“ผมไม่ได้อยากเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะอยากมีตำแหน่งว่าเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย แต่ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง”...นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย “เศรษฐา ทวีสิน” ประกาศจุดยืนไว้ชัดตั้งแต่เปิดตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยว่า ทำไมต้องเป็นนายกฯเท่านั้น ไม่ขอรับตำแหน่งอื่นใด

“ผมจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ลืมความเหน็ดเหนื่อย ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน...ผมเข้ามาตรงนี้เพราะอยากทำให้ประเทศชาติและเศรษฐกิจดีขึ้น เพิ่มรายได้ให้ประเทศ ให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากวันแรกที่ผมตัดสินใจจะทำจนถึงวันนี้ ผมมั่นใจที่จะทำเพื่อประเทศชาติเหมือนเดิม ย้ำอีกครั้ง ศัตรูของผมคือความยากจน”...นี่คือคำมั่นสัญญาจากนายกฯคนที่ 30 ผู้มาพร้อมสายรุ้งแห่งความหวัง!!

อะไรคือภารกิจเร่งด่วนต้องทำทันที

3 นโยบายเร่งด่วนที่จะทำทันทีคือ เงินดิจิทัล 10,000 บาท, ลดค่าไฟลดค่าน้ำมัน และพักหนี้เกษตรกร 3 ปี หนี้ SME 3 ปี ซึ่งเป็นเรื่องปากท้องของประชาชน นอกจากนี้ยังต้องเร่งพลิกฟื้นการท่องเที่ยว เพื่อเป็นหนทางที่จะนำเงินนอกมาปลุกเศรษฐกิจไทยให้เงินไหลเข้าประเทศได้เร็วที่สุด ซึ่งตอนนี้นักท่องเที่ยวกำลังไหลกลับเข้ามา จึงถือเป็นโอกาสดีที่ไทยต้องเร่งเตรียมความพร้อม

...

ผู้นำสไตล์ “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นแบบไหน

ก็ต้อง “Speed and Action” รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และลงมือทำทันที การเข้าถึงได้มีความสำคัญมากเช่นกัน ถึงยุคที่ใครก็เข้ามาคุยกับนายกฯได้ โดยไม่ต้องผ่านที่ปรึกษานายกฯ หรือเลขานายกฯ อาจใช้วิธีการแบบกินข้าวกลางวัน ไม่ได้กินคนสองคนที่สนิท แต่เราต้องกินข้าวกับทุกคน กินกับคนต่างพรรคด้วย ที่สำคัญกว่าการกินข้าวคือ ต้องมีการจดว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ไม่ได้กินเฉยๆ ต้องจดว่ากระทรวงเกษตรต้องการเรื่องนี้ ราคาโหระพาตกต่ำต้องทำอย่างไร ต้องให้ใครเข้ามาช่วยบ้าง คุยเสร็จแล้วก็ต้องส่งต่อไป ขั้นตอนต่อไปจะทำอะไร และจะทำให้สำเร็จได้คืออะไร

ทำไมซีอีโอสายคอลเอาต์จึงทนความเหลื่อมล้ำไม่ได้

คุณเศรษฐาให้สัมภาษณ์กับรายการ [X] clusive ทางยูทูบว่า “ได้เปรียบคนอื่นคือสบายกายแต่ไม่สบายใจ ไม่ใช่ว่าสบายกายอย่างเดียวแล้วจะอยู่ได้ เวลาผมไปประชุม บางบริษัทเอาน้ำให้ผมจะเป็นน้ำแร่ แต่คนประชุมท่านอื่นได้น้ำที่กดมา บางคนไม่ทันได้ดู แต่ผมดู แล้วผมอึดอัด หรือเวลาไปทานอาหารที่ไหน ไม่อยากทานอาหารโต๊ะ VIP แม้กระทั่งการไปเล่นฟุตบอล ถามว่าจะไปเล่นทีมไหน ถ้าเป็นทีม VIP ผมก็ไม่ไป ผมไม่ชอบ มันไม่ควรจะมีอะไรพวกนี้ มันจะเกิดความไม่สบายใจ และมันก็เห็นแล้วว่า เรามีรถ 3-4 คัน มีนาฬิกาเป็น 10 เรือน คนที่อยู่ข้างเราตลอดเวลาเขาไม่มี คุณจะเอนจอยได้อย่างไร คุณจะเอนจอยกับการที่คุณได้ใช้ของดี หรือคุณเอนจอยเพราะคุณมีความรู้สึกว่าคุณเหนือกว่าคนอื่น ส่วนผมมีความสุขที่ว่าคนที่แม้จะมีน้อยกว่า แต่ได้มาร่วมทำกิจกรรมด้วยกัน”

ก่อนมาทำงานการเมือง เขามีภาพลักษณ์ของซีอีโอวิสัยทัศน์ไกลที่ประสบความสำเร็จ สั่งสมประสบการณ์บริหารธุรกิจอสังหาฯกว่า 30 ปี แถมยังเป็นผู้สังเกตการณ์ประเด็นร้อนทางสังคมที่มุ่งมั่นแก้ไขหาทางออก และพยายามมาอย่างต่อเนื่องที่จะใช้บทบาทความเป็นผู้บริหารใหญ่ของแสนสิริ เพื่อเสริมสร้างรากฐานที่แข็งแรงด้านเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศชาติ ตลอดจนผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางสังคม โดยสนับสนุนความเท่าเทียมและความหลากหลาย

สำหรับฉายา “ซีอีโอสายคอลเอาต์” เกิดจากความสนใจเหตุบ้านการเมืองทุกมิติ เขาเป็นพี่ใหญ่ในโลกทวิตเตอร์ (เอ็กซ์) ที่กล้าแสดงทรรศนะทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมา และพร้อมเป็นกระบอกเสียงแทนทุกคนในสังคม กระนั้น ก็ยอมรับว่าการเสนอความคิดเห็นต่อปัญหาสาธารณะมีราคาที่ต้องจ่าย และอาจมีเสียงต่อว่าตามมา แต่ถือเป็นหน้าที่และทำด้วยความหวังดี ถ้าคนที่มีต้นทุนสูงไม่ออกมาพูดเลย มันก็เป็นการเสียเปล่านะ

ไม่เคยฝันเข้าสู่แวดวงการเมือง?!

เชื่อหรือไม่ว่า “เศรษฐา ทวีสิน” ไม่ได้มีความฝันเข้าสู่การเมือง แต่สิ่งที่จุดประกายให้สนใจการเมืองคือ การรัฐประหาร 2 ครั้งที่ผ่านมา เขาเห็นว่าการยึดอำนาจเป็นเรื่องไม่ถูกต้องและรับไม่ได้ บวกกับปัญหาสังคม, เศรษฐกิจ และการเมือง ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วง 8-9 ปีมานี้ รวมถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 สะท้อนว่าความเหลื่อมล้ำ, ความไม่เสมอภาค และความไม่เท่าเทียมเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย เมื่อเห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี, มีความเสมอภาค, มีความเท่าเทียม และมีสิทธิเสรีภาพในการเลือกได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเพศสภาพ, การเลือกอาชีพ, การสมัครใจเกณฑ์ทหาร และการสมรสเท่าเทียม เขาจึงตัดสินใจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย เพราะเชื่อว่าเพื่อไทยยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง

คำสอนของแม่ที่จำขึ้นใจ

“คุณแม่บอกตลอดเวลาว่าอย่าทำตัวเป็นภาระ ปัจจุบันท่านไม่ได้ทำตัวเป็นภาระ ถึงแม้จะอายุ 95 แล้ว ท่านสอนหลายอย่างให้รับผิดชอบต่อสังคม รับผิดชอบต่อสิ่งที่เราทำ มีหน้าที่อะไรเราก็ทำไป คุณพ่อเสียตั้งแต่ผมอายุ 3 ขวบ ตอนนั้นคุณแม่เพิ่งอายุ 30 กว่าๆ ยังสวยเก๋ มีลูกชายคนเดียว ถามตรงๆนะท่านจะไปมีความสุขก็สามารถทำได้ แต่หน้าที่ของท่านคือเลี้ยงดูผม”

ตอบแทนสังคมคือหน้าที่ของเศรษฐีและองค์กรธุรกิจ

“ไม่ใช่แค่แพชชัน หรือการสร้างภาพไปวันๆ แต่เป็นหน้าที่ของมหาเศรษฐีและองค์กรธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ จะต้องทำประโยชน์ตอบแทนคืนสังคมด้วยความจริงใจ” เขาเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่เน้นย้ำเรื่องการตอบแทนคืนสังคมเป็นอย่างมาก เห็นได้จากช่วงที่เกิดวิกฤติโควิด-19 แสนสิริเป็นบริษัทเอกชนเจ้าแรกๆที่สั่งซื้อวัคซีนซิโนฟาร์ม 37,000 โดส เพื่อแจกจ่ายพนักงาน, ครอบครัวพนักงาน, ชุมชน, คู่ค้า และพาร์ตเนอร์ รวมถึงบริจาคเงินให้ภาครัฐในการสร้างโรงพยาบาลสนาม, บริจาคถุงยังชีพ, บริจาคสิ่งของเครื่องใช้ในชุมชน ตลอดจนออกแคมเปญ CSR รวมกว่า 30 โครงการ เป็นเงินกว่า 100 ล้านบาท

หน้าที่ของผู้ใหญ่คือส่งเสริมสิทธิของเด็ก

ในยุคของคุณเศรษฐา แสนสิริให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องกับองค์กรที่ทำงานในประเด็นเด็กและการศึกษา ไม่ว่าจะเป็น องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ซึ่งเป็นพันธมิตรกันมากว่า 10 ปี เขาพูดเสมอว่าหน้าที่ของผู้ใหญ่คือการส่งเสริมสิทธิและความเป็นอยู่ของเด็กๆทั่วโลก ขณะเดียวกัน ก็พยายามผลักดันให้เกิดนโยบายต่างๆ ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม เพื่ออนาคตของเด็กและเยาวชน มีการริเริ่มโครงการ “Zero Child Labour” ผลักดันให้เกิดข้อสัญญาคุ้มครองแรงงานเด็ก แสนสิริยังออกหุ้นกู้ 100 ล้านบาท สนับสนุนกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) นำไปใช้กับโครงการ “ราชบุรีโมเดล” โดยมีเป้าหมายให้เด็กหลุดระบบการศึกษาเป็น “ศูนย์” ภายใน 3 ปี

ความหลงใหลในฟุตบอลขั้นสุด

ชื่นชอบในการกีฬาทุกชนิด โดยเฉพาะ “ฟุตบอล” ไม่ใช่แค่หลงใหลในกลิ่นลูกหนัง และเป็นแฟนตัวยงของทีมลิเวอร์พูล แต่คุณเศรษฐายังลงเล่นฟุตบอลกับเพื่อนร่วมงานเป็นประจำ พร้อมทุ่มเงินก้อนใหญ่สร้าง “SANSIRI ACADEMY” ให้บริการเยาวชนฟรี  เพื่อฝึกทักษะเป็นนักเตะฟุตบอลที่ดีของประเทศชาติต่อไป ย้อนไปเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว สมัย “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” เป็นผู้จัดการทีมชาติ คุณเศรษฐาก็มีบทบาทในฐานะผู้ช่วยผู้จัดการทีมชาติ พยายามผลักดันให้ทีมฟุตบอลไทยเข้าสู่ฟุตบอลโลกให้ได้ ปัจจุบันมีเด็กและเยาวชนที่ผ่านการบ่มเพาะทักษะฟุตบอลจาก “แสนสิริ อะคาเดมี่” ถึง 10,000 คน หลายคนนำทักษะที่เรียนรู้ไปต่อยอดสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ หนึ่งในนั้นคือ “เจ-ชนาธิป” ที่เข้าร่วมอะคาเดม่ีตอนอายุ 13-14 ปี

ความสุขของนายกฯเศรษฐา

แม้จะเป็นนักธุรกิจหลายหมื่นล้านที่งานรัดตัวสุดๆ แต่ยามว่างเขามักหาเวลาขีดๆเขียนๆเพื่อสะท้อนความคิดอ่านต่อสังคม เคยเป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์สยามกีฬารายวัน ระหว่างปี 2558-2561 และแอ็กทีฟมากในโลกทวิตเตอร์ (เอ็กซ์) ถามว่าอะไรคือความสุขที่ช่วยชาร์จพลังให้หายเหนื่อย คำตอบคือการได้เล่นกับสุนัขตัวโปรดก่อนเข้านอน คุณเศรษฐาเล่าถึง “เฉาก๊วย” เจ้าหมาตัวโปรดว่า “เฉาก๊วย” หลงมาตอนเขาอายุ 6 เดือน เก็บมาเลี้ยง ตอนนี้ 2 ขวบกว่าแล้ว เขาจะคอยให้เอาเขาเข้านอนตอน 4 ทุ่มทุกคืน ถ้าไม่ติดภารกิจสำคัญก็พยายามกลับมาให้ทัน เขาคอยผมส่งเข้านอน วันไหนไม่อยู่ น่าสงสารเขา คิดถึงเขา นอกจากนี้ที่บ้านทวีสินยังมีสมาชิกใหม่เพิ่มมาอีกตัว คือ “โมเน่” เป็นลูกโทนของ “แมท” และ “มีนา” ท่านนายกฯยอมรับว่า ถึงแม้ “โมเน่” จะเป็นหมาซนที่สุดเท่าที่เคยเจอมา แต่ก็น่ารักและให้ความสุขความสบายใจทุกครั้งที่ได้เจอ

จับตาอย่ากะพริบว่า 4 ปีนับจากนี้ จะเป็น 4 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงจริงไหม ภายใต้คำมั่นสัญญาของ “เศรษฐา ทวีสิน” ที่ประกาศว่า จะขอทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีที่ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย เป็นรัฐบาลที่ทุ่มเททำงานหนัก รับฟังเสียงของประชาชน นำความสามัคคีกลับคืนสู่คนในชาติ ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งความหวังของคนรุ่นใหม่ เป็นดินแดนแห่งความสุขของคนทุกวัย เป็นประเทศที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีในเวทีนานาชาติอีกครั้ง...สายรุ้งแห่งความหวังกำลังพาดผ่านประเทศไทย!!

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ