(แฟ้มภาพ)

“พิธา” เชื่อ “ปดิพัทธ์” โพสต์คราฟต์เบียร์ไม่มีเจตนาโฆษณา แต่คงภูมิใจในผลิตภัณฑ์ของชาวพิษณุโลก เชื่อ ไม่กระทบตำแหน่งรองประธานสภาฯ ล่าสุดที่ประชุม สส.ก้าวไกล มีมติไม่โหวตแคนดิเดตนายกฯ ของรัฐบาลผสมข้ามขั้ว

วันที่ 15 สิงหาคม 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หังหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยก่อนเข้าประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ของพรรคก้าวไกลประจำสัปดาห์ ว่า เพิ่งมาถึง ยังไม่ทราบว่าการประชุมคืบหน้าอย่างไรบ้าง เพราะ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค นำประชุมไปก่อนแล้ว จึงยังไม่ทราบถึงผลการหารือและยังไม่ได้คุยกันว่าวันนี้มีวาระอะไรบ้าง ขอเข้าไปฟังก่อน แต่หลังจากประชุมเสร็จก็คงจะมีการแถลงข่าวอีกครั้ง

ส่วนกรณี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 โพสต์รูปภาพกระป๋องคราฟต์เบียร์ (craft beer) ตัวแรกของจังหวัดพิษณุโลก จนถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ มีการหารือกันภายในพรรคอย่างไรบ้าง นายพิธา ระบุว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับ นายปดิพัทธ์ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับมาตรา 32 นายปดิพัทธ์ ก็คงไม่มีเจตนาที่จะใช้โฆษณา หรือทำผิดกฎหมายอะไร แต่เขาก็คงภูมิใจในเรื่องของผลิตภัณฑ์ของชาวพิษณุโลก แต่ไม่ว่าจะอย่างไรส่วนตัวคิดว่า นายปดิพัทธ์ ก็พร้อมจะชี้แจง และขอให้รอทางพรรคชี้แจงอีกครั้ง

“ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญกว่าเรื่องของกฎหมายมาตรา 32 คือเรื่องของความเท่าเทียมในการโฆษณา ความเท่าเทียมในการทำมาหากิน บางอันถ้ามีโลโก้ โฆษณาโลโก้ได้ไม่ผิด แต่บางเจ้าอาจไม่มีงบโฆษณาแบบนั้น ก็เป็นหนึ่งในกฎหมายที่เราพูดคุยกัน และเรื่องดังกล่าวคนที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้ดีให้คนเข้าใจมาโดยตลอด โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ก็คือ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคก้าวไกล” อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าจะมีผลตำแหน่งรองประธานสภาฯ หรือไม่ นายพิธา ตอบสั้นๆ ว่า “ไม่น่ามีปัญหาอะไร”

...

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังประการชุมเสร็จสิ้น ที่ประชุม สส.พรรคก้าวไกล มีมติว่าจะไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลผสมข้ามขั้ว เพื่อแสดงจุดยืนว่าเราไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ และหากทุกพรรคการเมืองมีเจตนาที่จะปิดสวิตช์ สว. (สมาชิกวุฒิสภา) และเคารพเจตจำนงของประชาชนอย่างแท้จริง ก็ต้องโหวตให้รัฐบาลเสียงข้างมากที่จัดตั้งโดยพรรคก้าวไกลตั้งแต่แรก ไม่ใช่การจัดตั้งรัฐบาลตามความต้องการของ สว. และอ้างว่าปิดสวิตช์ สว.

“พรรคก้าวไกลยืนยันอีกครั้งว่า การไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีผสมข้ามขั้ว ไม่ได้พิจารณาบนพื้นฐานของคุณสมบัติของตัวแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย แต่เป็นการตัดสินใจบนจุดยืนทางการเมืองและคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนคือ มีเราไม่มีลุง มีลุงไม่มีเรา ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่สามารถตระบัดสัตย์ต่อประชาชนได้”.