“นายกฯ เศรษฐา” มอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณ 2567 ย้ำ เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ได้ใช้ใน ก.พ. ปีหน้า ลั่นรับไม่ได้ ต้องกำจัดเจ้าหน้าที่เรียกรับสินบน ทำตัวเป็นนายประชาชน เดินหน้าทำประชามติรัฐธรรมนูญคืนอำนาจประชาชน
วันที่ 2 ตุลาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานพิธีเปิดโครงการประชุมสัมมนาการมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ชั้น 1 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และหน่วยงานจากองค์กรต่างๆ เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
ในช่วงหนึ่ง นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงมาตรการระยะสั้น โดยเน้นย้ำถึงนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า กรอบงบประมาณ 560,000 ล้านบาท จะขับเคลื่อนอุปทานให้โตขึ้น ก่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน สิ่งที่ได้รับคืนมาคือภาษีที่จะกลับสู่ภาครัฐ และการจำกัดการใช้จ่ายให้อยู่ในชุมชน จะทำให้เงินหมุนเข้าระดับรากหญ้าก่อนเสมอ ทุกภาคส่วนจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมเศรษฐกิจนี้
...
“ระยะเวลา 6 เดือนนี้เอง เพื่อกำหนดให้เงินทุนต้องหมุน มีการจับจ่ายใช้สอย ไม่อย่างนั้นจะมีการเอาไปดองไว้ ไม่เกิด Multiplier Effect หรือการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ตอนนี้ ครม. ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแอปพลิเคชัน การจัดหาแหล่งเงิน การกำหนดกฎระเบียบทั้งหมด และตอบคำถามจากทุกๆ คน ไม่ต้องห่วงครับ ได้ใช้แน่นอนภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้”
ส่วนด้านการท่องเที่ยวจะมีการฟื้นฟูทั้งภายในและนอกประเทศ ซึ่งไม่เพียงแต่ฟรีวีซ่าให้จีนและคาซัคสถาน แต่จะดำเนินการกับประเทศอื่นๆ เพิ่มอีก โดยพิจารณาจากสถานภาพเศรษฐกิจ ความต้องการ สถานะของประเทศ และมาตรการอื่นๆ ที่เหมาะสม ด้วยทิศทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น มั่นใจว่าจะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำไปอยู่ที่ 400 บาทต่อวันได้เร็วที่สุด ขณะที่การลดราคาพลังงาน จะหาทางลดลงอีก อาทิ ค่าก๊าซหุงต้ม น้ำมันเบนซิน เพื่อให้เหมาะสมกับค่าครองชีพของประชาชน รวมถึงการพักหนี้เกษตรกรที่กำลังดำเนินการอยู่
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวต่อไปถึงเรื่องรัฐธรรมนูญ ว่า รัฐบาลเดินหน้าดำเนินการแล้ว โดยจะทำประชามติยกร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุด เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน นอกจากนี้ จะเดินทางการเจรจาต่างประเทศในการเชิญชวนมาลงทุนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลและราชการต้องบริการประชาชนให้ดีขึ้น ต้องไม่มีการต่อคิวรอตั้งแต่เช้า กำจัดเจ้าหน้าที่ที่ทำตัวเป็นนายประชาชน เรียกรับสินบน ซึ่งตนรับไม่ได้ ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันดูแลประชาชนให้มีชีวิตอย่างมีความสุข มีสวัสดิการที่เหมาะสม เลี้ยงชีพได้อย่างสมศักดิ์ศรี สิ่งที่ทำมาดีแล้วขอให้ทำต่อไป และขอให้เปิดใจรับฟังเสียงของประชาชนแล้วนำไปปรับปรุง กำกับดูแลการทำงาน มีตัวชี้วัดที่ชัดเจน ขอให้ยึดโยงกับประชาชนเสมอ
“รัฐบาลจะได้เงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เป็นวงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ผมตั้งใจที่จะบริหารจัดการการคลังด้วยความรอบคอบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และจะรักษาระเบียบวินัย ศักยภาพทางการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด”
สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จะให้ความสำคัญตามกรอบ 5 ข้อ ดังนี้
1. ทำงบประมาณตามนโยบายที่สัญญากับประชาชน
2. ทำอย่างบูรณาการ ลดความซ้ำซ้อน อย่าให้เกิดขึ้นอีกในรัฐบาลนี้
3. ทำอย่างมีประสิทธิภาพ รักษาวินัยการเงินการคลัง
4. ทำอย่างมีตัวชี้วัดและมีเป้าหมาย
5. ทำให้ครบทุกแหล่งเงินทุน
นายเศรษฐา ระบุในช่วงท้ายว่า แม้งบประมาณปี 2567 จะล่าช้า แต่ขอให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการเบิกจ่ายภายใต้กรอบกฎหมาย ระมัดระวังอย่าให้เศรษฐกิจสะดุด และขอให้หน่วยงานต่างๆ ทำงบประมาณตามกรอบ 5 ข้อ เพื่อใช้ภาษีทุกบาททุกสตางค์ของประชาชนอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์ต่อคนไทยทุกคน และจัดส่งงบประมาณภายใน 6 ตุลาคมนี้.