“ชัชชาติ” ไปขอโทษคนขับแท็กซี่ด้วยตัวเอง หลังได้รับความเดือดร้อนจากคลิป ก่อนลุยลงพื้นที่แยกลำสาลี ดูปัญหาก่อสร้างส่งผลจราจรติดขัด ดีใจข้าราชการสังกัด กทม.ตื่นตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 พ.ค. 2565) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) คนที่ 17 โพสต์เฟซบุ๊กขณะเดินทางไปพบกับคนขับแท็กซี่ในคลิปที่เป็นกระแสและข่าวจนถูกวิพากษ์วิจารณ์ หลังวานนี้โพสต์ชี้แจงไปแล้ว ว่า วันนี้มาขอโทษพี่ลอง คนขับ Grab Taxi ที่เป็นข่าว และต้องเดือดร้อนจากคลิปที่ตนเองขึ้นรถแล้วต้องลง เพราะคนขับนึกว่าเป็นผู้โดยสารที่เรียกมา โดยกรมขนส่งทางบกเรียกคนขับไปสอบสวนข้อเท็จจริงเมื่อวานที่ผ่านมา

นายชัชชาติ บอกเล่าเพิ่มเติมหลังจากพูดคุยกับคนขับแท็กซี่รายนี้ว่า ช่วงโควิดลำบากมาก ส่วนใหญ่ไม่มีลูกค้า บางวันมีแต่ก็น้อยมาก ช่วงนั้นขับได้เฉลี่ยวันละ 300 บาท ค่าเติมแก๊สตกวันละ 200 บาท ที่เหลือหารกับเจ้าของอู่แท็กซี่คนละครึ่ง เหลือใช้วันละ 50 บาท แต่ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้น รายได้ส่วนใหญ่มาจากการขับ Grab Taxi ที่หักค่าใช้จ่ายต่อวันแล้วเหลือใช้วันละ 500-600 บาท

ทั้งนี้การทำให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงเทคโนโลยีในสมัยนี้เป็นสิ่งที่จำเป็น หนึ่งในนโยบายของเราคือการมีอาสาสมัครเทคโนโลยี (อสท.) เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ หรือช่วยเหลือคนในชุมชนเพื่อสนับสนุนด้านดิจิทัลของประชาชน เพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ และเป็นการเพิ่มตัวเลือกให้กับผู้บริโภคได้อีกทาง

“ผมขอเป็นกำลังใจให้พี่ๆ ทุกคน ในการเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการหารายได้ และผ่านวิกฤติโควิดนี้ไปได้ครับ”

...

จากนั้น นายชัชชาติ ลงพื้นที่แยกลำสาลี เขตบางกะปิ สำรวจการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีส้ม ร่วมกับ น.ส.มธุรส เบนท์ ว่าที่ ส.ก.เขตสะพานสูง พรรคเพื่อไทย และ นางชญาดา วิภัติภูมิประเทศ ว่าที่ ส.ก.เขตคันนายาว พรรคเพื่อไทย โดยปัญหาหลักในพื้นที่แยกลำสาลีคือสภาพการจราจรติดขัดจากการก่อสร้าง พร้อมระบุว่า แยกลำสาลีก็เป็นอีกจุดสาหัสเหมือนกับที่เขตธนบุรี ซึ่งพื้นที่แยกลำสาลีมีการก่อสร้าง 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม รถไฟฟ้าสายสีเหลือง และโครงการสร้างสะพานข้ามแยกจากลาดพร้าวไปยังสุขาภิบาล 1 ทำให้เกิดปัญหาการคืนพื้นผิวการจราจร ส่งผลจราจรติดขัด

สำหรับโครงการสร้างสะพานข้ามแยก มีการแบ่งสัญญาเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนต้น เป็นความรับผิดชอบของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และส่วนปลาย เป็นความรับผิดชอบของ กทม. จากสัญญาพบว่าระยะเวลาการก่อสร้างผ่านมาแล้ว 65% แต่การก่อสร้างเดินหน้าเพียง 5% แสดงว่าความคืบหน้โครงการมีปัญหา กทม. ต้องเข้ามาเร่งรัด ส่วนโครงการรถไฟฟ้า 2 สาย มีประเด็นเรื่องการออกแบบสกายวอล์ก แต่ไม่มีลิฟต์คนพิการ เบื้องต้นเข้าใจว่าสาเหตุจากงบประมาณไม่เพียงพอ ซึ่งต้องตรวจสอบและหาวิธีจัดการเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้มากที่สุด

ทางด้านแนวทางแก้ไขปัญหา ต้องเร่งรัดการก่อสร้าง จากนั้นต้องเร่งคืนพื้นที่ถนนให้ประชาชน ป้องกันไม่ให้ผู้รับเหมาใช้เป็นพื้นวางอุปกรณ์ก่อสร้าง ส่วนประเด็นการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ผ่อนปรนให้ผู้รับเหมาส่งงานล่าช้า ต้องไปตรวจสอบ หากพบว่าเป็นปัญหาจะแจ้งให้รัฐบาลทราบว่าก่อให้เกิดปัญหากับประชาชน พร้อมย้ำว่า กทม.ต้องเอาจริงเอาจังในการควบคุมการก่อสร้าง เพื่อไม่ให้สร้างปัญหาต่อประชาชน

ขณะที่กรณีข้าราชการสังกัด กทม. ให้ความสนใจนโยบาย 200+ ข้อ และสำนักงานเขตบางแห่งเริ่มนำนโยบายไปพัฒนานั้น นายชัชชาติ กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่นโยบายได้รับความสนใจ และเห็นความตื่นตัวในการทำงาน ทั้งที่ยังไม่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และยินดีหากมีการเสนอข้อคิดเห็นในการทำงานต่างๆ เข้ามา ซึ่งเว็บไซต์ chadchart.com มีผู้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นเรื่องดีเพราะเมืองมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นโยบายไม่ใช่ศิลาจารึกที่จะคงเดิมตลอด แต่ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามวิถีชีวิตคน พอมีโจทย์ที่เป็นความต้องการของประชาชนก็ทำให้ข้าราชการมีทิศทางในการทำงาน ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจ และจะพยายามทำให้สำเร็จได้มากที่สุด

“น่าดีใจมากที่สำนักงานเขตหลายแห่งนำนโยบายไปพัฒนาแล้ว ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ทันเข้าทำงานเลย แต่ก็ตื่นตัวกันแล้ว สำหรับผมนี่เป็นมิติใหม่ ผมเชื่อว่าพวกเขาทำได้เกือบหมด พอมีทิศทางทุกคนก็เริ่มตื่นตัว และผมก็ยังดีใจที่วันประกาศผลเลือกตั้ง (อย่างไม่เป็นทางการ) ซึ่งเราก็แนะนำให้ข้าราชการเข้าไปอ่านนโยบาย เผื่อมีข้อติเตียน ข้อแนะนำ จะได้มาคุยกันได้ เขาก็ไปอ่านกัน ผมก็ดีใจ ส่วนนโยบายรายเขตเขาก็ไปดูว่ามันเกี่ยวข้องกับเขาอย่างไรบ้าง มันไม่ได้ยากเลยที่จะทำ ผมว่ามันสนุกและเป็นมิติใหม่ที่เราไม่เคยเห็น”

อย่างไรก็ตาม ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ ยังกล่าวด้วยว่า ได้รับโทรศัพท์แสดงความยินดีจาก น.ส.รสนา โตสิตระกูล เมื่อวานนี้ ซึ่งตนเองเคารพเหมือนญาติผู้ใหญ่ ยินดีเป็นอย่างยิ่งหากได้รับคำแนะนำ หรือข้อคิดเห็นด้านนโยบาย สำหรับประเด็นระหว่างการหาเสียงไม่รู้สึกไม่ติดใจอะไร เพราะเคารพสิทธิ์ของทุกคน โดย น.ส.รสนา ขอให้พิจารณาเรื่องการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าเป็นพิเศษ ซึ่งมีจุดยืนเดียวกัน นั่นคือยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง สามารถพูดคุยกันได้ด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร

พร้อมกันนี้ นายชัชชาติ ยังโดยสารเรือคลองแสนแสบ จากท่าเรือเดอะมอลล์บางกะปิ ไปท่าเรือประตูน้ำ ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจสำรวจแยกลำสาลี ร่วมกับ ว่าที่ ส.ก.พรรคเพื่อไทย เขตสะพานสูง และเขตคันนายาว โดยสำรวจปัญหาการใช้งานเรือโดยสาร และรับฟังความต้องการจริงจากประชาชนต่อการพัฒนาเส้นทางเดินเรือในอนาคตด้วย.