“ก้าวไกล” ขึ้นเหนือ เปิดเวทีหอนาฬิกาลำปาง เปิดตัว ส.ส.น่าน-แพร่-ลำปาง ครบทุกเขต “พิธา” ชู นโยบายตอบโจทย์ครบวงจร ทั้งที่ดิน-เกษตร-รัฐสวัสดิการ ชี้ เลือกตั้ง 66 ประชาชนจะชี้ชะตา พาไทยย้อนเวลาหรือพาสู่อนาคต

วันที่ 3 ก.พ. 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยแกนนำพรรคก้าวไกล ประกอบด้วย วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ นิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน ร่วมเวทีปราศรัยที่ห้าแยกหอนาฬิกาลำปาง เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ครบทุกเขตของสามจังหวัดภาคเหนือ ประกอบด้วย จังหวัดน่าน แพร่ และลำปาง พร้อมปราศรัยนโยบายและวิสัยทัศน์ของพรรคก้าวไกล

...

การปราศรัยบนเวที มีทั้งเรื่องการแนะนำตัวและการแสดงวิสัยทัศน์ของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และการปราศรัยของแกนนำพรรคถึงนโยบายสำคัญของพรรคก้าวไกล ทั้งเรื่องรัฐสวัสดิการที่พรรคก้าวไกลมีนโยบายเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 3,000 บาทต่อเดือน เงินสนับสนุนเด็กแรกเกิดถึง 6 ขวบ 1,200 บาทต่อเดือน รวมถึงนโยบายการแก้ปัญหาที่ดินโดยยกระดับกรรมสิทธิ์ให้แก่ประชาชน และการปิดสวิตช์ 3 ป.

โดยพิธา เป็นผู้ปราศรัยปิดท้ายเวที ระบุว่าการปราศรัยในวันนี้ที่ห้าแยกหอนาฬิกา เป็นการบ่งบอกว่าทุกคนเท่าเทียมกันต่อหน้าเวลา เวลาเป็นสิ่งมีค่า เวลาเดินไปข้างหน้าโดยไม่รอใคร 4 ปีที่ผ่านมาเราเดินทางมาไกลเกินกว่าจะแพ้อีกต่อไป

พิธากล่าวว่า ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา การเดินทางของเราตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่จนมาเป็นพรรคก้าวไกลวันนี้ เราเดินทางเข้าใกล้ชัยชนะมากขึ้นทุกวัน ทั้งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดแพร่โดยตรงอย่างสุราก้าวหน้า ที่จะเปลี่ยนโภคภัณฑ์เป็นผลิตภัณฑ์ เปลี่ยนสินค้าเกษตรเป็นโอกาสของเกษตรกร แม้จะเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เราแพ้ไปแค่ 2 คะแนนในสภาฯ แต่เราก็เข้าใกล้ความสำเร็จเข้าไปทุกที และนี่คือเรื่องที่จะทำได้สำเร็จแน่นอนหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าหากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล

สำหรับจังหวัดลำปาง 25% ของชาวลำปางเป็นผู้สูงอายุ เป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนประชากรสูงอายุมากที่สุดในประเทศไทย คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุคือสิ่งที่เราพยายามผลักดันตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ โดยเฉพาะบำนาญประชาชน 3,000 บาท เราก็เกือบทำได้แล้วเหมือนกัน หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช้อำนาจปัดตก ไม่ให้แม้แต่โอกาสนำเข้าสู่การพิจารณาในสภาฯ

ส่วนชาวน่าน เป็นจังหวัดที่มีพี่น้องชาติพันธุ์หลายเผ่าอยู่อาศัย ที่ผ่านมาต้องประสบปัญหากับการถูกบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม ในรอบสภาฯ ที่กำลังจะหมดลงนี้ เราได้เห็นการขับเคลื่อนของพวกเขาในการยื่นกฎหมายถึง 6 ฉบับ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะปัดตกไปถึง 4 ฉบับ แต่นี่คือเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและขอเพียงมีการผลักดันโดยผู้แทนในสภาฯ อีกเพียงเล็กน้อย เราก็จะมีเขตวัฒนธรรมพิเศษให้พี่น้องชาติพันธุ์อยู่ร่วมกับป่าได้แล้ว

พิธากล่าวต่อไปว่า ย้อนไป 4 ปีที่แล้ว เรื่องเหล่านี้ที่ตนพูดถึง อาจไม่มีใครจินตนาการมาก่อนว่าจะเกิดการผลักดันขึ้นในประเทศไทยที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เรามาไกลมากเกินกว่าจะแพ้แล้ว อีกนิดเดียวจะถึงเส้นชัยแล้ว เราจะปล่อยทิ้งตรงนี้ไม่ได้ ต้องขอแรงพี่น้องประชาชนช่วยกันผลักดันให้เราพรรคก้าวไกลได้เข้าสภาอีกครั้ง แก้ไขปัญหาให้ประชาชนให้ได้

ในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา บวกกับอีก 2 ปีข้างหน้าที่กลุ่มการเมืองทหารจำแลงพยายามจะต่อยอดให้ประเทศไทยเข้าสู่ทศวรรษแห่งความสูญหายอีกครั้ง เราสูญเสียทั้งขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ที่เพิ่มขึ้นมีเพียงการทุจริตและยาเสพติด สภาพการเมืองวันนี้ไม่ต่างอะไรกับสภาพที่เกิดขึ้นย้อนหลังไป 42 ปี ในวันที่ตนเกิด รัฐธรรมนูญที่เขียนปีนี้กับ 42 ปีที่แล้วมาจากคนเขียนคนเดียวกัน ยังเป็นการต่อสู้กันระหว่างการเมืองแบบลากตั้งหรือแบบเลือกตั้ง ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีวันนี้ ก็เป็นแนวคิดเดียวกันกับยุทธศาสตร์ชาติ 12 ปีในยุคนั้น หรือจะย้อนไป 130 ปีที่แล้วที่เป็นจุดกำเนิดของรัฐราชการสยาม ทุกวันนี้ประเทศไทยก็ยังคงบริหารราชการด้วยโครงสร้างแบบเดิมของเมื่อ 130 ปีที่แล้ว

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับการเมืองไทยวันนี้ คือการพาทุกคนย้อนหลังกลับไปสู่อดีต การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญมากของการเมืองไทย ทางเลือกให้แก่อนาคตของประเทศไทยอยู่ในประชาชนทุกคนแล้ว จะเอาการย้อนอดีตทวนเข็มนาฬิกา หรือกาก้าวไกลเพื่อให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ให้ประชาชนทุกคนได้มีการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต

“ความเสี่ยงของการเลือกตั้งครั้งนี้ คือการเลือกแบบเดิมแล้วคาดหวังจะได้สิ่งใหม่ การเลือกแบบเดิมไม่มีวันที่จะนำไปสู่สิ่งใหม่ได้ ความเสี่ยงที่น้อยที่สุดคือการเลือกพรรคก้าวไกล ไปนำทหารออกจากการเมือง กระจายอำนาจ หยุดทุนผูกขาด เพื่อให้ประเทศไทยดีกว่านี้ ทางเลือกอยู่ในมือของพี่น้องประชาชนแล้ว” พิธากล่าว

สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกลในทั้ง 3 จังหวัดภาคเหนือที่มีการเปิดตัววันนี้ ประกอบด้วย :

จังหวัดน่าน
เขต 1 เชาว์วิชญ์ อินน้อย ผู้ประกอบธุรกิจเสื้อผ้ามือสอง
เขต 2 อภิชาต จ่าแสน สมาชิกสมาคมกู้ชีพสายฟ้าวัดห้วยหลอด
เขต 3 เจริญ อภิภัทรโกศล ทนายความอิสระ อดีตคนทำงานด้านการแก้ไขปัญหาสถานภาพบุคคล และปัญหากรรมสิทธิ์ที่ดิน

จังหวัดแพร่
เขต 1 ติรานนท์ เวียงธรรม ทนายความอิสระ
เขต 2 รฐรส เกิดสรรค์ ผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าตลาดนัด
เขต 3 ภาวัช จันทร์ใส อดีตรองนายกเทศมนตรี ต.บ้านปิน อ.ลอง จ.แพร่

จังหวัดลำปาง
เขต 1 ทิพา ปวีณาเสถียร อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ และผู้ประกอบธุรกิจโรงน้ำแข็ง
เขต 2 กฤตภพ สติดีนิติวงศ์ อดีตเกษตรกร และผู้ประกอบธุรกิจโรงงานผลิตเสื้อ
เขต 3 ชลธานี เชื้อน้อย อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ จ.ลำปาง
เขต 4 รภัสสรณ์ นิยะโมสถ ผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง