“ยุทธพงศ์” ฟุ้ง เพื่อไทย พร้อมเลือกตั้ง โว มีข้อมูลจัดซื้ออากาศยานไร้คนขับ UAV มัด “บิ๊กตู่” ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ด้าน “อรุณี” จี้รัฐบาลลงทุนพัฒนาเด็กก่อนซื้ออาวุธ

วันที่ 28 เม.ย. 2565 ที่ทำการพรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวถึงความพร้อมการเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าเรื่องการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคฝ่ายค้าน มีความพร้อม และที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม อยู่มา 8 ปี วันนี้ถ้าไปถามประชาชน ไม่มีใครเอา พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว คนสาปแช่ง คนไล่กันทั้งบ้านทั้งเมือง คนตายเพราะโควิด-19 ร้อยกว่าคนทุกวัน แบบนี้พล.อ.ประยุทธ์ สมควรเป็นนายกฯ ต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศล้มเหลวทำให้คนตาย ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ซื้อเรือดำน้ำแบบรัฐต่อรัฐ แต่เรือดำน้ำที่รัฐบาลจีนขายให้รัฐบาลไทยเป็นเรือดำน้ำที่ไม่มีเครื่องยนต์ นี่แค่น้ำจิ้ม นี่แค่หนังตัวอย่าง

นายยุทธพงศ์ ยังกล่าวถึงความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อเรือดำน้ำและอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของรัฐบาล ว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังสั่งให้กองทัพเรือแก้ไขปัญหาเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำที่ไม่มีเครื่องยนต์ ก่อนจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางในสภาฯ ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นหนังใหญ่ล้มรัฐบาล นอกจากนี้ยังพบความผิดปกติของกองทัพเรือที่ตั้งงบประมาณไว้ 4.1 พันล้านบาท เพื่อจัดซื้ออากาศยานไร้คนขับ UAV รุ่น Hermes 900 จำนวน 3 เครื่อง ของประเทศอิสราเอล ใช้วิธีการคัดเลือกโดยไม่เปิดประมูลแบบทั่วไป เชิญเพียง 5 บริษัทมาร่วมเสนอราคา บริษัทที่เป็นนายหน้าในการขาย UAV รุ่น Hermes 900 คือ บริษัท จันทร์เกษมอินเตอร์เนทชั่นแนล จำกัด ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับการขายชิ้นส่วนและอุปกรณ์ยานยนต์ ตนเป็นกังวลว่าจะเหมือนกับการจัดซื้อเรือดำน้ำที่ไม่มีเครื่องยนต์ ตนมีเอกสารรายละเอียดทั้งหมด พล.อ.ประยุทธ์ เจอตนแน่ในการอภิปรายฯ อย่ามาบอกว่าตนอภิปรายฯแรง เป็นนักเลงข้างถนน และกลุ่ม16 หรือพรรคเล็กต่างๆ ไม่ได้เป็นหมูในอวย เขาขอฟังข้อมูลก่อน ตนกล้ารับประกันว่าข้อมูลฝ่ายค้านรอบนี้เปิดออกมาเชื่อว่าคนพวกนี้จะไม่ยกมือให้ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วเจอกันตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนนี่แหละจะเป็นคนอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์

...

ด้าน น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ในการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2566 ที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯต้นเดือน มิ.ย. ซึ่งงบประมาณปี 2566 จะมีวงเงินรวม 3,185,000 ล้านบาท เพิ่มจากงบประมาณปี 2665 เกือบ 85,000 ล้านบาท แต่ดูเหมือนว่าภายใต้การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ การจัดสรรงบ จะยังคงฉายหนังวนซ้ำ คือ จัดงบแบบไม่ได้มุ่งเน้นประสิทธิภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน เพราะอิงกับความเคยชินในการจัดทำงบประมาณในโครงการเดิมของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ ปี 2566 ลดลงถึง 4,526 ล้านบาท หรือลดลง 1.37% เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้ในช่วงปี 2563-2566 จะมีการปรับลดงบฯ กลาโหม ลงในภาพรวม เพราะเกิดกระแสต่อต้านจากประชาชน เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียดแต่ละกองทัพกลับพบว่า กองทัพอากาศยังคงได้รับการอนุมัติงบฯ ซื้อเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่จำนวน 4 ลำ วงเงินกว่า 13,800 ล้านบาท โดยเป็นงบผูกพันงบประมาณปี 2566-2569 ยิ่งตอกย้ำว่าอาวุธสำคัญมากกว่าอนาคตของเด็กไทย ถ้ายังบริหารประเทศแบบนี้ งบประมาณก็จะมีแต่จะเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่เทคโนโลยีด้านอาวุธก็เปลี่ยนแปลงรวดเร็วใช่หรือไม่ ลงทุนพัฒนาเด็กไทยดีกว่า เพราะประเทศไทยตกยุค และล้าสมัยมากพอแล้วกับนายกรัฐมนตรีที่ชื่อประยุทธ์.