“บิ๊กตู่” ถึงสกลนคร นั่งรถทะเบียนสวยลงพื้นที่ตรวจราชการ เสียงตะโกนบอกรักให้กำลังใจลั่น ชี้ ปัญหาเยอะ รัฐบาลพยายามแก้ทั้งหมด ยอมรับเครียด ขอร่วมมือ เชื่อทุกอย่างสำเร็จได้
เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 15 มิ.ย. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ เดินทางถึงโรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร หลังจากช่วงเช้าวันนี้ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ มายังสนามบินกองทัพบกค่ายกฤษณ์สีวะรา อ.เมืองสกลนคร พร้อมฝนที่กำลังโปรยปราย จากนั้นขึ้นรถโตโยต้าอัลพาร์ดสีขาว ทะเบียน 1ขส2605 สกลนคร ในการตรวจราชการในพื้นที่ มาถึงมีประชาชนตะโกนให้กำลังใจ บอกรัก และบอกให้ลุงตู่สู้ๆ
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นกล่าวในช่วงหนึ่งว่า แม้สถานการณ์โควิด-19 จะดีขึ้น แต่ยังขอให้ประชาชนระมัดระวัง เพราะนายกฯ เป็นห่วง และรู้สึกยินดีที่ได้มาเยี่ยมเยือนสกลนคร ในเรื่องการจัดการโควิดนั้นเราทำได้ดีกว่าหลายประเทศ ต่างประเทศชื่นชม และทุกเรื่องถ้าร่วมมือกันสามารถทำให้สำเร็จได้ทุกอย่าง ซึ่งรัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่ทั้งวันนี้และเพื่ออนาคต รวมถึงแก้ปัญหาความยากจน พยายามเดินหน้าให้ทุกคนอยู่รอดในสถานการณ์นี้ก่อน ต่อไปก็จะทำให้ยั่งยืน พอเพียง มีมากใช้มากมีน้อยใช้น้อย ขอให้ใช้จ่ายกันอย่างระมัดระวัง มีความรู้คู่คุณธรรม มีภูมิคุ้มกันที่ดี รัฐบาลทำตามแผนปฏิรูปประเทศ แผนแม่บทต่างๆ ยืนยันว่าจัดงบประมาณให้ทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดที่มีความเดือดร้อน เราคือครอบครัวคนไทย ประเทศไทย ขอให้เผื่อแผ่คิดถึงซึ่งกันและกัน ไม่ขัดแย้ง ขอให้ทุกคนร่วมมือ
ทั้งนี้ หลายอย่างดีขึ้น แต่หลายอย่างยังมีอุปสรรค อาทิ เรื่องการเกษตร ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งรัฐบาลยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยแก้ทั้งเรื่องหนี้สิน การเข้าถึงการศึกษา สาธารณสุข ชีวิตความเป็นอยู่ และการเข้าถึงบริการภาครัฐ ปรับปรุงของเดิมให้ดีขึ้น ใช้ดิจิทัลมาช่วยในเรื่องการค้าขาย ขณะเดียวกันทุกอย่างมีประวัติศาสตร์ ถ้าลืมจะรักพื้นที่ รักประเทศได้อย่างไร สืบทอดมาจากปู่ย่าตายาย เป็นสายสัมพันธ์ที่แตกต่างจากประเทศอื่น สังคมเราไม่ได้เป็นแบบนั้น อย่าทำลายสังคมของเราที่มีมายาวนาน นี่คืออัตลักษณ์ความเป็นไทย รวมถึงเมื่อมองแววตาแล้วเชื่อว่าทุกคนรักลูกไม่ว่าจะโตแค่ไหน ขณะที่ลูกก็ต้องรักพ่อแม่ อย่าให้ใครมาทำลายสายสัมพันธ์ตรงนี้
...
พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวในขณะที่เดินทางมาว่าเจอคนข้างทางโบกมือให้ แสดงถึงความมีไมตรีจิต ต้องรับด้วยความอบอุ่น สกลนครเป็นจังหวัดที่เรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ แม้ช่วงนี้จะใส่หน้ากาก แต่ก็ยิ้มด้วยตา แสดงออกทางตาได้ การแสดงออกด้วยกิริยาท่าทางสำคัญ “บางทีนายกฯ ก็ดุเดือดไปหน่อยเหมือนกันนะ จริงๆ แล้วดูหน้าสิใจร้ายมั้ยเนี่ย” ขณะนั้นมีชาวบ้านตอบกลับว่า “หล่อ” ซึ่งนายกรัฐมนตรีหัวเราะแล้วพูดต่อไปว่า “พอแล้วๆ พูดไปพูดมาหาว่าชมกันเอง ไม่เอา”
รวมทั้งรู้สึกชื่นใจว่า การสำรวจล่าสุดพบความยากจนน้อยกว่าข้อมูลเดิม มีอะไรก็ขอให้บอก คงไม่ใช่ปีนี้จะจบเพราะสะสมมานาน รัฐบาลทำทุกอย่าง มันเยอะ มันก็เลยช้า แต่ถ้าไม่ทำปัญหาก็จะหมักหมมไปเรื่อยๆ ขุดมาทุกวัน แก้ทุกหน่วยงาน เพื่อจะสามารถช่วยเหลือประชาชนเดือดร้อนได้อย่างตรงจุด รวดเร็ว และมีข้อมูลในการวางแผนพัฒนาจังหวัดอย่างเหมาะสม จะทำอย่างไรให้งบที่มีอยู่อย่างจำกัดมีประสิทธิภาพ
“ปัจจุบันเราต้องสนใจเรื่องของเรา เราก็มีความทุกข์อยู่แล้ว ไปฟังทุกเรื่องดูปัญหามันเยอะไปหมด ทำให้เราสมองไม่โล่ง นายกฯ ก็พยายามจะปลดตรงนี้ออกมา ไม่งั้นมันเครียดเข้าใจไหม เพราะปัญหามันเยอะอยู่แล้ว ก็ฟัง ดู อ่าน ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ถ้าไปดูเท่ากับเราไปรับปัญหาความเดือดร้อนเขามาด้วย มันอินไปทั้งหมด บางทีมันก็เลยรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว นายกฯ ก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกันนะ เพราะฉะนั้นพยายามทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าถ้าเราทำอย่างที่ผมพูดมาได้ ร่วมมือกับรัฐบาล เข้าให้ถึงการบริการภาครัฐเขาให้อะไรมาแล้วบ้าง ที่ให้ก็มาจากรัฐบาลทั้งนั้นแหละ ถ้ารัฐบาลไม่สั่งการทำไม่ได้อยู่แล้ว รัฐบาลกำหนดนโยบายไป ไม่ได้หมายความว่าต้องมาชมนายกฯ เพียงแต่ให้รู้ขั้นตอน การทำอะไรต้องสรุปรวมเข้าใจแผนงบประมาณประจำปี”
นายกฯ เผยต่อไปว่า งบประมาณเราจำกัด ก็ตั้งขาดดุลอย่างนี้ไปจนกว่าจะมีรายได้สูงขึ้น รัฐบาลต้องมองอนาคตด้วย ต้องหาเงินเข้าประเทศมากขึ้น ประเทศเราไม่ได้แย่ ไม่ได้ถอยหลัง กำลังเดินหน้า รัฐบาลพยายามทำให้เกิดความชัดเจนขึ้น มองร่วมมันจะไปตรงไหน รัฐบาลมีหน้าที่หางบประมาณให้เพียงพอ ขณะเดียวกันเศรษฐกิจก็ต้องพัฒนาทั้งบน กลาง ล่าง โดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานราก
“ผมพยายามจะทำให้ดีที่สุด ทั้งรัฐบาล ครม. ข้าราชการ ทุกคนทำงานอย่างหนัก คนดีก็มี คนไม่ดีก็ดี ก็บอกมาแล้วกัน ผมคิดทุกวัน ตื่นเช้ามาคิดทุกวั้นทุกวันว่าจะทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานอะไรได้บ้าง เราจะแก้ปัญหาจากเมื่อวานหรือวันก่อนได้บ้าง นั่นคือสิ่งที่เป็นตัวตนของนายกฯ มาโดยตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมา วันนี้ต่างชาติให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทยอย่างเต็มที่ในทุกมิติ เพราะเรามีดุลยภาพที่ดีในอาเซียน ทุกคนให้เกียรติและชื่นชมในสิ่งที่เราทำอยู่ ขอให้ภูมิใจ สิ่งแรกคือเราต้องภูมิใจในความเป็นไทย อัตลักษณ์ของเรา ภูมิใจกับสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของเรา ซึ่งเป็นแกนของประเทศ ช่วยกันพิทักษ์รักษาปกป้อง 3 สิ่งของเราไว้ได้ คงไม่เป็นการขอร้องที่มากเกินไป”
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุในช่วงท้ายด้วยว่า “มีอะไรจะพูดไหม พูดเหนื่อยแล้วเนี่ย” ซึ่งขณะนั้นมีเสียงตะโกนขึ้นมาว่า “รักนายกฯ” โดย พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าจำเสียงได้แล้ว เรียกเสียงหัวเราะของคนที่มาร่วมงาน พร้อมบอกต่อไปว่าวันนี้มีความสุข บางทีปัญหาเยอะนายกฯ ก็เครียด นายกฯ ดูแลคนเกือบ 70 ล้านคน หลายอาชีพ ต้องพัฒนาคนของเราให้มากยิ่งขึ้น เรียนรู้ตลอดชีวิต เด็กๆ เรียนได้ก็เรียน ถ้าเรียนไม่ได้จะเข้ามาดูแลให้ “เรารักเหมือนกัน หัวใจเดียวกัน ครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวประเทศไทย ทำงานทุกคน ใครดีไม่ดีก็ว่ามานะจ๊ะ” จากนั้นเยี่ยมชมพื้นที่กิจกรรมและเดินทางไปยังกำหนดการต่อไป.