เครื่องร้อนฟิตเดินสายทำงานทันทีทันใด “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีป้ายแดง เดินเครื่องพบผู้ประกอบการท่องเที่ยว และภาคเอกชน จ.ภูเก็ต ลุยวางยุทธศาสตร์ปั้นดินแดนไข่มุกอันดามันเป็นช่องทางโกยเม็ดเงินปั๊มรายได้เข้าประเทศให้เร็วที่สุด

กระชุ่มกระชวยต่อเนื่อง หลังจากที่เพิ่งประเดิมเข้าทำเนียบรัฐบาล พบ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่กำลังจะลงจากหลังเสือ เพื่อขอคำแนะนำการทำงาน

อวดซีนประวัติศาสตร์ 2 นายกฯจับเข่าคุยกะหนุงกะหนิง เดินทัวร์ทำเนียบรัฐบาล ชมนกชมไม้ ฝากฝังภารกิจดูแลบ้านเมืองให้ช่วยกันดูแลต่อ

ช็อตหวานเจี๊ยบ “บิ๊กตู่–เศรษฐา” เสริมภาพลักษณ์รัฐบาลพิเศษ สร้างความปรองดอง

“เศรษฐา” ประเดิมบทผู้นำเข้าตา ไม่ใช่แค่โชว์หล่อ ประดิษฐ์วิสัยทัศน์สวยหรู ประกาศพลิกฟื้นประเทศให้เป็น 4 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ทำงานแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่ยังมีลูกล่อลูกชน พุ่งเข้าหามวลชน-ว่าที่อดีตนายกฯ-นักธุรกิจภาคเอกชนต่างๆ พลิกมาดซีอีโอเป็นนักการเมืองได้ในทันทีทันใด

...

เตรียมพร้อมรับไม้บริหารประเทศต่อ เหลือแค่ขั้นตอนฟอร์ม ครม.ให้ลงตัวตามไทม์ไลน์คร่าวๆจะเห็นโฉมหน้าคร่าตา “ครม.เศรษฐา 1” ชัดเจนช่วงต้นเดือน ก.ย.

สภาพหน้างานโผ ครม.เริ่มลงตัวเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังไม่นิ่งทั้งหมด

กระทรวงขุมทรัพย์สำคัญ อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ยังฝุ่นตลบ พรรคร่วมรัฐบาลยังออกฤทธิ์ออกเดช ต่อรองเก้าอี้กันวุ่นวาย

โผเปลี่ยนกันรายวัน ภาพยังไม่ชัดใครคือเจ้าของตัวจริง

แต่ที่ดูเข้าเนื้อชอกช้ำสุดรอบนี้คือ พรรคพลังประชารัฐทำท่าไม่ได้ดั่งใจนึกอย่างที่หวัง ตามเอฟเฟกต์เสียงโหวตนายกฯวันที่ 22 ส.ค.

เสียง สว.ในปีก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐไม่มาตามนัด เทเสียงสนับสนุน “เศรษฐา” กระท่อนกระแท่น ไม่เต็มร้อย

แม้กระทั่งตัว พล.อ.ประวิตรเองก็ยังไม่มาร่วมโหวตนายกฯ

อำนาจต่อรองพลังประชารัฐเลยลดวูบ เหมือนที่พรรคเพื่อไทยเคยส่งซิกการจัดสรรเก้าอี้ ครม.จะดูองค์ประกอบจากเสียงโหวตนายกฯร่วมด้วย

โผ ครม.“เศรษฐา1” เที่ยวนี้ “บิ๊กป้อม” เลยหัวเสียกว่าใคร เพราะแม้แต่น้องชายสุดที่รัก “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มีสิทธิกระเด็นจากกระทรวงระดับท็อป ถูกลดเกรด อาจได้นั่งแค่เก้าอี้รองนายกฯควบ รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากที่เคยหมายตาจะนั่งรองนายกฯควบ รมว.มหาดไทย

แม้กระทั่งขาใหญ่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ก็ต้องลุ้นตัวโก่งจะยึด รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้หรือไม่

สถานการณ์ปัจจุบันที่พรรคพลังประชารัฐเปลี่ยนสถานะจากพรรคตัวแปรเป็นพรรคตัวประกอบ ไม่ได้มีแต้มต่อเหนือกว่าพรรคแกนนำอีกต่อไป

เพื่อไทยสามารถคุมเสียงข้างมากในรัฐบาล ระดับมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง หนำซ้ำมีอีก 16 เสียงจากฝ่ายค้าน สส.ประชาธิปัตย์เป็นอะไหล่เสริมไว้เติมในยามคับขัน ไม่ต้องถูกพลังประชารัฐขี่คอเหมือนช่วงก่อนโหวตนายกฯ

ทีม “ลุงป้อม” ส่อกลืนเลือด โดนริบโควตากระทรวงใหญ่ ได้กระทรวงต่ำกว่าต้นทุน ต่างจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ได้หยิบชิ้นปลามัน คุมกระทรวงพลังงาน แม้จะมี สส.น้อยกว่าพรรคพลังประชารัฐ

ตามผลพวงเสียงโหวตนายกฯ ที่ สว.สาย “บิ๊กตู่” เทเสียงให้ “เศรษฐา” เป็นนายกฯครบเป๊ะทุกเสียง

การเมืองไทยมาถึงจุดเปลี่ยนอำนาจ แกนนำฝ่ายอนุรักษ์นิยมยอมประนีประนอมให้พรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจเข้ามารับช่วงอำนาจแทนฝั่งตัวเอง

เลือกรอมชอมอำนาจกับพรรคเพื่อไทย ที่มีดีเอ็นเอการเมืองที่พอคุยกันได้ อย่างน้อยก็ยังได้ร่วมเกาะขบวน พอได้มีส่วนร่วมประคับประคองบริหารอำนาจร่วมกัน

หลังจากนี้จะเป็นบทพิสูจน์ฝีมือนายกฯคนที่ 30 มือใหม่การเมือง แต่ดันมาเจอโจทย์การเป็นรัฐบาลที่มหาหิน ยากกว่าทุกรอบ ต้องเริ่มต้นทำงานด้วยศรัทธาติดลบ จากภาพลักษณ์รัฐบาลข้ามขั้ว ทรยศพรรคก้าวไกล จับมือพรรค 2 ลุง ดูมอมแมมในสายตาประชาชน

เป็นรัฐบาลไม่ตรงปกกับเสียงจากการเลือกตั้ง แต่ความคาดหวังของชาวบ้านสูงลิบ ต้องเหยียบคันเร่งแก้ปัญหาปากท้อง ไม่มีเวลารำมวยดูเชิง

ต้องใช้ผลงานฝ่าวิกฤติศรัทธาประชาชน โดยมีอนาคตเพื่อไทยเป็นเดิมพัน.

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม