"ศิธา" กล้าคิดต่าง พลิกโฉมที่รกร้าง สู่ขนส่งมวลชน ด้วย Articulate Bus ที่เป็นรถ EV จากโซนเหนือ เข้าสู่ใจกลางเมือง โดยเป็นระบบที่จะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าอีก 4 สาย ราคาเพียง 10 บาท

วันที่ 1 พ.ค. ที่ทำการพรรคไทยสร้างไทย น.ต. ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่า กทม.หมายเลข 11 พร้อมด้วยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย และ นายประภัสร์ จงสงวน ผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคไทยสร้างไทย แถลงข่าวถึงโครงการ Articulate Bus ที่เป็นรถ EV หรือรถเมล์ไฟฟ้าใต้ทางด่วน รามอินทรา-เอกมัย จากสุขาภิบาล 5 เขตสายไหม ไปถึง เอกมัย ซึ่งจะสิ้นสุดตรงสวนสมเด็จ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน ซึ่งสามารถอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ได้อย่างน้อย 8 เขต ประชาชนจะได้รับประโยชน์มากกว่า 1.2 ล้านคน ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพโซนฝั่งเหนือ ทั้งเขตสายไหม บางเขน คันนายาว คลองสามวา มีนบุรี หนองจอก วังทองหลาง ลาดพร้าว ฯลฯ ในการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมือง ที่สะดวกรวดเร็ว และค่าใช้จ่ายถูกกว่า

น.ต.ศิธา ระบุว่า ที่ผ่านมาประชาชน ในพื้นที่ดังกล่าว ต้องเดินทางผ่านถนนรามอินทรา เพื่อไปออกถนนวิภาวดีรังสิต เป็นส่วนใหญ่ และรถโดยสารประจำทางก็มีน้อยมาก ดังนั้นตนจึงจะนำพื้นที่รกร้างใต้ทางด่วน โดยประสานกับการทางพิเศษ ซึ่งไม่ได้ใช้ประโยชน์ มาสร้างเป็นทางรถเมล์ไฟฟ้าใต้ทางด่วนรามอินทรา-เอกมัย ก็จะนำพี่น้องประชาชน ไปขึ้นรถไฟฟ้าได้หลายเส้นทางสำคัญ ทั้งสายสีเหลือง จากสำโรง-ลาดพร้าว เส้นสีชมพู จากมีนบุรีมาแคราย ส่งคนขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน สายสีน้ำเงิน mrt ลาดพร้าว ไปถึงบางซื่อ รวมทั้งสายสีน้ำตาล บึงกุ่ม-แคราย และเส้นสีส้มมีนบุรี-ตลิ่งชัน ซึ่งการเดินรถเมล์ไฟฟ้าล้อยางจะเป็นฟีดเดอร์สำคัญ รับส่งคนได้หลายพื้นที่ รวมทั้งรถเมล์ไฟฟ้าสายดังกล่าวจะวิ่งไปจนถึงสวนสมเด็จ ซึ่งเป็นต้นทางของถนนเอกมัย สามารถส่งคนเข้าเมืองได้ที่บริเวณดังกล่าวได้เลย

...

ขณะเดียวกัน จะมีการพัฒนาพื้นที่สองข้างทาง ยังสามารถพัฒนาเป็นพื้นที่สีเขียว ให้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ ได้ใช้ประโยชน์มากขึ้น จะมีพื้นที่สำหรับวิ่งออกกำลังกาย Bike lans หรือ jogging track เพิ่มขึ้นด้วย นั่นคือสิ่งที่ “ผมศิธาขอคิดต่างเพื่อคนกรุงเทพฯ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับคนกรุงเทพฯ” ซึ่งการผลักดันนโยบายนี้ ก็มาจากการนำปัญหา ของพี่น้องคนกรุงมาแก้ไข โดยนำข้อมูลมาคิดวิเคราะห์ในหลากหลายมุมมองทั้งจำนวนประชากร จำนวนรถสาธารณะ พื้นที่ใต้ทางด่วนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ จนกลายเป็นนโยบาย ที่แตกต่างเพื่อคนกรุงเทพฯ ซึ่งโครงการนี้เป็นเพียงตัวอย่างจะมีโครงการที่ดีเช่นนี้อีกอย่างน้อย 6 โครงการในกรุงเทพ เพื่อแก้ไขปัญหาการเดินทางของกรุงเทพในแต่ละโซนทั้งฝั่งพระนคร และฝั่งธนบุรี

โครงการทั้งหมดจะใช้งบประมาณ น้อยมากไม่ถึง 1,000 ล้านบาท แต่ก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาล ทั้งในแง่การคมนาคมที่สะดวกรวดเร็ว ทั้งในแง่การพัฒนาพื้นที่เพื่อให้พี่น้องชาว กทม.ได้ใช้ประโยชน์ และเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนได้มากกว่า 1.2 ล้านคน ที่สำคัญ ค่าโดยสารจะถูกมาก ตลอดสายเพียง 10 บาทเท่านั้น ตั้งแต่ต้นทางสายไหมถึงเอกมัย

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า วันนี้ถึงเวลาแล้ว ที่คนกรุงเทพฯ ต้องได้ผู้ว่าฯ ที่กล้าคิดต่าง กล้าคิดนอกกรอบ ไม่เช่นนั้นปัญหาของคน กทม.ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม โดยเฉพาะการไม่กล้าที่จะเปลี่ยนข้อจำกัดทางกฎหมาย ที่ เป็นอุปสรรคขวางกั้นการพัฒนากรุงเทพมหานคร และพัฒนาคุณภาพชีวิตของกรุงเทพฯ ศิธา ทิวารี จะเป็นผู้ว่าฯ ที่กล้าคิดต่าง และสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ ได้จริง พร้อมย้ำด้วยว่า การลงทุนด้วยแนวคิดที่แตกต่าง นี่คือเหตุผลสำคัญที่พรรคไทยสร้างไทย ได้ตัดสินใจส่ง ศิธา ทิวารี ลงสมัครผู้ว่าฯ ในครั้งนี้เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกรุงเทพฯ อย่างแท้จริง