“พีระพันธุ์” หัวหน้า รทสช.เล็ง รื้อกฎหมายอาญาให้คุ้มครองเหยื่อป้องกันตัว ไม่ให้กลายเป็นคนผิด หลังเกิดข้อถกเถียง กรณีเจ้าของร้านทองยิงโจรปล้นทอง ที่ จ.ตาก ดับ 1 ศพ ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้แสดงความคิดเห็นหลังจากมีข้อถกเถียงในแง่กฎหมายกรณี คนร้าย 4 คน บุกปล้นร้านทองที่ จ.ตาก กระทั่งถูกเจ้าของร้านทองใช้ปืนยิงสวนกลับทำให้คนร้ายเสียชีวิต 1 ศพ จับได้ 1 ราย และยังหลบหนีอีก 2 ราย ซึ่งมีการตั้งคำถามว่า เจ้าของร้านทองกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นตัวอย่างของกฎหมายที่เห็นได้ชัดว่า ยังมีความบกพร่องอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องของกฎหมายอาญาที่ใช้กันมาเป็นเวลานาน เนื่องจากการออกกฎหมายตั้งแต่ต้นนั้น เป็นการกำหนดอยู่บนพื้นฐานของความเป็นกลาง โดยไม่ได้ระบุว่า ใครผิดใครถูก ดังนั้นจึงเป็นการวางกฎเกณฑ์กติกาทั่วๆ ไป กรณีแบบนี้ในกฎหมายอาญากำหนดไว้เป็นเรื่องการป้องกันตัว คือ อยู่บนพื้นฐานที่เกินกว่าเหตุไม่ได้ การป้องกันตัวต้องพอสมควรแก่เหตุ ประการที่สอง ต้องเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงตัว ซึ่งเป็นการวางหลักตามกรณีทั่วไป
นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันนี้สังคมเปลี่ยนไป หลายครั้งที่เราเป็นฝ่ายถูกกระทำ เราก็จะป้องกันตัว ในเวลาที่คนป้องกันตัวนั้น เราก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องกฎหมาย โดยคิดแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเองรอดจากสถานการณ์ แต่พอเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว กลายเป็นป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ อันตรายยังมาไม่ถึงตัวบ้าง และสิ่งที่ใช้ป้องกันเกินกว่าฝั่งตรงข้ามบ้าง ในทางกฎหมายที่ผ่านมา จึงทำให้เป็นความผิด แต่มีโทษเบาลงเท่านั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากฎหมายยังมีช่องว่างและข้อที่ควรจะแก้ไข ให้เข้ากับสถานการณ์และยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ตอนนี้ถึงเวลาที่ควรจะมีกฎหมายมาให้ความเป็นธรรมกับการกระทำที่กระทำต่อการกระทำผิด ให้สามารถป้องกันได้ทุกรูปแบบ แต่อาจต้องมีรายละเอียดต่อไป โดยหลักการคือป้องกันได้ไม่ต้องมีความผิด
นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า กรณีนี้ถือเป็นอุทาหรณ์ ที่ตรงกับแนวคิดของพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการแก้ไขกฎหมายที่ยังมีข้อบกพร่องหลายฉบับ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน
“กฎหมายบอกว่า การป้องกันจะต้องป้องกันจากภยันอันตรายที่ใกล้จะถึง และต้องเป็นการป้องกันที่สมควรแก่เหตุ ผมยกตัวอย่าง เช่น เขาถือมีดเข้ามา เราเอาปืนยิงเลย ศาลอาจจะมองว่า เกินกว่าเหตุ แต่ในขณะนั้นถ้าเราไม่ยิงเราอาจถูกแทงตายได้ เป็นต้น ควรต้องคำนึงด้วยว่า วันนั้น นาทีนั้นสถานการณ์เป็นอย่างไร มีดกับปืน นี่คือหลักกฎหมายที่ใช้กันมามานาน สังคมสมัยโน้น กับสมัยนี้มันต่างกัน ความซับซ้อนของสังคมก็ต่างกัน แต่ที่ผ่านมาเรายังไม่มีการปรับปรุงแก้ไข ก็เลยทำให้คนดีๆ ที่เป็นเหยื่อ กลายเป็นผู้กระทำความผิด” นายพีระพันธุ์ กล่าว...
...