“พิธา” ลงพื้นที่ฝั่งธนบุรี ช่วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หาเสียง ขอประชาชนเลือกคนรุ่นใหม่ที่ทำงานคุ้มค่า แก้ปัญหาที่ต้นตอ ด้าน “เท่าพิภพ” มั่นใจ ผลงานก้าวไกลพิสูจน์แล้วตลอด 4 ปี ไม่ใช่กระแสฉาบฉวย
วันที่ 28 มีนาคม 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 24 ครอบคลุมเขตธนบุรี (ยกเว้นแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจี และแขวงบางยี่เรือ) เขตคลองสาน และเขตราษฎร์บูรณะ (เฉพาะแขวงบางปะกอก) ลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดกระต่ายมั่งคั่ง ตรงข้ามเดอะมอลล์ท่าพระ
นายพิธา กล่าวถึงกระแสความนิยมของพรรคก้าวไกลในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลต่อความนิยมของพรรคก้าวไกลในพื้นที่ต่างจังหวัดด้วย ว่า ว่าที่ผู้สมัครทุกคนทำงานอย่างแข็งขัน และยิ่งใกล้เลือกตั้งยิ่งทำงานหนักกว่าเดิม เพื่อให้เราได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน มีโอกาสเข้าไปเป็นฝ่ายบริหาร ผลักดันทั้ง 9 เสานโยบายให้เป็นจริง โดยทุกนโยบายล้วนผ่านกระบวนการคิดและกระบวนการออกแบบการสื่อสาร ตั้งใจเข้าไปแก้ปัญหาที่ต้นตอ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เราเสนอว่าต้องกล้าชนกลุ่มทุนสินค้าเกษตรที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม หรือการปลดล็อกสุราก้าวหน้า ซึ่งเป็นกฎหมายที่ นายเท่าพิภพ เป็นผู้เสนอ เพื่อกระจายผลประโยชน์ในธุรกิจสุราออกจากทุนใหญ่ไปสู่ผู้ประกอบการรายย่อย
ทั้งนี้ เชื่อว่าผลงานในสภาผู้แทนราษฎร ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา จะทำให้พี่น้องประชาชนมั่นใจมากขึ้น เป็นสิ่งที่สื่อสารได้ดีที่สุดว่าการทำงานการเมืองแบบพรรคก้าวไกลมีความแตกต่าง เป็นการทำงานที่ซื่อตรงต่อประชาชน กล้าคิด กล้าทำ กล้าดันเพดานของสังคมเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างเต็มศักยภาพแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
...
ขณะเดียวกัน นายพิธา ยังกล่าวถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ว่า พรรคก้าวไกลมีแคนดิเดตเพียงคนเดียว เรายืนยันเรื่องนี้กับพี่น้องประชาชนอย่างตรงไปตรงมาโดยตลอด ไม่มีอะไรซับซ้อน และพรรคสนับสนุนว่านายกรัฐมนตรี ควรเป็น ส.ส. ตามหลักการที่มาจากการต่อสู้และสละชีวิตของประชาชนเมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 จนทำให้เรื่องนี้ถูกบรรจุในรัฐธรรมนูญ 2540
ทางด้าน นายเท่าพิภพ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ต่อเนื่อง ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี และหากถามความแตกต่างระหว่างการเลือกตั้งปี 2562 กับปีนี้ ส่วนตัวเห็นว่าพรรคก้าวไกลได้รับความไว้วางใจจากผลงานที่พิสูจน์มาแล้วตลอด 4 ปี ไม่ใช่กระแสที่ฉาบฉวย แต่เป็นผลงานรูปธรรมที่ทำให้ประชาชนไว้วางใจได้ว่าตนจะเป็นผู้แทนที่เข้าไปเป็นปากเสียง ทำงานคุ้มค่าเงินภาษี
ส่วนที่มีบางกระแสบอกว่าเลือกก้าวไกลไปก็แพ้นั้น นายเท่าพิภพ ระบุว่า อย่าปล่อยให้กระแสความคิดนี้ครอบงำ ทุกคะแนนที่เลือกพรรคก้าวไกลจะไม่เสียของ เพราะเราทำงานเต็มที่เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง ทุกการเลือกตั้งคือโอกาสของทั้งประชาชนและพรรคการเมืองในการกำหนดทิศทางของประเทศและการเมืองไทยให้เป็นแบบที่เราอยากเห็น ดังนั้น หากทุกคนเลือกพรรคก้าวไกลอย่างถล่มทลาย ชัยชนะก็จะเป็นของพรรคก้าวไกล ไม่มีอะไรซับซ้อน.