุทินที่เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม โดย พล.ร.ต.ธนิตพงศ์ ศิริเศวตศักดิ์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมว่า รมว.กลาโหมมอบนโยบายประจำปีงบฯ 2567 เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติงานของส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจในกำกับดูแล การปฏิบัติต้องสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องและยุทธศาสตร์ชาติ รวมถึงนโยบายรัฐบาลให้เป็นรูปธรรม ทั้งการปรับปรุงรูปแบบการตรวจเลือกทหารกองประจำการ เพื่อนำไปสู่รูปแบบสมัครใจในอนาคต ปรับปรุงโครงสร้างอัตรากำลังพลและยุทโธปกรณ์ให้กะทัดรัดคล่องแคล่ว อ่อนตัว ทันสมัยและสมบูรณ์เหมาะสม การจัดซื้อจัดหายุทโธปกรณ์ การสวัสดิการทั้งภายในและเชิงธุรกิจ ต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ นำที่ดินหน่วยทหารไปใช้ ประโยชน์พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ปรับปรุงหลักสูตรวิชาการทหาร รวมถึงดูแลกำลังพลและครอบครัว ปรับปรุงที่พักอาศัยทหารชั้นผู้น้อยให้มีคุณภาพชีวิตที่มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานภาพของงบฯ

ยันเครื่องเรือดำน้ำทางออกดีแน่

นายสุทินกล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำว่า กองทัพเรือ (ทร.) ส่งเรื่องมาแล้ว แต่เรื่องยังมาไม่ถึงกระทรวงกลาโหม เรื่องเครื่องนี้ทุกฝ่ายต้องพอใจ ทร.ไม่เสียใจ ประชาชนรับได้ ประเทศไม่เสียหาย มิตรประเทศเข้าใจเรา แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าการแก้ไขเป็นอย่างไร เนื่องจากยังไม่เห็นข้อมูล แต่เป็นการตั้งหลักไว้เบื้องต้นว่า จะต้องสอดคล้องกับแนวทางนี้ อย่างไรก็ตาม ทำงานมาจะครบ 1 เดือนได้เข้าใจถึงวัฒนธรรมกองทัพ เข้าใจดีขึ้นเรื่อยๆสบายใจขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเรื่องแต่งตั้งโยกย้าย เพียงแต่ระแวดระวังอำนวยความเป็นธรรมให้ ใครไม่ได้รับความเป็นธรรมจะช่วยดูแลให้ ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง

ผบ.ทอ.แจงพับแผนซื้อบินรบไม่ได้

ที่ฝูงบิน 601 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. กล่าวถึงกรณีการจัดทำงบปี 2567 ของ ทอ.เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลที่ให้ชะลอการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ที่ไม่จำเป็นว่า ทอ.รับทราบนโยบายของนายกฯ พร้อมชะลอโครงการการจัดซื้อจัดหาอาวุธ โดยเฉพาะโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ นายกฯก็รับทราบและเข้าใจถึงความจำเป็นของ ทอ.ในปีนี้ ทอ.จะใช้การปรับปรุงเป็นซ่อมบำรุงเป็นส่วนใหญ่ เน้นจัดหาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย รวมถึงการช่วยเหลือประชาชน เช่น แผนปรับปรุงเครื่องบิน BT67 บรรจุแท็งก์น้ำดับไฟป่า แก้ปัญหาหมอกควัน ส่วนอื่นๆเน้นเรื่องความปลอดภัย เช่น การซ่อมแซมอากาศยาน เมื่อถามว่าต้องพับโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ฝูงใหม่ไปเลยหรือไม่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดีตอบว่า คงพับแผนไม่ได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญเราต้องปฏิบัติตามภารกิจความมั่นคงปกป้องเอกราชอธิปไตย โดยในปี 2571 เป็นต้นไป ทอ.จะเริ่มทยอยปลดประจำการเครื่องบินขับไล่ F16 ที่ จ.นครราชสีมา ทั้งนี้ การจัดหามาทดแทนต้องใช้ระยะเวลา ฉะนั้นต้องวางแผนล่วงหน้า และอาจต้องขอจัดหาเครื่องบินขับไล่ทดแทนในปีงบฯ 2568

สภาฯถกด่วนภัยพิบัติน้ำท่วม

ช่วงบ่าย ที่ประชุมสภาฯพิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจาให้พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติของนายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) นายสัญญา นิลสุพรรณ สส.นครสวรรค์ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และนายคริษฐ์ ปานเนียม สส.ตาก พรรคก้าวไกล เป็นผู้เสนอเพื่อส่งเรื่องให้รัฐบาลดำเนินการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ โดยมี สส.ส่วนใหญ่อภิปรายท้วงติง และเสนอแนะตรงกัน ทั้งเรื่องระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ แจ้งผ่านเพจเฟซบุ๊กหอกระจายข่าว เสียงตามสายผ่านผู้นำชุมชน คงไม่เพียงพอ แต่ต้องมีระบบการเตือนประชาชนทุกคนโดยตรงผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือ “Cell Broadcast” และพื้นที่ไหนที่น้ำท่วม ควรประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ เพื่อรับรองว่าหลังน้ำลดประชาชนจะได้รับการเยียวยา

2 รมต.จับเข่าเคลียร์ปัญหากลุ่มพีมูฟ

เมื่อเวลา 10.20 น. ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯได้หารือร่วมกับตัวแทนกลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณประตู 5 ทำเนียบฯ โดยนายภูมิธรรมกล่าวว่า ได้รับฟังปัญหาพีมูฟมีมาต่อเนื่อง บางส่วนคลี่คลายไปบ้าง นายกฯเป็นห่วง มีประชาชนมารวมกลุ่มแสดงตน ยืนยันถึงความยากลำบาก จึงได้กราบเรียนนายกฯว่า ขณะนี้ประชาชนเดือดร้อน ท่านมอบหมายตน ร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัสให้มาช่วยดูแล เท่าที่ดูข้อเสนอของพีมูฟ ไม่ได้มีปัญหาที่ดินอย่างเดียว ยังมีความคิดเห็นเรื่องรัฐธรรมนูญ การดำรงอยู่ ที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน มีแนวโน้มจะขอให้ ร.อ.ธรรมนัส รับผิดชอบและประสานงานให้พูดคุยแก้ปัญหากันให้เสร็จโดยเร็ว ภายใน 2 สัปดาห์นี้จะให้จบ ถ้าทำได้เลย เราจะเริ่มทำทันที ขอร้องกลุ่มผู้ชุมนุมพีมูฟให้ขยับสถานที่ชุมนุมไปอยู่ในจุดที่ได้ขออนุญาตไว้ ไม่ได้พูดหลอกลวงให้ย้ายสถานที่ชุมนุม จะให้ ร.อ.ธรรมนัสพูดคุยต่อในรายละเอียด โดยตั้งคณะกรรมการขึ้น 1 ชุด เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

“บิ๊กโจ๊ก” กล่อมย้ายที่ชุมนุม

ต่อมาเวลา 16.05 น. ที่ประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เดินทางมาเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมขบวนประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ที่ปักหลักชุมนุมมา 2-3 วันแล้ว โดยได้นั่งยองๆพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่าได้รับผิดชอบงานใหม่ ให้มาดูแลงานด้านมวลชน จากการที่ได้เข้าพบนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ พูดคุยกับนายจำนงค์ หนูพันธ์ ประธานพีมูฟ ทราบว่าข้อเรียกร้องต่างๆจะถูกนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.วันที่ 10 ต.ค. ขอให้ทุกคนใจเย็นๆ รอฟังผลจากที่ประชุม ครม.จะมีผลเป็นอย่างไร ถึงอย่างไรนายกฯไม่ทอดทิ้งพวกเราทุกคน ขอให้สบายใจ ไม่มีการสลายการชุมนุม

การันตีไม่ใช้กำลังสลายม็อบ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวกับผู้ชุมนุมว่า ขอหารือพวกเราทุกคนว่าจากเดิมที่ขอชุมนุมในพื้นที่หน้าอาคารยูเอ็น แต่เลื่อนมาชุมนุมหน้าทำเนียบฯ จะผิดเงื่อนไขตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ อยากให้ทุกคนเคลื่อนย้ายกลับไปที่หน้ายูเอ็น ไม่อยากให้ต้องมีคดีอะไรติดตัวไป ยืนยันจะไม่มีการใช้กำลังสลาย เพราะพวกท่านไม่ใช่ม็อบที่รุนแรงมาเพื่อปากท้อง เดือดร้อนจริงๆ รัฐบาล นายกฯเข้าใจเรื่องทั้งหมด เราต้องไม่สร้างเงื่อนไขทำผิดกฎหมาย ตนมาด้วยความจริงใจ ถ้าไม่จริงใจคงมอบให้ผู้กำกับมาแล้ว เมื่อรอง ผบ.ตร.ลงมารับประกันด้วยตัวเองการันตีให้เองขอให้เชื่อตน เคลื่อนกลับไปหน้ายูเอ็น ทั้งนี้มีชาวบ้านตะโกนให้กำลังใจ “บิ๊กโจ๊ก” ให้เป็นตำรวจน้ำดีต่อไป พร้อมปรบมือให้ก่อนกลับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้พูดคุยกับชาวบ้านอย่างเป็นกันเองพร้อมกับเปิดโอกาสให้ถ่ายรูปร่วมกัน

ศาลยกฟ้อง “สิระ” หมิ่น “เสรีพิศุทธ์”

ที่ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี ที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เป็นโจทก์ฟ้องนายสิระ เจนจาคะ อดีต สส.กทม. พรรค พปชร.นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ อดีต สส.ปทุมธานี พรรค พท. ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ฐานหมิ่นประมาทฯ ใส่ความโจทก์กระทำรุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นที่ดินสาธารณะเพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือของบ้านโจทก์ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์แล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1-2 ให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นต่อสื่อมวลชนเป็นไปด้วยความสุจริต ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษายกฟ้อง

“ดร.เสรี” โล่งติชม “ธนาธร” โดยสุจริต

อีกคดีศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เป็นโจทก์ฟ้องนายเสรี วงษ์มณฑา และนายวุฒินันท์ นาฮิม 2 ผู้ดำเนินรายการชื่อดัง ร่วมกันเป็นจำเลยฐานหมิ่น ประมาทฯ พูดคุยในรายการ “เปิดเนตร” หัวข้อ “เป้าประสงค์ชัด” ธนาธรอยากเป็นมากกว่านายกฯ “เผยแพร่ทางเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันยูทูบ ใส่ความให้เข้าใจได้ว่า โจทก์กล่าววาจาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงเจตนาแสดงความอาฆาตมาดร้าย และต้องการล้มล้างสถาบันฯ ทำให้โจทก์เสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียง ศาลพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นแต่เพียงการจัดรายการในฐานะสื่อมวลชนและประชาชนคนหนึ่ง วิเคราะห์ข้อมูลไปตามเนื้อข่าวที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ เพื่อสื่อสารไปยังประชาชนที่เคารพสถาบันฯเท่านั้น ถ้อยคำและข้อความของจำเลยเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริตติชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยซึ่งบุคคลหรือประชาชนย่อมกระทำได้พิพากษายกฟ้อง


อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่