“ถาวร” สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคไทยภักดี “นพ.วรงค์” วางนั่งตำแหน่งประธาน เจ้าตัวรับยังรักปชป. ปัดลาออก แต่เพราะขาดคุณสมบัติ ย้ำชัดไม่หนุน “บิ๊กตู่” หากไม่ปราบโกง ลั่นยังไม่รวมพรรคกับใคร
วันที่ 29 กันยายน 2565 ที่ทำการพรรคไทยภักดี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ให้การต้อนรับ นายถาวร เสนเนียม เข้าเป็นสมาชิกพรรค โดยเซ็นลงชื่อในเวลา 09.09 น.
โดยนพ.วรงค์ ระบุว่า นายถาวร เป็นบุคคลที่พรรคการเมืองชวนเข้าไปร่วมงานการเมือง แต่ไม่ไป เพราะตัดสินใจว่าพรรคไทยภักดี เป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้อย่างแท้จริง จึงตัดสินใจมาที่นี่ และจากการคุยนอกรอบหลายครั้ง แน่นอนแล้วว่าจะมาดำรงตำแหน่งประธานพรรคไทยภักดี
ขณะที่นายถาวร กล่าวว่า การรัฐประหารที่ผ่านมา สิ่งที่ทหารอ้างว่าเกิดการทุจริต และต้องการมาปฏิรูปประเทศ ปราบคนโกง แต่ปรากฏว่าล้มเหลว คนโกงชาติยังมีอยู่จำนวนมาก คนไทยยังติดอยู่กับระบบอุปถัมภ์ ซึ่งถือเป็นปัญหาหลักของประเทศ จึงขอถามว่ารัฐบาลนี้ทำอะไรอยู่ โดยพรรคไทยภักดีขอเป็นที่พึ่งให้ประชาชน มีความตั้งใจแน่วแน่จะปฏิรูปประเทศให้ครบทุกด้าน
...
ด้านนพ.วรงค์ กล่าวเสริมว่า ตนเองกล้ายืนยันได้ว่าไม่มีพรรคการเมืองไหนปราบโกงเก่งได้เท่าพรรคไทยภักดี
พร้อมประกาศว่าต่อจากนี้ พรรคจะนัดระดมทุนครั้งใหญ่จากประชาชนทั่วไป ในวันที่ 23 ต.ค. นี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง ในราคาบัตรละ 10,000 บาท และ 1,000 บาท
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังสอบถามนายถาวร ว่าจะมีการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อหรือไม่ โดยนายถาวร ระบุว่า เมื่อกี้ได้พูดชัดแล้ว หากไม่มีการปราบทุจริต ก็ต้องพอกันที นอกจากนี้ยังขอ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งกฎเหล็กอย่างจริงจังโดยเฉพาะการใช้เงินในการเลือกตั้ง หากไม่บังคับใช้กฎหมาย ตนเองอาสาขอนำ กกต. เข้าคุกอีกครั้ง
นายถาวร ยังระบุว่า สมัยเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เมื่อ 20 ก.ย. 2511 ตนเองได้เดินขบวนและร่วมเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่ได้ขาดการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทันที ตั้งแต่ศาลพิพากษาให้จำคุก ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของพรรค
“ขอชี้แจงว่า ผมไม่ได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ผมยังคงรัก ยังคงยึดมั่นอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ข้อ 1 ที่ ว่า พรรคจะทำการเมืองด้วยความบริสุทธิ์ ผมต้องขออนุญาตบรรพบุรุษพรรคประชาธิปัตย์ ขอเอาอุดมการณ์ในข้อที่ 1 มาใช้ที่ไทยภักดีด้วย เพราะการทำการเมืองโดยสุจริตนั้น ไม่ใช่ลิขสิทธิ์ของท่านใด จะต้องเป็นเรื่องของนักการเมืองทุกคนที่จะต้องเอามาใช้”
นายถาวร ยังกล่าวอีกว่า เมื่อได้มาเป็นสมาชิกพรรคไทยภักดีแล้วตนเองขอเปลี่ยนสัญชาติ เพราะทุกพรรคเป็นเพื่อนกันได้ และนักการเมืองน้ำดีกอดคอพัฒนาประเทศร่วมกันได้
ส่วนวันพรุ่งนี้ที่จะมีการอ่านคำวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ ตนเองก็ไม่กังวลเรื่องความวุ่นวาย เพราะการเรียกร้องเป็นสิทธิพลเมืองแต่ขอให้อยู่ในกรอบ ยกเว้นพรรคการเมืองไหนชุมนุม เรียกร้องล้มล้างสถาบัน ต้องสู้กับไทยภักดีแน่นอน จะไม่ยอมถอย เพราะเรามีจุดยืน อีกทั้งรัฐธรรมนูญ ยังเขียนไว้ว่าหน้าที่พลเมืองจะต้องปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ทั้งนี้ นายถาวร ยังกล่าวว่าการควบรวมพรรคไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องดูอุดมการณ์จุดยืน นโยบาย และความจริงใจในพรรคการเมืองนั้นๆ ที่พร้อมจะมาจับมือกับเรา แต่ในขณะนี้ยังมองไม่เห็นว่าจะไปจับมือกับใคร และพรรคไทยภักดีพร้อมสู้ทุกกติกา ของสูตรคำนวณในการเลือกตั้ง
จากนั้นได้มีสมาชิกพรรคมามอบดอกไม้ให้กำลังใจนายถาวรเป็นจำนวนมาก พร้อมโชว์บัตรการเป็นสมาชิกพรรคไทยภักดีต่อสื่อมวลชน.