พรรคไทยสร้างไทย ชี้เหตุผล 4 ข้อ ที่รัฐบาลต้องลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน 3 บาท รวมถึง ปรับค่า FT ลดค่าพร้อมจ่าย ชี้ นโยบายด้านพลังงานต้องเร่งทำทันที เพราะจะช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชน

วันที่ 8 กันยายน 2566 นายภัชริ นิจสิริภัช และนายรณกาจ ชินสำราญ กรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทย และคณะทำงานด้านพลังงานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วนด้านพลังงาน ซึ่งเป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจของประชาชน และมุ่งหวังจะเห็นการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน ไม่ว่าจะเป็นราคาไฟฟ้า ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงค่าก๊าซหุงต้ม ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญในการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชน ซึ่งคาดหวังจะเห็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างด้านพลังงานของประเทศ อันจะนำมาสู่การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นมาต่อเนื่องในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา 

นายภัชริ ระบุว่า ก่อนหน้านี้เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา พรรคไทยสร้างไทยมีข้อเสนอแนะต่อแนวทางการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เร่งออกมติเพื่อเห็นชอบให้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุกประเภท 3 บาทต่อลิตร 

“พรรคไทยสร้างไทยขอเน้นย้ำอีกครั้งว่าเราสนับสนุนการลดภาษีน้ำมันสรรพสามิตน้ำมันที่ลิตรละ 3 บาท ไปจนกว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นต้นทุนทางพลังงานจะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน” 

ทั้งนี้ ซึ่งข้อเสนอดังกล่าว ไม่ได้เสนอแนะในฐานะพรรคฝ่ายค้าน หรือเพื่อหาประโยชน์ทางการเมือง แต่เป็นข้อเรียกร้องที่มาจากความต้องการของประชาชน และเหตุผลที่สำคัญทางเศรษฐกิจ ดังนี้

1. ภาษีสรรพสามิตเป็นภาษีที่จัดเก็บจากสินค้าฟุ่มเฟือย หรือสินค้าที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและสังคม หรือสินค้าที่รัฐต้องลงทุน เพื่อเอาเงินภาษีดังกล่าวมาใช้จ่ายและเยียวยาผลกระทบจากการบริโภคสินค้าเหล่านั้น แต่น้ำมันเป็นปัจจัยการผลิตและสินค้าบริโภคพื้นฐานที่จำเป็น จึงไม่ควรถูกจัดอยู่ในสินค้าที่ต้องจัดเก็บภาษีสรรพสามิต

...

2. ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต และเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออก ผู้ประกอบการไทยจะต้องแข่งขันกับผู้ประกอบการจากทั่วโลก หากผู้ประกอบการไทยต้องแบกภาระต้นทุนค่าน้ำมันแพงเพราะอัตราภาษีสรรพสามิตที่สูงจะทำให้อำนาจการแข่งขันลดลง (อย่างมีนัยยะ) ไม่เป็นผลดีต่อการ (ผลิตและการ) ส่งออก ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ

3. พรรคไทยสร้างไทยเข้าใจดีว่ารัฐบาลมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตที่มาจากน้ำมันปีละประมาณ 200,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้สำคัญของรัฐบาล หากสูญเสียรายได้ส่วนนี้จะทำให้ฐานะทางการคลังของรัฐบาลเปราะบางมากขึ้น แต่ในภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจที่ประชาชนยากลำบาก รัฐบาลจำเป็นต้องทำให้ประชาชนอยู่รอด เมื่อประชาชนรอดและกลับมาแข็งแรง รัฐบาลก็จะสามารถจัดเก็บภาษีในรูปแบบอื่นๆ ได้

4. รัฐบาลต้องตระหนักว่าการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันไม่ใช่ภาระทางการคลัง แต่คือการดูแลสินทรัพย์ที่สำคัญของประเทศ นั่นคือการดูแลประชาชน เมื่อประชาชนมีศักยภาพ เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศ ก็จะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ในฐานะผู้จ่ายภาษี 

ทางด้าน นายรณกาจ กล่าวเสริมถึงการดูแลค่าไฟฟ้า ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยเห็นว่า รัฐบาลต้องปรับค่า FT ลดค่าพร้อมจ่าย (AP) 0.70 บาท/หน่วย และลดค่าประกันความร้อน (EP) 0.30 บาท/หน่วยทันที จะสามารถลดค่าไฟฟ้า 1 บาท/หน่วย และต้องเปลี่ยนนโยบายการจัดสรรแก๊ส LNG เพื่อให้มาใช้ผลิตไฟฟ้าให้ประชาชนก่อน เพื่อลดต้นทุนค่าไฟ พร้อมเจรจากับเอกชนที่รับสัญญาโรงไฟฟ้าเก่าใกล้ปลดระวาง ให้ดำเนินการปลดระวางเร็วขึ้น โรงไฟฟ้าใหม่ ที่ยังไม่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ให้ชะลอเวลา COD ออกไปก่อน ส่วนที่รับสัญญาไปแล้วแต่ยังไม่สร้างให้ชะลอการสร้างออกไป และที่สำคัญต้องหยุดการให้สัมปทานโรงไฟฟ้าใหม่กับเอกชนรายใหญ่

ขณะเดียวกัน ควรเพิ่มสัดส่วนการรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ 30-40% เช่น การรับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) เพราะราคาถูกเพียง 2.89 บาท/หน่วย สามารถใช้ได้ถึงกรุงเทพฯ โดยมีเงื่อนไขต้องไม่ใช่ไฟฟ้าที่มาจากเขื่อนกั้นแม่น้ำโขง นอกจากนี้ ภาครัฐจำเป็นต้องมีแผนเร่งด่วนและเป็นรูปธรรมในการสนับสนุนการติดตั้งแผง Solar Roof เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสใช้ไฟฟ้าฟรีบางส่วน และขายไฟฟ้าคืนกลับให้กับภาครัฐ.