“พล.อ.ประยุทธ์” ยกคณะตรวจความคืบหน้าการเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ก่อนเปิดจริง ก.ย.นี้ ปลื้ม นักท่องเที่ยวเข้าไทยวันละ 1.5 แสนคน วอนมองผลงานรัฐบาลด้วยตา อย่าจ้องแต่ติติง ขัดแย้งจนชาติเดินไม่ได้ 

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 สิงหาคม 2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รักษาการราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าตรวจความพร้อมเปิดใช้งานอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) และตรวจเยี่ยมพื้นที่อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) รวมถึงดูพื้นที่ทางวิ่งเส้นที่ 3 บริเวณอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ด้านทิศตะวันตก

...

ทั้งนี้ ระหว่างการตรวจเยี่ยมความพร้อม นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการในพื้นที่ต่างๆ โดยเชิญนายกรัฐมนตรี ทดลองรถไฟฟ้า APM ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าระบบล้อยางแบบไร้คนขับ เพื่อใช้ในการรับส่งผู้โดยสาร ซึ่งนายกรัฐมนตรีสอบถามความคืบหน้าการดำเนินการในทุกๆ ด้าน และชื่นชมการทำงานที่ดำเนินการมาได้อย่างดี รวมถึงการนำประติมากรรมช้างคู่โลหะ หงส์คู่ พระปางเปิดโลก จากวัดผาซ่อนแก้ว จังหวัดเพชรบูรณ์ มาจัดไว้ให้ผู้ใช้บริการทั้งในและต่างประเทศ ประทับใจถึงศิลปะและวัฒนธรรมไทย โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ยังได้แวะพักอิริยาบถดื่มกาแฟและของว่าง หลังจากที่เดินตรวจความพร้อมระยะทางกว่า 1.5 กิโลเมตร

ต่อมาเวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ แถลงภายหลังตรวจความพร้อมเปิดใช้งานอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ว่า ขอบคุณทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ช่วยกันทำงานของรัฐบาลให้ประสบความสำเร็จ มีอีกหลายอย่างที่ได้ทำไว้แล้ว ซึ่งตนจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนในพื้นที่อีอีซี สนามบินอู่ตะเภา ท่าเรืออีกครั้ง เพราะนี่คือผลงานที่รัฐบาลได้เริ่มไว้แล้ว จะถือเป็นความก้าวหน้า 

“ถ้าเรามองอย่างเป็นธรรมเห็นด้วยตา อ่านอะไรก็แล้วแต่ ขอให้ดูว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ ถ้าเราไม่ร่วมมือกัน มันทำไม่ได้ทั้งหมด และนี่คือตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่าวันข้างหน้า เราจะต้องร่วมมือกันอย่างนี้ ซึ่งจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นอีกมากมายหลายมิติ วันนี้จากการรับฟังรายงาน ทราบว่าทุกอย่างดีขึ้น นักท่องเที่ยวเข้ามาวันละ 150,000 คน ขณะเดียวกัน การบินไทยเราก็พลิกฟื้นขึ้นมาในระดับที่น่าพอใจ และคาดว่าน่าจะแก้ปัญหาได้เร็วกว่าเดิม 1 ปี ในการที่จะเป็นสนามบินแห่งชาติ ถือว่าทุกคนช่วยกัน ดังนั้น ไม่ว่าจะติติงอะไรต่างๆ ก็ตาม อย่าลืมว่าเราทำอะไรและจะได้อะไร อะไรที่ยังไม่เคยทำ แล้วทำหรือเปล่า อันนี้ต้องคิดและช่วยกันทำความเข้าใจด้วย อย่าให้มันมีความขัดแย้งไปเรื่อยๆ ทุกๆ เรื่อง จนกระทั่งประเทศชาติเดินหน้าไปไม่ได้ ผมมีแค่นี้ และต้องขอบคุณทุกคน”.