“ตื่น ฟื้น ฝัน : สังคมต้องตื่น เศรษฐกิจต้องฟื้น การเมืองในฝัน” ที่ ไทยรัฐกรุ๊ป ผนึกกำลังพันธมิตร จัดงานเสวนาใหญ่ “THAIRATH FORUM 2022” ไปเมื่อวันก่อน

เชิญผู้ร่วมเสวนาที่ตกผลึกทางความคิดมาร่วมสะท้อนทัศนะที่หลากหลาย ปลุกประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง หาทางออกให้ชาติ และคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ผมขอสรุปเนื้อหาในมุมมองความคิดของแต่ละท่านพอสังเขป เริ่มที่ คุณบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงิน เกียรตินาคินภัทร ที่ขออนุญาตไม่ให้คะแนนรัฐบาล เพราะไม่รู้จะให้อย่างไร

โดยยกงานวิจัยของ ทีดีอาร์ไอ และสถาบันอนาคตไทยศึกษา ระบุชัดว่าไทยล่าช้า เพราะ รัฐมีขนาดใหญ่เกินไป เรามีข้าราชการและพนักงานราชการถึง 2.2 ล้านคน งบส่วนใหญ่จึงเป็นเงินเดือนประจำ ไม่ใช่งบลงทุน กลายเป็นภาระการคลังในอนาคต เทียบกับญี่ปุ่นที่มีประชากรมากกว่าไทย แต่มีข้าราชการเพียง 500,000 คน

จากขนาดของรัฐที่ใหญ่เกินไป แต่อำนาจกระจุกที่ส่วนกลาง ขณะที่บทบาทรัฐบาลที่ยุ่งทุกเรื่อง พอมีปัญหาอะไรก็ให้รัฐแก้ หรือที่เรียกสังคมอุปถัมภ์ นอกจากนี้อำนาจรัฐยังสูงมาก มีกฎหมายแสนกว่าฉบับ รวมกฎกระทรวง คำสั่ง ที่ประชาชนต้องปฏิบัติตาม แถมยังมีใบอนุญาต 5,000 กว่าชนิด

...

ข้อเสนอคือต้องหดขนาดรัฐ กระจายอำนาจรัฐ และทรัพยากรออกไป อย่าให้กระจุกตัว

คุณเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ มาแรงกว่า ให้คะแนนรัฐบาลสอบตก เพราะ อยู่มา 6–8 ปี ไม่สามารถแก้ปัญหาปากท้อง ความเหลื่อมล้ำได้เลย

โดยมีประเด็นที่ฝากเอาไว้ คือกฎของการอยู่ร่วมกันคือรัฐธรรมนูญที่เหมาะสมให้อำนาจประชาชนจริง และฝันว่ารัฐบาลใหม่จะผลักดันให้เกิดรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องสร้างความหวัง สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กและเยาวชน มีส่วนร่วมพัฒนาประเทศ มีอิสรภาพที่เลือกได้เอง ก่อนจะทิ้งท้ายเอาไว้ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า อยากเห็นการเลือกตั้งที่ขาด หากยังชอบรัฐบาลปัจจุบันก็เลือกไป ถ้าไม่ชอบก็เลือกให้ขาด

ส่วน คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยิ่งหนัก ให้รัฐบาลติดลบ 100 ฐานเป็นตัวการเพิ่มความเหลื่อมล้ำและวิกฤติปากท้องประชาชน

คุณพิธามีความฝันว่าประเทศไทยจะเติบโตก้าวไปข้างหน้ามีความเท่าเทียมในระบบทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมไปด้วยกัน อยากเห็นเศรษฐกิจกับสวัสดิการควบคู่ไปด้วยกันได้

มาที่ ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ผู้แทนการค้าไทย ที่เห็นตรงกันข้ามว่าประเทศไทยอยู่ในวิกฤติโลก ทั้งสถานการณ์โควิด สงครามรัสเซีย-ยูเครน ซ้ำเติมด้วยภาวะเงินเฟ้อ แต่ทั้งหมดไทยผ่านมาได้โดยไม่บุบสลายมีสถานะทางการเงินและการคลังที่แข็งแกร่งที่สุดในอาเซียน

พร้อมฝากนักการเมืองว่า ทำให้เยอะ พูดให้น้อย ให้ทำมากกว่าพูด

อีกท่านคือ คุณธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการบริษัทเพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ ที่มองถึงความคาดหวังในการเลือกตั้งที่กำลังมาถึง และรัฐบาลชุดใหม่ อยากเห็นมืออาชีพจริงๆเข้ามาบริหารงานกระทรวง ตามความรู้ ความสามารถ อย่างน้อยก็สักครึ่งหนึ่ง อยากให้นายกฯคนใหม่ ต่อรองหาคนเก่งมาทำงาน อย่าผิดฝาผิดตัว การจัดสรรงบประมาณต้องดูที่ยุทธศาสตร์

ปิดท้ายที่มุมมองของ คุณ “ได๋-ไดอาน่า” สะท้อนผ่านโอกาสที่เข้ามามีส่วนช่วยเหลือสังคมในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาว่า ทุกวันนี้คนไทยจำนวนมากยัง จนเงิน จนโอกาส จนปัญญา หันไปทางไหนพบแต่คนที่รอความหวัง

หากอยากจะเปลี่ยนประเทศไทยให้มีสีสันสดใส ต้องให้ประชาชนเข้าใจสิทธิขั้นพื้นฐาน เข้าถึงการช่วยเหลือขั้นพื้นฐานอย่างเสมอภาคที่สำคัญคือต้องได้รับการศึกษาที่เท่าเทียม

นั่นคือมุมมองของแต่ละท่านที่สังคมไทยควรนำไปต่อยอด.

“เพลิงสุริยะ”