นายกฯ ลั่น พร้อมสานต่อความร่วมมือทุกด้าน หลังประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ เผยเชิญโจ ไบเดน-ผู้นำอาเซียน ร่วมเวทีเอเปคที่ไทยปลายปี 65 ย้ำ มุ่งแก้ปัญหาในประเทศ ชี้รักสามัคคีทำชาติเดินไปข้างหน้าได้

วันที่ 14 พ.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.45 น. (ตามเวลาท้องถิ่น สหรัฐอเมริกา) วันที่ 13 พ.ค. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังภารกิจในการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา แสดงความพอใจต่อการเดินทางเข้าร่วมการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นโอกาสครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ และสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ มีมามาอย่างยาวนาน และความร่วมมือมีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการแลกเปลี่ยนระดับสูง การทำงานร่วมกันบนพื้นฐานผลประโยชน์ร่วม ทั้งทางการทหาร เศรษฐกิจ ความมั่นคง การค้า การลงทุน รัฐบาลไทยและสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีท่าทีที่สำคัญร่วมกัน ทั้งเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ พลังงาน เทคโนโลยีสะอาด การรับมือการแพร่ระบาดโควิด-19 และโรคอุบัติใหม่ ทั้งมิติสาธารณสุข เพราะต้องการสร้างห่วงโซ่ที่เข้มแข็งในประเทศไทย เพื่อลดผลกระทบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ของไทย ตลอดจนการพัฒนาที่ยั่งยืน

...

การเดินทางมาครั้งนี้ได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับนายโจ ไบเดน และผู้นำระดับสูงของสหรัฐฯ และภาคธุรกิจเอกชนสหรัฐฯ ที่จะได้ร่วมกันขับเคลื่อนฟื้นฟูการเจริญเติบโตของภูมิภาค พร้อมเชิญชวนให้มาร่วมลงทุนในไทย เพื่อให้เกิดการกระจายตัวของห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน โดยเตรียมที่จะดูแลกฎกติกา สิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจ โอกาสนี้ได้เชิญสหรัฐฯ และผู้นำชาติอาเซียน เข้าร่วมการประชุมเอเปคที่ไทยเป็นเจ้าภาพในเดือน พ.ย.65 นี้ ส่วนใหญ่ตอบรับแต่ต้องรอการยืนยันอย่างเป็นทางการ

ในการประชุมครั้งนี้ ไทยยังผลักดันขอให้สหรัฐฯ และผู้นำอาเซียนปรับเปลี่ยนเรื่องของการมุ่งเอาชนะ มาเน้นดูแลเรื่องมนุษยธรรมด้วย ซึ่งครอบคลุมทุกเรื่อง ไม่เฉพาะเรื่องของสงครามเท่านั้น และบทบาทของไทยในภูมิภาคจะเน้นลดความขัดแย้ง ลดการเผชิญหน้า และพร้อมจะเอื้อกับทุกประเทศในการฟื้นตัวของเศรฐกิจ นอกจากนี้ไทยยังเสนอไปยังประเทศมหาอำนาจทั้งหลายว่าต้องหาแนวทางอย่างไรเพื่อให้โลกเกิดความสงบสุขและดูแลประชากรโลกให้มีความสุขและปลอดภัย โดยส่วนตัวเชื่อว่าปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะสามารถยุติได้ในเร็วๆ นี้

นายกฯ ยังกล่าวว่า ส่วนเรื่องปัญหาพลังงาน ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อหลายประเทศ จนทำให้จีดีพีปรับตัวลดลง ซึ่งรัฐบาลได้เข้าไปดูแลทุกภาคส่วนอย่างดี แต่หากจะให้การช่วยเหลือส่วนใดส่วนหนึ่งมากเกินไป ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อภาคส่วนอื่นได้ ดังนั้นทุกฝ่ายต้องมองไปข้างหน้า และไทยเองได้ขอความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการผลิตและใช้พลังงานดิจิทัล EV เพื่อแก้วิกฤติพลังงาน ปัญหาสินค้าขาดแคลน และความยากจน ซึ่งกลุ่มบุคคลที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือผู้มีรายได้น้อย พร้อมขออย่าด้อยค่ากันและกันในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพราะหากมีความรักความสามัคคีก็จะทำให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าได้