ถอยดีกว่า...ไม่เอาดีกว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย สั่งให้ถอนร่างกฎกระทรวงที่จะให้ขายที่ดินให้ต่างชาติผู้ร่ำรวย โดยมีเงื่อนไขว่า จะต้องนำเงินมาลงทุนในไทยอย่างน้อย 40 ล้านบาท เป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี เพื่อดึงต่างชาติเข้ามาลงทุนให้มากขึ้น แต่ถูก บางฝ่ายโจมตีว่า “ขายชาติ”

อันที่จริง นโยบายขายที่ดินให้ต่างชาติแลกกับการลงทุน ไม่ใช่เรื่องใหม่ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช เล่าให้ทีมข่าวการเมือง “ไทยรัฐ” ฟังว่า มีมาตั้งแต่ปี 2497 และอีกครั้งเมื่อปี 2545 แต่การนำกลับมาใช้อีกในปี 2565 สะท้อนว่าไร้กึ๋นทางเศรษฐกิจ คิดได้แค่กู้เงินมามากๆ เพื่อเอาไปแจก และขายที่ดิน

ศ.สุชาติไม่ใช่ติหรือวิพากษ์ วิจารณ์ ยังเสนอแนะมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในยุคนี้ว่า ต้องส่งออกให้มากกว่านำเข้า ส่งเสริมการท่องเที่ยว ยกเลิกค่าเหยียบแผ่นดินวีซ่าดิจิทัล วางโครงสร้างดิจิทัล หัวใจคือสร้างงานในประเทศ อย่าขายของในบ้านกิน ลดการผูกขาดไฟฟ้า โทรศัพท์ ค้าปลีก ค้าส่ง น้ำมันแพง

นักวิชาการหลายคนไม่เชื่อว่า ต่างชาติจะหอบเงินมาลงทุน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ต่างชาติผู้ร่ำรวยมุ่งเข้ามาเสวยสุขมากกว่า ยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นที่หลวงพระบาง ย่างกุ้ง ฮานอย พนมเปญ ส่วนในประเทศไทย ศ.สุชาติระบุว่า ต่างชาติครอบครองย่านรัชดาฯ ห้วยขวาง ป้ายก็เปลี่ยน ภาษาก็เปลี่ยน จีนก็เคยมีปัญหาให้ฝรั่งเช่าที่

ข่าวรัฐบาลแก้กฎหมายเพื่อเปิดช่องให้เศรษฐีต่างชาติซื้อที่ดินไทย เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ตำรวจยกกำลังบุกทลายแหล่งบันเทิงใน กทม.นำไปสู่การจับกุมนักท่องเที่ยวชาวจีน นับร้อยๆคน ตามด้วยการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องอีกหลายคน พร้อมทั้งยึดทรัพย์มูลค่ามหาศาล เพราะเชื่อว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มา จากการฟอกเงิน

...

ทำให้คนไทยตกอยู่ในอารมณ์สงสัย เศรษฐีต่างชาติที่จะเข้ามา “ลงทุน” ในประเทศไทย เป็นนักลงทุนตัวจริงหรือเป็น “กลุ่มมิจฉาชีพ” กันแน่ จะมาลงทุนในธุรกิจที่เป็นสัมมาอาชีวะ หรือจะเข้ามาลงทุนตั้ง “แก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ” ตั้งสถานบันเทิง ค้ายาเสพติด และบ่อนการพนัน หรือมิจฉาชีพอื่นๆ

วงการค้าอสังหาริมทรัพย์ระบุว่า แม้จะไม่มีกฎหมายให้ซื้อที่ดิน แต่ต่างชาติก็สามารถครอบครองที่ดินในไทยได้อยู่แล้ว โดยผ่านนอมินี ธุรกิจสีเทามากมายที่เกิดขึ้น โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายไทย ไม่กลัวตำรวจไทย ก็เพราะการบังคับใช้กฎหมายไทยที่อ่อนแอ ไม่โปร่งใส พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ประกาศว่าวันนี้เอาจริง.