“พีระพันธุ์” รมว.พลังงาน เข้าทำงานวันแรก ใช้บ้านพิบูลธรรมเป็นสถานที่ทำงาน มอบนโยบาย พร้อมย้ำกับข้าราชการระดับสูง มีอะไรมาหารือได้ตลอด ร่วมมือกันทำงานเพื่อประโยชน์ 

เมื่อวันที่ 13 กันยายน เวลา 15.00 น. ที่ผ่านมา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เดินทางเข้าทำงานในตำแหน่ง รมว.พลังงาน โดยใช้บ้านพิบูลธรรม เลขที่ 17 เชิงสะพานกษัตริย์ศึก ถนนพระรามที่ 1 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน เป็นสถานที่ทำงาน โดยมี นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน นำข้าราชการระดับสูง และข้าราชการกระทรวงพลังงานรอต้อนรับ รวมถึงผู้สนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาติจำนวนหนึ่ง นำโดย นางกัลยาณี จูปรางค์ หรือ ป้าอยุธยา

นายพีระพันธุ์ เข้าสักการะพระพุทธรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 วางพวงมาลัยทำความเคารพภาพถ่าย ม.ร.ว.ปุ้ม มาลากุล อดีตเจ้าของบ้านพิบูลธรรม และสักการะศาลพ่อปู่สิงห์ สุรชัยยะเทวะ ก่อนเข้าห้องทำงานซึ่งตั้งอยู่ภายในชั้น 2 ของอาคาร 1 พร้อมพูดคุยมอบนโยบายผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพลังงาน โดยให้แนวทางในการทำงานว่า ต้องทำงานให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด มีปัญหาอะไรให้มาปรึกษาหารือกับตนได้โดยตรง ไม่ต้องเกรงใจ เพราะเป็นคนที่ง่ายๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตอง

...

สำหรับบ้านพิบูลธรรม เดิมชื่อว่า บ้านนนที ก่อสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 ประมาณปี พ.ศ. 2440 ในเนื้อที่ประมาณ 4-5 ไร่ ต่อมาเมื่อเกิดทางรถไฟสายเหนือขึ้นที่สถานีหัวลำโพง ที่ดินบางส่วนของบ้านจึงต้องถูกเวนคืนให้แก่ทางราชการเพื่อสร้างทางรถไฟ ทำให้เนื้อที่ถูกแยกออกเป็นสองส่วน มีทางรถไฟผ่าเกือบกลางเนื้อที่ โดยด้านหนึ่งติดริมคลองผดุงกรุงเกษม อีกด้านติดทางรถไฟสายเหนือ และวัดบรมนิวาสราชวิหาร ด้านหน้าติดถนนพระราม 1 และด้านท้ายติดห้องแถวตลาดโบ๊เบ๊

บ้านนนที เดิมมีหลังเดียวคือ ตึกกลาง (หรืออาคาร 1 ในปัจจุบัน) ม.ร.ว.ปุ้ม มาลากุล ได้รับพระราชทานทั้งที่ดินและบ้านจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะดำรงตำแหน่งเป็น พระยาอนุรักษราชมณเฑียร ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ประมาณ พ.ศ. 2456 ม.ร.ว.ปุ้ม มาลากุล ได้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงวัง มียศเป็นเจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี หลังจากรับราชการตำแหน่งนี้มาประมาณ 8-10 ปี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานเงินให้สร้างตึกอีกหลังหนึ่งพร้อมกับบริเวณและตกแต่งอาคารหลังเดิมใหม่ เพื่อที่จะเสด็จฯ มาประทับชั่วคราว ซึ่งการก่อสร้างออกแบบอาคารทำโดยวิศวกรและสถาปนิกชาวอิตาเลียนทั้งหมด และตกแต่งแกะลวดลายไม้ต่างๆ โดยนายช่างเป็นชาวเซี่ยงไฮ้ที่ร่วมกับนายช่างไทย มีศิลปินชาวอิตาเลียนเขียนภาพเพดานและภาพฝาผนังภายในห้องต่างๆ

ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 บ้านนนทีถูกระเบิดที่ฝ่ายสัมพันธมิตรนำมาทิ้งโจมตีสถานีรถไฟหัวลำโพง แต่ลูกระเบิดไม่ถูกเป้าหมาย กลับมาลงที่บ้านนนทีหลายลูกทำให้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เกินกว่าที่เจ้าของบ้านจะซ่อมแซมให้คืนสภาพเดิมได้ ทางเจ้าของบ้านคือ ม.ล.ปีกทิพย์ มาลากุล จึงได้เสนอขายให้แก่ทางรัฐบาลติดต่อกันมาหลายปี จนถึง พ.ศ. 2498 รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้อนุมัติให้โรงงานยาสูบซื้อไว้เป็นสถานที่ราชการ และเปลี่ยนชื่อจากบ้านนนที เป็นบ้านพิบูลธรรม และถูกใช้เป็นบ้านรับรองของรัฐบาล จนกระทั่งในวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2502 การพลังงานแห่งชาติ (หรือกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน ที่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน) ใช้มาจนถึงปัจจุบัน.