ชักไม่แน่ใจจะไปต่อยังไง ยืนระยะไหวไหม รัฐบาล 8 พรรค 313 เสียง นำขบวนโดยก้าวไกล “ตัวตึง” ประชาธิปไตย ขี่กระแสคนรุ่นใหม่ฝ่ากระสุนดินดำในสนามเลือกตั้ง ชนะมาเป็นอันดับ 1 ด้วยความห่ามห้าวร้อนแรง

แต่ตอนนี้กำลังเผชิญอุปสรรค กับดักอนุรักษ์นิยม จนไปไม่เป็น

สภาฟันปลอม 250 ส.ว. ยืนรอบวกแต้มให้ “ลุง 2 ป.” แต่ทั้ง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จากค่ายรวมไทยสร้างชาติ และ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ จากค่ายพลังประชารัฐ กลับไม่มาตามนัด

ส.ว.จำเป็นต้องพลิกบทมาเล่นเป็นไอ้เข้ขวางคลอง ชะลอความร้อนแรงของแก๊งฟันน้ำนมเอาไว้ก่อน

กอดหลักการมาตรา 112 เป็นยันต์กันไฟ อาศัยลูกล่อลูกชนยื้อยุดฉุดรั้งจนวัยรุ่นออกอาการเป๋ รถกำลังมาแรงๆ แต่ต้องเหยียบเบรกหัวทิ่ม ไถลออกไปไกลถึงไหล่ทาง เพราะคนบนรถเองก็ยังแย่งกันหักพวงมาลัยไปคนละทิศ

ข้อตกลง 8 พรรคร่วม หรือ MOU ที่เป็นมิติใหม่ทางการเมือง สิ่งล้ำค่าจากประชาธิปไตย เหมือนเป็นสัญญาประชาคมที่มอบไว้ให้กับประชาชน ก็ยังไม่สามารถมีข้อสรุปในมาตรา 112 นี้ได้

...

ดังนั้นมันจึงเป็นความเสี่ยงที่อันตรายเกินไป ถ้าจะถูลู่ถูกังขับเคลื่อนเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร้เอกภาพ

แต่ก็ตามคาดแม้พรรคก้าวไกลจะยอมถอย ไม่ใส่เรื่องนี้ไว้ใน MOU ก็ไม่มีผลอะไรให้สภาฟันปลอมเปลี่ยนใจมายกมือโหวตให้ “เดอะทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ

บรรดาติ่ง ด้อมส้มซ่า อย่ามโนโลกสวยเกินไป ความจริงทางการเมืองมันโหดร้ายเช่นนี้แหละ

สมการตัวเลขตั้งนายกฯจึงถูกแช่เอาไว้ที่ 313 เสียงต่อไป ยังไม่เห็นความคืบหน้าขยับเข้าใกล้เกณฑ์ 376 เสียง

ด้วยจุดยืนคนรุ่นใหม่สไตล์ข้ามาคนเดียวของ “ก้าวไกล” แม้ได้ใจประชาชนเต็มๆ แต่ยังคงเป็นสิ่งแปลกปลอมบนหมากการเมืองกระดานนี้ ที่เต็มไปด้วยคนยุคเก่า นักธุรกิจการเมือง อุดมการณ์งานหลักคือต่อรองแลกผลประโยชน์

เป็นแนวทางที่ “ก้าวไกล” รังเกียจ และต้องการเข้ามาล้างวงจรอุบาทว์นี้

แต่วันนี้กลุ่มคนรุ่นใหม่ฟันน้ำนมการเมือง กำลังเผชิญหน้าวัดใจกับมันด้วยตัวเอง และเป็นเดิมพันสำคัญ มีรางวัลตอบแทนถึงตำแหน่งรัฐบาล นายกรัฐมนตรี

ความอลเวงจึงเกิดขึ้นในหมู่คนรุ่นใหม่ จะเลือกไปต่อกันแบบไหน ใสๆ หรือมอมแมม

ถ้าเล่นไปตามเกมธุรกิจการเมือง ยอมลุยคลุกโคลนจนสกปรกเลอะเทอะ โอกาสสำเร็จย่อมมีมาก

แต่ถ้าเลือกเล่นตามแนวทางที่จะเข้ามาเปลี่ยนการเมือง ล้างความโสโครก บอกเลยว่าตอนนี้โอกาสสำเร็จยากเต็มที เพราะรอบตัวเต็มไปด้วยตะปูเรือใบ วิชามารการเมือง

แม้ค่ายส้มซ่าจะเติบใหญ่ขึ้นมากหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเดินเพียงลำพัง 152 เสียง ยังน้อยเกินกว่าที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงองคาพยพการเมือง

แต่ถ้าเชื่อมั่นแนวทางตัวเองและทำต่อไปเหมือนในสนามเลือกตั้ง แม้วันนี้อาจผิดหวัง ต้องกลับไปเป็นฝ่ายค้าน แต่ 4 ปีข้างหน้าก็ไม่แน่ อาจกลายเป็นผู้ชนะแบบเด็ดขาด

ดูสถานการณ์ตอนนี้ พรรคก้าวไกลกำลังเดินอยู่ในเส้นทางของตัวเอง

ไม่ได้ดิ้นรนไขว่คว้าหาเสียงมาต่อยอดสู่ตำแหน่งนายกฯจนเสียจริตอาการ ดังนั้น หนทางไปต่อที่เห็นก็มีทางเดียว คือยันหลักการกับ ส.ว. ยื้ออำนาจกันไว้ตรงนี้

โหวตเลือกนายกฯไม่ได้ ก็โหวตกันไปเรื่อยๆอีก 1 ปี รอจนกว่า ส.ว.ชุดนี้ หมดอำนาจโหวตนายกฯ 11 พ.ค.2567

ถ้าลากไปจนถึงวันนั้นได้ก็เอวัง เพราะจะตั้งรัฐบาลกันแค่เสียง ส.ส. 500 คน ส.ว.ไม่เกี่ยว

แต่ร้อยคนคงมีแค่เพียงสักคนที่เชื่อว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้น ความจริงประเทศไทยคืออะไรรู้กันดี

ไม่ต้องรอถึง 1 ปี อีกแค่ 2-3 เดือนข้างหน้า ก็มากันแล้ว

มือที่ 3 ขาที่ 4 ผู้หวังดีต่อประเทศชาติ เก่ง กล้า สามารถอาสามาฝ่าวิกฤติติดกับดักกฎหมาย

ส่วนจะเป็นใคร ก็มีโอกาสเป็นได้ทั้งวีรบุรุษ หรือผู้ร้าย แต่ที่ถูกชี้เป้าก่อนใครก็คือพรรคเพื่อไทยนั่นเอง

ในฐานะพรรคใหญ่อันดับ 2 เลยตกเป็นเป้าไม่ไว้วางใจ จ้องจะฉกฉวย โอกาสจัดตั้งรัฐบาลแทน

ลำบากใจและน่าเห็นใจแทน คนชังก็มากแต่คนเชียร์ก็เยอะ โดยเฉพาะบรรดานักการเมืองอีกฟากที่กำลังเหงา ขยันโชว์ภาพเช็กอินเป็นข่าว บอกเป็นนัยช่วยโทร.หาฉันที

ท่ามกลางกระแสข่าวลือหนาหูขึ้นเรื่อยๆ เปิดดีลลับรอเล่นเกมจังหวะสองกับพรรคเพื่อไทย

ความหวาดระแวงลุกลามเข้าสู่ 8 พรรคร่วม จนเริ่มทะเลาะเบาะแว้งกันแล้ว.

ทีมข่าวการเมือง