“นายกฯนิด” ตะลุยอุดรฯ-หนองคาย ไล่จี้เชื่อมรถไฟฟ้า รางคู่-อัปเกรดศูนย์กระจายสินค้าไทย-ลาว-จีน วอน อบจ.อุดรฯเข้าใจ หั่นงบฯงานพืชสวนโลก 5.5 พันล้านลงให้เหมาะสม เสร็จทันเวลา อ้อนมาเยือนถิ่นอีสานแสนอบอุ่น อินดูแววตาพี่น้องชาวบ้านเดือดร้อนจริงๆ ลั่นพร้อมแจงแถลงนโยบายรัฐบาล “ก้าวไกล” จัดหนัก 30 ขุนพลถล่ม “ศิริกัญญา” แม่ทีมฟาดนำร่อง “วิโรจน์” รัวปิดท้าย “ชัยธวัช” จองกฐินฟัดปฏิรูปกองทัพ “ณัฐชา” แหย่นายกฯต้องลุกขึ้นตอบทุกกระทรวง อย่าหัวร้อนซ้ำรอยอดีตผู้นำ “สุทิน” แพลมจากนี้ลดซื้ออาวุธเหล่าทัพ ยันรัฐบาลพร้อมช่วยเจรจาจบปัญหาเครื่องยนต์เรือดำน้ำ ชงเปลี่ยนเป็นเรือผิวน้ำหรือแลกปุ๋ยจีน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ยังคงใช้เวลาก่อนแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา นำทีมรัฐมนตรีเดินสายลงพื้นที่ จ.อุดรธานีและหนองคาย เพื่อรับฟังข้อมูลปัญหาในพื้นที่และติดตามโครงการศูนย์กระจายสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

“เศรษฐา” นำ รมต.เดินตลาดอุดรฯ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 ก.ย.ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ จ.อุดรธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่ตลาดร่มเขียวอุดรธานี เพื่อเดินดูตลาด โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักมีประชาชนมาให้การต้อนรับอย่างเนืองแน่นและรุมกรี๊ดเมื่อเจอนายกฯตัวจริง ก่อนพูดว่า “ตัวจริงสูงและหล่อกว่าในทีวี” นายเศรษฐาได้ยกมือไหว้ทักทายประชาชนตลอดเส้นทาง ทุกร้านค้าพยายามนำเสนอสินค้าของตนเองให้ชิม ทั้งข้าวจี่ ปลาร้าบอง ถั่วคั่ว กล้วยและก๋วยเตี๋ยวหลอด นายกฯได้ทดลองชิมเพียงบางอย่างเพราะบางอย่างทานไม่เป็น โดยนายกฯได้อุดหนุนสินค้าเกษตร อาทิ ผักสวนครัว ข้าวไรซ์เบอร์รี พร้อมให้คำแนะนำพ่อค้าแม่ค้าพัฒนาแพ็กเกจจิ้งเพื่อส่งออก อยากใส่รายละเอียด เพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคซื้อสินค้า เพราะสินค้าบางอย่างของไทยเป็นที่ต้องการในต่างประเทศ

...

เจอลุงท้าทำ ปท.เป็นรัฐสวัสดิการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งระหว่างเดินตลาดมีคุณลุงได้เดินมาพูดจาท้านายกฯว่า “นายกฯต้องทำให้ประเทศนี้เป็นรัฐสวัสดิการให้ได้ แล้วผมจะยอมรับ” นายกฯตอบกลับไปทันทีว่า “พูดแบบนี้คนอาจจะไม่เข้าใจ รัฐสวัสดิการคือ รัฐดูแลประชาชน ย้ำว่ารัฐดูแลประชาชน”

นั่งรถไฟไปหนองคาย จี้รางคู่เฟส 2

จากนั้นเวลา 09.50 น. นายเศรษฐาและคณะเดินทางไปยังสถานีรถไฟอุดรธานี ขึ้นรถไฟดีเซลรางปรับอากาศชั้นสองขบวนพิเศษ โบกี้ที่ 2516 เดินทางต่อไป จ.หนองคาย ระหว่างนั่งรถไฟนายเศรษฐา ได้พูดคุยกับนายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีน นายวรายุส์ ตรีวัฒนสุวรรณ ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.อุดรธานี และนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ถึงเส้นทางรถไฟรางคู่ ขณะนี้ระยะ 1 ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558 เสร็จถึงแค่ จ.ขอนแก่น ส่วนระยะที่ 2 จะเชื่อมต่อจากจ.ขอนแก่นมายัง จ.หนองคาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจและการขนส่งให้เชื่อมต่อจากไทยไปลาวและจีนได้ หอการค้าไทย-จีนและสภาอุตสาหกรรมจ.อุดรธานี ต้องการให้รัฐบาลเร่งรัดการก่อสร้างรถไฟรางคู่ให้เสร็จก่อนปี 2569 ที่ จ.อุดรธานี จะเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจทั้งเรื่องการค้าและการท่องเที่ยว

อัปเกรดจุดขนส่งสินค้าไปเพื่อนบ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนรถไฟของนายกฯได้จอดที่สถานีรถไฟนาทา จ.หนองคาย ซึ่งเป็นจุดที่จะก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยนายกฯได้ขอรายละเอียด การพัฒนาพื้นที่นาทา ซึ่งมีแนวคิดต้องการให้เป็นจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าแบบ One stop service ที่มีหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนถ่ายสินค้าจุดเดียว อาทิ ศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และองค์การอาหารและยา ปลัดกระทรวงคมนาคมได้ชี้แจงว่าการดำเนินการที่ผ่านมาแผนจะเป็นลักษณะเดียวกันกับที่นายกฯต้องการจะต้องมีการประสานกับจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าประเทศเพื่อนบ้าน โดยพื้นที่ก่อสร้างต้องเวนคืนที่ของการรถไฟฯโดยรอบ 193 ไร่ ใช้เงินลงทุน 5,400 ล้านบาท จะใช้แนวทางให้เอกชนร่วมลงทุน พร้อมรายงานนายกฯว่าการขนถ่ายสินค้าระหว่างไทยกับลาว ยังล่าช้าเนื่องจากเส้นทางรถไฟจุดสะพานมิตรภาพไทยลาวรับน้ำหนักได้น้อย จึงมีแผนจะเพิ่มประสิทธิภาพการรับน้ำหนัก เพื่อทำให้การขนถ่ายสินค้าคล่องตัวและรวดเร็วมากขึ้น

อวยชาวนาจะเป็นเศรษฐีกระหึ่ม

ต่อมาเวลา 10.50 น. ขบวนรถไฟมาถึงสถานีรถไฟหนองคาย มีประชาชนจำนวนมากรอต้อนรับอยู่ โดยพร้อมใจกัน เข้ามอบดอกกุหลาบ ผูกผ้าขาวม้าและขอถ่ายรูปกับนายกฯกันอย่างคึกคัก พร้อมตะโกน ส่งเสียงเชียร์ด้วยว่า “นายกฯเศรษฐา ชาวนาจะเป็นเศรษฐี” นอกจากนี้ยังมีสภาเกษตรกรจังหวัด สภาเกษตรกรหนองคาย ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนกับนายกฯ เพื่อขอให้แก้ไขปัญหาสิทธิทำกินและปัญหาแหล่งน้ำ

ดันหนองคายเชื่อมสินค้าไปจีน

เมื่อนายเศรษฐาและคณะเดินทางถึงด่านพรมแดนหนองคาย มีนายเอกธนัช อินทร์รอด น.ส.ชนก จันทาทอง สส.หนองคาย และนายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ อดีต สส.หนองคาย มารอต้อนรับ นายกฯได้พูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้า ทั้งขั้นตอนพิธีการศุลกากร การค้าชายแดน และการพัฒนา One Stop Service ระหว่างไทย-ลาว-จีน โดยนายเศรษฐากล่าวว่า เป็นเกียรติที่ได้มา จ.หนองคาย เป็นจังหวัดแรกๆที่มาหลังได้รับโปรดเกล้าฯ มารับฟังปัญหาเพื่อประกอบการทำงาน หากมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเรียบร้อย แล้วจะเดินหน้าทำงานเต็มที่ จ.หนองคาย เป็นจังหวัดเล็กแต่สร้างรายได้สูงเป็นอันดับที่ 4 ของภาคอีสาน ต้องให้ความสำคัญมาก ได้พูดคุยกับปลัดกระทรวงคมนาคมถึงการเชื่อมต่อเส้นทางไปถึงสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐประชาชน จีน เรามีสินค้าจากหลายจังหวัด รวมถึงท่าเรือแหลมฉบังด้วย ต้องการให้ จ.หนองคาย เป็นจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า และต้องแก้ไขเรื่องสะพานรับน้ำหนักสินค้า ส่วนวันสต็อปเซอร์วิส ต้องการให้ส่งสินค้าไปจีนง่าย

มอบ “สุริยะ” เจ้าภาพพัฒนารถไฟ

จากนั้น นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า นั่งรถไฟมา จ.หนองคาย เพื่อดูจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า เนื่องจาก จ.หนองคาย เป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญที่สุด ส่งสินค้าจากไทยไปลาวและจีน รถไฟรางคู่จุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าต้องยกระดับสะพานรองรับน้ำหนักสินค้าให้มากขึ้น เมื่อถามถึงการพัฒนาสถานีรถไฟนาทาจะแล้วเสร็จในกี่ปี นายเศรษฐากล่าวว่า คงต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ตอนนี้ต้องนับหนึ่งก่อน เมื่อกลับไปกรุงเทพฯจะประชุมกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม จะประสานงานการตั้งคณะทำงานขึ้นมา ต้องมีคณะกรรมการการเจรจาการค้าระหว่างประเทศด้วย เพื่อไม่ให้มีอุปสรรคในการทำงาน และอาจต้องเชิญ รมว.ต่างประเทศร่วมด้วย การลงพื้นที่ครั้งนี้ทั้ง จ.ขอนแก่น และอุดรธานี เป็นจังหวัดใหญ่ที่มีศักยภาพสูงในการจะพัฒนาต่อไปได้ จ.อุดรธานี มีแนวคิดที่จะสร้างนิคมอุตสาหกรรมขึ้นมา เมื่อถามถึงรถไฟรางคู่เฟส 2 จาก จ. ขอนแก่นมา จ.หนองคาย ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือเดินหน้าระยะที่ 1 ต่อได้เลย นายเศรษฐากล่าวว่า เข้าใจว่าเข้า ครม.ครั้งเดียวจบแล้ว มีเรื่องและงบฯที่กันไว้เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะได้กลับมา จ.หนองคาย อีกครั้ง ช่วงปลายเดือนหน้ามารับฟังความคืบหน้าเรื่องนี้

ขอ อบจ.อุดรฯลดงบฯพืชสวนโลก

เมื่อถามว่า มองว่าการบริหารงบฯของรัฐบาลยุ่งยากหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า เรื่องงบฯไม่อยากใช้คำว่ายุ่งยาก ต้องบริหารจัดการกันเป็นหน้าที่รัฐบาล กระทรวง ทบวง กรม ต้องจัดสรรงบฯให้เหมาะสม ต้องช่วยกันบริหารจัดการให้งบฯอยู่ในกรอบ ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาการเงินและการคลังอีก เมื่อถามถึงการจัดงานมหกรรมพืชผลโลกที่มีการของบฯเพิ่มเป็นเท่าตัวและระยะเวลาก่อนเริ่มงานเหลืออีก 3 ปี จะเพิ่มงบฯให้หรือไม่ จะบริหารจัดการอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า แปลกใจ เมื่อวันที่ 8 ก.ย.มารับฟังความคืบหน้า เหลือเวลาอีก 3 ปี ต้องดูให้ดี หากสร้างไม่ทันจะเป็นปัญหา ต้องกลับไปช่วยกันดูให้เหมาะสม ลดค่าใช้จ่าย ทำให้อยู่ในกรอบงบฯที่ทำได้ หากเพิ่มมานิดหน่อยน่าจะพิจารณาได้ แต่สำคัญที่สุดจุดเริ่มต้นต้องเริ่มแล้ว ไม่เช่นนั้นไม่ทันจะเสียหน้า หวังว่า อบจ.จะเข้าใจ บางนโยบายเป็นเรื่องยาก จึงอยากลงพื้นที่ให้ได้มากที่สุด มารับฟังปัญหา หลายเรื่องยังไม่ได้ถูกหยิบยกมาพูด ไม่ว่าปัญหายาเสพติด กลับไปกรุงเทพฯวันที่ 10 ก.ย.จะประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเร่งบริหารจัดการต่อไป นอกจากปากท้องแล้ว ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญของภาคอีสานเช่นกัน รัฐบาลต้องดูทุกเรื่อง

อินดูแววตาชาวบ้านเดือดร้อนจริง

เมื่อถามถึงการประชุม ครม.สัญจร จังหวัดแรกจะไปที่ใดและเมื่อไหร่ เพราะเคยระบุว่า จ.หนองบัวลำภูเป็นจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวน้อยที่สุดในประเทศ จะเป็นจังหวัดแรกที่ไปหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า มา ภาคอีสานทำให้ทราบปัญหาจริงๆ ไม่อยากใช้คำว่า “อิน” แต่ดูจากแววตาเห็นว่าประชาชนเดือดร้อนจริงๆ มาจังหวัดเจริญที่สุดในภาคอีสานแล้ว แต่ยังเห็นว่ามีความยากลำบาก ครม.นอกสถานที่ ได้คุยกับรองนายกฯและเลขาธิการนายกฯแล้วว่า หากเรามี ครม.สัญจร จะบอกอีกครั้งว่าเมื่อไหร่ แต่หวังว่าจะไม่เกินเดือน พ.ย. จังหวัดแรกที่น่าจะไปคือ จ.หนองบัวลำภู

อ้อนมาอีสานอบอุ่น

“การลงพื้นที่อีสานรอบนี้แตกต่างจากตอนหาเสียงเลือกตั้ง ครั้งนี้รู้สึกได้ถึงความเป็นธรรมชาติมากกว่า อบอุ่นในแววตาของคนที่ได้พบเห็น หากมีเรื่องหนักใจอยากเดินทางมาอีสาน เพราะเหมือนเป็นการฮีลใจ (เยียวยาจิตใจให้รู้สึกดีขึ้น) เมื่อถามถึงความพร้อมการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาวันที่ 11-12 ก.ย. นายเศรษฐากล่าวว่า “พร้อมครับ” ได้มอบหมาย พูดคุยกันแล้วว่า รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงต้องช่วยกัน”

ปัดไม่รู้โยก “รอย” นั่งเลขาฯ สมช.

เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขา ธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะเกษียณอายุราชการเดือน ก.ย. และมีกระแสข่าว พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. จะข้ามห้วยมารับตำแหน่งดังกล่าว นายเศรษฐากล่าวว่า “ไม่ทราบเลยครับ ผมให้นโยบายไปคร่าวๆเกี่ยวกับการแต่งตั้งข้าราชการ ควรให้การเลื่อนตำแหน่งต่างๆอยู่บนพื้นฐานความสามารถ ความซื่อสัตย์สุจริต การซื้อขายตำแหน่งหรือการใช้เส้นสาย หรือการให้นายทุนมามีส่วนร่วม ในการโยกย้ายตำแหน่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ไม่เห็นด้วย เป็นอย่างยิ่ง” เมื่อถามว่าหากเป็นเช่นนั้นตำแหน่งเลขาฯ สมช.จะให้หน่วยงานเป็นผู้เสนอใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องเป็นอย่างนั้น และต้องดูที่ความเหมาะสมด้วย ไม่เช่นนั้นขวัญและกำลังใจของข้าราชการจะเสีย

รับน้ำมนต์พระให้พรบริหาร ปท.ให้ดี

ต่อมาเวลา 13.30 น. นายเศรษฐาและคณะเดินทางต่อมายังวัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย เข้าสักการะหลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัยหรือที่หลายคนรู้จักในชื่อบ้านหลวงพ่อพระใสพระอารามหลวง ทันทีที่นายเศรษฐาไปถึงอุโบสถ มีชาวบ้านเข้ามาขอถ่ายรูป นำผ้าขาวม้ามาผูกที่เอวพร้อมกล่าวว่า ต้องผูกแน่นๆ จะได้อยู่นานๆ พวกเรารอมานานแล้ว นายกฯต้องอยู่นานๆ จากนั้นนายเศรษฐาเข้ากราบสักการะพระพุทธรูปหลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปสำคัญคู่เมืองหนองคาย และนมัสการพระเทพวชิรคุณ (รศ.ดร.พิศิษฐ์ สุวีโร) เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย พร้อมทั้งรับพรจากเจ้าอาวาสที่ระบุว่า “ได้ติดตามพวกท่านทั้งหมด รู้จักชื่อรัฐมนตรีทุกคน ขอให้ช่วยกันบริหารประเทศให้ดี” จากนั้นนายเศรษฐาได้ก้มกราบรับน้ำมนต์จากเจ้าอาวาส โดยเจ้าอาวาสใช้ตอกพรมน้ำมนต์แตะศีรษะของนายกฯ

แวะช็อปปิ้งซื้อผ้าฝาก “อุ๊งอิ๊ง”

หลังจากนั้น นายเศรษฐาและคณะเดินทางมาที่ตลาดผ้าบ้านนาข่า อ.เมืองอุดรธานี เป็นการรวมกลุ่มทอผ้าของชาวบ้าน บริหารในรูปแบบธุรกิจ โดยเฉพาะการขายผ้าไหมลายขิด และผ้าฝ้ายย้อมครามประยุกต์ตัดเย็บตามเอกลักษณ์ของผ้าชาวอีสานด้วยงานแฮนด์เมด ได้รับการตอบรับที่ดีจากพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่เข้ามาขอถ่ายรูปกันคึกคัก ทั้งนี้นายเศรษฐากล่าวว่า อยากได้ผ้าไทยไปตัดชุด ใส่ไปประชุมคณะรัฐมนตรี แต่เดินจนสุดซอยแล้วยัง
ไม่ได้สิ่งที่ถูกใจ แต่เห็นผ้าสีเหลืองเป็นผ้ายกดอกสุรินทร์ อุดหนุนแม่ค้า 1 ผืนราคา 8,500 บาท เอาไปฝาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ก่อนเดินทางกลับ นายเศรษฐาได้ถ่ายรูปที่จุดถ่ายรูปที่ระลึกของตลาดผ้านาข่า พร้อมกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับสินค้า OTOP แต่เข้าใจว่าตอนนี้มีปัญหาค่าใช้จ่ายสูง ยืนยันว่าในการประชุม ครม.นัดแรก จะลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมันบรรเทาทุกข์เบื้องต้น จะดูแลปัญหาหนี้สินด้วย จากนั้นนายกฯ และคณะเดินทางต่อไปยังสนามบินนานาชาติ จ.อุดรธานี เดินทางกลับกรุงเทพฯ

“สุทิน” แย้มจากนี้ลดซื้ออาวุธน้อยลง

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต มีการจัดเวทีนำเสนอและรับฟังรายงานหัวข้อ ความมั่นคงในระเบียบไทยโลก ความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics)ของนักศึกษาหลักสูตรปริญญาดุษฎีบัณฑิตผู้นำทางสังคม ธุรกิจและการเมืองวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต มีนายสุริยใส กะตะศิลา คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม กล่าวถึงจุดประสงค์การสัมมนา และมีนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เข้าร่วมงาน พร้อมกล่าวให้ข้อคิดเเละมุมมองแก่นักศึกษาว่า เดิมจะเข้ารับตำแหน่ง นอนคิดและหนักใจอยู่เรื่อง คำว่าความมั่นคงนิยามตรงกันหรือไม่ ระหว่างกลาโหม และมุมมองสังคม ต้องตรวจสอบทำให้เข้าใจตรงกันให้ได้ เพื่อแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคง สอบถามสภาความมั่นคงนิยามความมั่นคงคืออะไร หากคิดตรงกันจะได้เดินหน้าต่อไป หลังจากนี้ถ้าพูดถึงการรักษาความมั่นคง จะพูดถึงการซื้ออาวุธน้อยลง

พร้อมช่วย ทร.เจรจาเครื่องเรือดำน้ำ

นายสุทินกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องเรือดำน้ำหลายคนเฝ้ารอถาม รมว.กลาโหมคนใหม่ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ตนเป็น รมว.กลาโหมที่มาจากพลเรือน จะคิดคนละแบบ กองทัพเรือต้องไปดูว่าเรือดำน้ำมีความจำเป็นแค่ไหน ถ้ามีอย่างอื่นทดแทนได้จะเอาอะไรทดแทน จะหาทางออกได้ ถ้าคิดเรื่องนี้ได้ พร้อมแนะนำว่าถ้ารับไม่ได้ที่จะเอาเครื่องยนต์จีนมาใส่ รัฐบาลต้องลงทุนเจรจาให้ ไม่ปล่อยให้กองทัพเจรจาอยู่ฝ่ายเดียว โดยรัฐมนตรีหรือรัฐบาลอาจจะไปช่วยเจรจากับเยอรมนีให้ขายเครื่องยนต์ให้จีน

ชงเปลี่ยนไปเป็นเรือผิวน้ำหรือปุ๋ย

นายสุทินกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังเสนอแนวทางที่สองคือ เปลี่ยนจากเรือดำน้ำเป็นเรือผิวน้ำได้หรือไม่ ความจริงแล้วกองทัพเรือไม่ได้อยากได้เรือดำน้ำ หากเอาเรือผิวน้ำมาทดแทนเรือสุโขทัยได้ เป็นเรื่องดีหรืออาจยกเลิกสัญญาเปลี่ยนเรือดำน้ำเป็นการนำเข้าปุ๋ยจากจีนแทน เมื่อเทียบราคากับเรือดำน้ำ 1 หมื่นล้าน จะทำให้เกษตรกรได้ใช้ปุ๋ยที่มีราคาถูกลง “ส่วนกองทัพเรือถามผมว่า ท่านคิดโอเคนะครับ ไม่ติดใจนะครับ เอายังไงก็ได้ จะยกเลิกหรือไม่ยกเลิกก็ได้ แต่ว่าแนวทางที่ท่านพูดมาสังคมน่าจะแฮปปี้รับได้ เพราะเรื่องความยากจนก็เป็นภัยความมั่นคง คุณไปเอาเรือดำน้ำมาต้องเสียค่าอะไรเยอะแยะอีก แต่เอาเงินพวกนี้มาช่วยชาวบ้านได้เยอะ ยกตัวอย่างนี้ขึ้นมา เพื่อเห็นว่าความมั่นคงเล็กๆ ขยายความไปได้อีกมิติหนึ่ง วิธีแก้อาจจะแก้ความมั่นคงอีกทางหนึ่ง เพื่อไปตอบโจทย์ความมั่นคงทางทหารของคุณได้” รมว.กลาโหมกล่าว

“บิ๊กเล็ก” นั่งเลขาฯ รมว.กลาโหม

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการจัดทีมคณะทำงานในกระทรวงกลาโหมว่า ล่าสุด นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ได้คัดเลือกทีมงานให้คำปรึกษางานด้านความมั่นคงมีทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร จำนวน 13 มีรายชื่อที่น่าสนใจ อาทิ “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่มีชื่อติดโผลุ้นตำแหน่ง รมว.กลาโหม มาเป็นเลขานุการ รมว.กลาโหม และ พล.อ.อ.สุรพล พุทธมนต์ อดีตรอง ผบ.ทอ. เป็นผู้ช่วย รมว.กลาโหม นอกจากนี้ ยังมี พล.ต.ท.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ นายกำพลศักดิ์ คลังแสง นายปณชัย แดงอร่าม นายอภิศักดิ์ พละวิชัย นายอภิชาติ ตุ้มวารี นายธิติภัทธ์ สมบัติศิริ นายวรรณ์มงคล ศิลประเสริฐ พล.อ.ชัยวิน ผูกพันธุ์ พล.อ.อ.สิทธิชัย แก้วบัวดี พล.ร.อ.พัชระ พุ่มพิเชฎฐ์ พล.อ.ธนสร ป้องอาณา พล.อ.รักศักดิ์ โรจน์พิมพ์พันธ์ พล.ท.กิตติยุทธ กิตติยุทธโยธิน

“ประเสริฐ” จ่อปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมชั้น 3 ศาลากลาง จ.นครราชสีมา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อม น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และ 12 สส.นครราชสีมา พรรค พท. ร่วมหารือกับผู้แทนส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หอการค้าและตัวแทนภาคเอกชนต่างๆกว่า 200 คน ใน จ.นครราชสีมา มีนายสยาม ศิริมงคล ผวจ.นครราชสีมา ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ นายอดิศักดิ์ ชนสูงเนิน ประธานองค์กรเครือข่ายด้านการทุจริตภาคประชาชน จ.นครราชสีมาเข้ายื่นหนังสือต่อนายประเสริฐ ขอให้สร้างโคราชเป็นเมืองต้นแบบปลอดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นายประเสริฐกล่าวว่า ได้หารือนอกรอบกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ เพื่อพัฒนา จ.นครราชสีมา อย่างเป็นรูปธรรม ส่วนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นปัญหาสร้างความเดือดร้อนให้คนไทยทั่วประเทศ กระทรวงดีอีเอส ยกระดับป้องกันปราบปรามอย่างเข้มข้น มีศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอยู่ จากนี้จะตั้งคณะอนุการทำงานป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขึ้นมาโดยเฉพาะจะไปคุยกับธนาคาร สถาบันการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานกับฝ่ายต่างประเทศและต้องแก้ไขกฎหมายอาญาการฉ้อโกง กระทรวงดีอีเอสต้องทันสมัยล้ำหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขึ้นไปอีก เพื่อรู้เท่าทันป้องกันปราบปรามให้สิ้นซากได้

“สุดาวรรณ” เร่งสปีดฟรีวีซ่า นทท.จีน

น.ส.สุดาวรรณ กล่าวว่านโยบายด้านการท่องเที่ยวและกีฬามีความสำคัญมากต่อเศรษฐกิจไทย นายกฯให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก จึงมีแนวความคิดจะให้วีซ่าฟรี 3 เดือน กับนักท่องเที่ยวชาวจีน เพื่อดึงเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น จะทำงานร่วมกันกับหลายภาคส่วนแบบบูรณาการ อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวฟรีวีซ่าน่าจะทำได้เร็วๆนี้ ไทยต้องพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเรื่องความสะดวกและปลอดภัย เพราะนักท่องเที่ยวจีนบางส่วนยังรับรู้ประเทศไทย เพียงแค่จากภาพยนตร์กลัวเรื่องความปลอดภัย ดังนั้นเราต้องทำให้มั่นใจว่ามาเที่ยวไทยแล้วจะสะดวกและปลอดภัยแน่นอน

“ก่อแก้ว” อยากเห็น “ทักษิณ” ช่วยงาน รบ.

นายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.และแกนนำ นปช.กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลผสมสูตรปัจจุบันนี้ แต่เข้าใจข้อจำกัดทางการเมือง จากการติดตามการทำงานของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง กว่า 10 วันมานี้ ตั้งใจแข็งขันและเป็นมืออาชีพ ถ้าเป็นไปได้อยากให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่สร้างคุณประโยชน์และผลงานมากมายให้ประเทศ ได้รับการพักโทษโดยเร็วจะได้มาช่วยกันอีกแรงในการคิดและแนะนำให้นายกฯเศรษฐาและ ครม.แก้ปัญหาเศรษฐกิจและยกระดับประเทศในยามบ้านเมืองมีปัญหา เอาคนเก่งมาช่วยงาน ดีกว่าเก็บไว้ในเรือนจำหรือผลักไสไปอยู่ต่างประเทศ อยากวิงวอนให้คนไทยที่ไม่เห็นด้วยกับการก่อเกิดรัฐบาลชุดนี้ ขอโอกาส ให้เวลาและให้ความร่วมมือกับนายกฯเศรษฐาและ ครม.เพื่อให้การทำงานแก้ปัญหาของประเทศในทุกด้านผ่านพ้นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว

“ปลัดเก่ง” ขานรับ มท.ทำงานเชิงรุก

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงวิธีการทำงานของคนมหาดไทยตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ที่ระบุว่า “...ผมเป็นคนทำงานวันนี้ สั่งงานวันนี้ ต้องเสร็จเมื่อวาน ...” ว่าเป็นเครื่องเตือนใจให้คนมหาดไทยต้องทำงานด้วยความรวดเร็วมีความพร้อมอยู่เสมอ ที่สำคัญต้องทำงานเชิงรุก เข้าใจเข้าถึงและพัฒนา ถ้า “เข้าใจ เข้าถึง” พี่น้องประชาชนแล้ว ปัญหาต่างๆ ตลอดจนความต้องการของพี่น้องประชาชนทุกเรื่อง จะพัฒนาและดำเนินการได้ทันที สอดคล้องกับหลักปฏิบัติที่คนมหาดไทยได้รับการบ่มเพาะถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาตลอดว่า “รอบรู้ รวดเร็ว ริเริ่ม และเร่งรัด” หลายคนอาจตั้งข้อสงสัยว่า “เมื่อวานนี้งานจะเสร็จได้อย่างไร ในเมื่อสั่งวันนี้” แต่ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยทุกคน ต่างรู้อยู่ก่อนแล้วว่าภาระหน้าที่อันหนักหน่วง นั่นคือทุกปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน คือ หน้าที่ของคนมหาดไทย จึงต้องมุ่งมั่นทุ่มเททำงานแบบรองเท้าสึกก่อนกางเกงขาด มีใจ มี Passion ในการทำงานโดยไม่ยึดถือเรื่องเวลาเป็นข้อจำกัด

“ไหม” นำอภิปรายเปิด “วิโรจน์” ปิด

วันเดียวกัน นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม.ในฐานะรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมอภิปรายการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในวันที่ 11-12 ก.ย. ว่า ในวันที่ 8-10 ก.ย. 30 ขุนพลของพรรคอบรมกัน 3 วัน ที่พรรค ก.ก. หัวหมู่ทะลวงฟันคือ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชี รายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค เป็นผู้อภิปรายเปิดเป็นคนแรก ผู้อภิปรายปิดสรุปประเด็นสุดท้ายคือ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค อภิปรายนโยบายด้านการเมือง ผู้อภิปรายด้านเศรษฐกิจคนอื่นๆ อาทิ นายอภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล สส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น 30 ขุนพล มีทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ รับรองได้เห็นลีลาอภิปรายเกี่ยวกับนโยบายสำคัญแน่นอน

“ชัยธวัช” จองกฐินฟัดปฏิรูปกองทัพ

รองเลขาธิการพรรค ก.ก.กล่าวอีกว่า ครั้งนี้ รับรองความเข้มข้นแน่นอน เรามีคณะกรรมการกลั่นกรอง ผู้อภิปราย อาทิ น.ส.ศิริกัญญา นายชัยธวัช นายวิโรจน์ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรค ก.ก. นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กก.บห. คณะกรรมการฯ คัดกันอยู่ 1 สัปดาห์ โดยให้ สส.ทั้ง 66 คน ที่ต้องการ อภิปรายทยอยมาเล่ามุมมองและข้อมูลของตนเองเกี่ยวกับการอภิปราย สุดท้ายจาก 66 คน คัดจนเหลือ 30 คน ทั้งนี้ ผู้ที่ไม่ผ่านการคัดสรรไม่ใช่ว่าข้อมูลไม่ดี แต่เรานำข้อมูลไปให้เพื่อน สส.ผู้อภิปราย ขมวดปม พูดในสภาฯแทน เนื่องจากพรรค ก.ก.ต้องบริหารเวลา ที่ได้รับมา 720 นาที ให้อภิปรายนโยบายรัฐ ได้ครอบคลุม ทั้งหมด เช่น นโยบายเกี่ยวกับกองทัพ หรือปฏิรูปกองทัพ มีนายชัยธวัชเป็นขุนพลนำอภิปราย

จี้ “นิด” ลุกตอบอย่าโมโห

นายณัฐชากล่าวอีกว่า เมื่อเห็นข้อมูลที่ สส.พรรครวบรวมเตรียมอภิปรายแล้ว ได้ความรู้สึกถึง นโยบายรัฐที่วนเวียนซ้ำซาก นำนโยบายเก่าๆมาปัดฝุ่น รัฐมนตรีก็หน้าเดิมๆ เปลี่ยนเพียงแค่หัวคือนายกฯ ซึ่งในรายละเอียด รัฐบาลคงน่าจะให้รัฐมนตรีตอบราย กระทรวง แต่ในฐานะที่นายเศรษฐาเป็นผู้นำรัฐบาลใหม่ มองว่าจะต้องลุกขึ้นชี้แจงในทุกๆกระทรวงด้วย ตนเองด้วย จะได้เห็นข้อแตกต่างว่า แม้จะเป็นรัฐมนตรี หน้าเดิมๆ นโยบายซ้ำซาก วนเวียนเดิมๆ แต่ภายใต้ นายกฯคนใหม่ ประชาชนจะได้อะไร

เมื่อถามว่า อยากฝากเตือนอะไรถึงนายเศรษฐา โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมอารมณ์ในการเข้าสภาฯครั้งแรก ไม่ให้เหมือนนายกฯคนเก่าหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ในโลกออนไลน์ วิจารณ์คลิปนายกฯโยนปากกา นายณัฐชาตอบว่า ก็เป็นนายกฯคนใหม่ ตนไม่อยากให้ประชาชนได้เห็นภาพอะไรเดิมๆ ฝากให้นายเศรษฐาเข้าสภาฯครั้งนี้ ทำตัวเหมาะสมกับ
การเป็นนายกฯคนใหม่ของประเทศไทย

“พิธา” ให้ซักถามไม่มี ไม่จริง ไม่พอ

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมตัวของ 30 สส.พรรคก้าวไกล อภิปรายการแถลงนโยบายรัฐบาล ว่า ขอให้รัฐบาลเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ส่วนตัวได้ให้คนพิมพ์นโยบายสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐบาลชุดนี้เพื่อนำมาเปรียบเทียบกัน มีเป้าหมายระดับหนึ่ง รัฐบาลคงไม่ต้องกังวล หาก ทำได้ตรงตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น หรือตรงกับที่ ตัวเองหาเสียงไว้ เสียดายที่ไม่ได้เข้าไปอภิปรายเอง เพราะกระดุม 5 เม็ด ผ่านมา 4 ปี เป็นช่วงที่เกี่ยวกับ นโยบายว่า ตอนนั้นดูนโยบายข้อนี้กับข้อนี้รวมกัน ยังไม่ตอบโจทย์ ตั้งข้อสังเกตว่าการทำงานต้องมีกรอบ ในการอภิปรายน่าจะมี 3 ไม่ อันที่หนึ่งเลยคือไม่มี คือบอกไว้กับประชาชน แต่ไม่มีในนโยบาย อันที่สอง คือไม่จริง คือสัญญาไว้แต่ไม่ทำ อันที่สามคือไม่พอ สัญญาไว้แต่เขียนไม่ชัดเจนพอ ไม่มีเป้าหมาย เขียนลอยๆ รวมถึงกรอบระยะเวลาในการทำนโยบายไม่ตรงกับ ที่สัญญาไว้กับประชาชน