ได้ยิน เสียงกรี๊ดลั่นตึก กทม. และบรรยากาศการต้อนรับ คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ในวันเข้ารับตำแหน่งบ่ายวันที่ 1 มิถุนายน ของคน กทม.แล้ว ก็ต้องบอกว่า เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของระบอบประชาธิปไตยอันงดงาม ที่คนไทยไม่เคยเห็นมานานกว่า 8 ปีแล้ว ดอกไม้ประชาธิปไตยกำลังผลิบานขึ้นที่กรุงเทพมหานครแล้ว วันเสาร์สบายๆ วันนี้ผมเลยต้องชวนท่านผู้อ่านไปพูดถึง การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ที่ผ่านมา เป็นชัยชนะอันงดงามของประชาธิปไตย จากเสียงของคนกรุงเทพฯกว่า 1.38 ล้านคนที่เลือกผู้ว่าฯ กทม.ของเขาเอง ไม่ใช่แต่งตั้งจากอำนาจเด็ดขาดของคนเพียงคนเดียว ที่ชี้นิ้วใส่ประชาชน จนทำให้บ้านเมืองล้าหลังไปมากมาย

ผมหวังว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จะเป็นแบบอย่าง การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในอนาคต การเลือกตั้ง ส.ส.ในต้นปีหน้า และ การเลือกตั้ง ส.ว.ในปีถัดไป เพื่อให้ได้ ผู้แทนที่เห็นประชาชนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน ไม่ใช่ทำตัวเป็นเจ้านายข่มขู่ประชาชน

ผมดูข่าวทีวีแล้วก็ประทับใจ เมื่อ คุณชัชชาติ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลาว่าการ กทม. แล้วเดินเข้าไปในศาลาว่าการ กทม. มีข้าราชการออกมาต้อนรับคุณชัชชาติกันมากมาย ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มดีใจ ไม่ใช่ถูกบังคับให้เข้าแถวต้อนรับด้วยดอกกุหลาบแดงแบบไม่เต็มใจ มีเสียงกรี๊ดจากอาคารชั้นบนที่เปิดหน้าต่างออกมาโบกไม้โบกมือ ต้อนรับ คุณชัชชาติก็ยิ้มโบกมือตอบรับ เป็นบรรยากาศการต้อนรับผู้ว่าฯ กทม.ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

บรรยากาศเช่นนี้ ผมเชื่อว่าจะช่วยให้การทำงานของ คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในฐานะ ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ เป็นไปอย่างราบรื่น ได้ใจกันไปตั้งแต่วันแรก ไม่ใช่เกรงกลัวในอำนาจ

...

คุณชัชชาติ ได้ตอกย้ำในการมอบนโยบายครั้งแรกแก่เจ้าหน้าที่ กทม.ว่า ผมไม่ใช่นาย ขอให้เรียกผมว่าอาจารย์ ผมอยากจะให้เราเดินไปด้วยกัน มีอะไรคุยกันได้ ผมไม่อยากเป็นนาย ถ้าเป็นเจ้านายจะไม่กล้าพูด แต่ถ้ามองว่าเป็นเพื่อนร่วมงานจะสามารถพูดได้มากกว่า อยากให้ทุกคนอ่านนโยบาย 214 ข้อ มองว่านโยบายของเราทั้งหมดดีหรือไม่ดีอย่างไร ไม่ได้บอกว่าให้ท่านปฏิบัติตาม แต่อยากได้ความเห็นว่า ควรปรับปรุงอย่างไร ผมคิดว่าหลายๆท่านรู้ดีมากกว่า เราอาจจะเพิ่มเป็น 300 ข้อ ถ้าพวกเรามีพลัง

นโยบาย 214 ข้อ ล้วนเกี่ยวข้องกับ ชีวิตประจำวัน และ คุณภาพชีวิตคนกรุงเทพฯ ที่ถูกทอดทิ้งมานานแล้ว ขอเพียงใส่ใจทำ ทุกอย่างจะดีขึ้นทันที โดยไม่ต้องใช้งบประมาณล้างผลาญแบบเมกะโปรเจกต์ เช่น ท่อระบายน้ำยักษ์หลายหมื่นล้านที่ใช้งานไม่ได้

กทม.สะสมการทุจริตคอร์รัปชันมานานแล้ว คุณชัชชาติ ได้ประกาศชัดเจนในการมอบนโยบายในเรื่อง ความโปร่งใสสุจริต ว่า “ผมจะไม่ทนต่อการทุจริตคอร์รัปชัน” เพราะอยากทำให้ กทม.มีชื่อเสียงว่าเป็นหน่วยงานที่สุจริต ผมอยากเห็นคุณชัชชาติทำจริงๆ ไม่ใช่ แค่พูดเหมือนนักการเมืองทั่วไป โครงการล่าสุดที่ทำให้ คุณจักกพันธ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. ของคุณชัชชาติ ลาออกจากตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม.สมัย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ก็คือ โครงการเตาเผาขยะหนองแขมและอ่อนนุช มูลค่า 13,000 ล้านบาท ที่มีการร้องเรียน ก็หวังว่าคุณชัชชาติจะปราบจริง

เรื่องที่ “จี้ใจดำ” ของ ผู้มีอำนาจในรัฐบาลที่ชอบระบบเผด็จการ ก็คือ คุณชัชชาติ ได้ขอเจ้าหน้าที่ กทม.ว่า เวลาลงพื้นที่ ไม่ต้องมากันเยอะ มาเท่าที่จำเป็น เพราะอยากไปคุยกับประชาชนจริงๆ ห้ามมีป้ายชื่อและรูปของตนเอง ไม่ต้องการประชาสัมพันธ์ตัวเอง เราทำงานในนามของ “ผู้ที่มารับใช้ประชาชน” เวลาลงพื้นที่อย่าทำความเดือดร้อนให้ประชาชน ฟังแล้ว ทำเนียบรัฐบาล และ กระทรวงมหาดไทย คงสะอึก หวังว่าจะไม่เห็นการเกณฑ์ประชาชนไปตากแดดตากฝนถือป้ายต้อนรับนายท่านอีกนะครับ

ฟังแล้ว เหมือนอยู่ในประเทศความฝัน ผมก็หวังว่า คุณชัชชาติ จะรักษาคำพูด ทำในสิ่งที่พูด เพื่อเป็นแบบอย่างนักการเมืองที่ดี ไม่เหมือนนักการเมืองที่เห็นในสภาทุกวันนี้.

“ลม เปลี่ยนทิศ”