“สกลธี” ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.เล็ง ยกระดับสวนบึงหนองบอนให้เป็น “ศูนย์กีฬาทางน้ำที่ใหญ่ที่สุดของ กทม.” พร้อมระบบการจัดการเพื่อกรุงเทพฯ ให้คนกรุงเทพฯ มีพื้นที่กิจกรรมสาธารณะ ที่ “ดีกว่านี้ได้”

วันที่ 6 เม.ย. 65 นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 3 ได้ลงพื้นที่ ณ ศูนย์กีฬาทางน้ำบึงหนองบอน เพื่อพบปะประชาชนและตอกย้ำถึงนโยบายด้านการพัฒนา “สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย ระบายน้ำ และผังเมือง ดีกว่าได้” ซึ่งเป็น 1 ใน 6 ด้านนโยบายในการพัฒนา “กรุงเทพฯ ดีกว่านี้ได้”

โดยนายสกลธี เปิดเผยว่า บึงหนองบอนนี้ เป็นสวนสาธารณะของกรุงเทพฯ ที่ได้รับการปรับปรุงภูมิทัศน์ ตั้งแต่ปี 2559 เป็นอีกสถานที่สำคัญที่เป็นพื้นที่สีเขียวและที่พักผ่อนสำหรับคนกรุงเทพฯ โดยแต่ละอาทิตย์ มีสถิติมีผู้เข้ามาใช้บริการถึงกว่า 2,000 คนต่อวัน ดังนั้นการพัฒนาบึงหนองบอน จึงถือเป็นอีกภารกิจหนึ่ง เพื่อทำกรุงเทพฯ ดีกว่านี้ได้อย่างยั่งยืน

...

“สำหรับบึงหนองบอนเท่าที่ผมได้ติดตามสถิติมีพี่น้องประชาชนเข้ามาใช้บริการกว่า 2,000 คนต่อวันโดยเฉพาะในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าการพัฒนาที่นี่เป็นอีกภารกิจที่จะทำให้คนกรุงเทพฯ มีพื้นที่พักผ่อนที่มีคุณภาพ ที่นี่มีกิจกรรมที่สามารถทำได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางวิ่งและเส้นทางจักรยาน แล้วก็มีพื้นที่ Dog Park ที่รองรับไลฟ์สไตล์ของคนกรุงเทพฯ รุ่นใหม่มากขึ้นสำหรับครอบครัวที่มีสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมกีฬาทางน้ำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรือใบ วินด์เซิร์ฟ คายัค ซึ่งมีอุปกรณ์ให้ยืมรวมทั้งผู้ฝึกสอน ในอัตราค่าสมัครสมาชิกแบบรายปีซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก จุดนี้ผมเลยอยากพัฒนาให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางของกีฬาทางน้ำที่ใหญ่ที่สุด เพื่อให้พร้อมกับความต้องการของทุกคน ย่นระยะทางความสุขให้ใกล้ขึ้นสำหรับคนกรุงเทพฯ ที่ไม่ต้องขับรถออกไปไกลถึงปทุมธานีหรือพัทยา” นายสกลธี กล่าว

และนายสกลธี กล่าวเสริมว่า “นอกจากการเป็นพื้นที่กิจกรรมที่สำคัญแล้ว การบริหารจัดการที่ดีให้ดีกว่าเดิม ก็จะสามารถเชื่อมต่อการระบายน้ำของ กทม. ที่ดีกว่านี้ได้ เพราะด้วยโครงสร้างพื้นฐานของบึงหนองบอนที่เป็นแก้มลิงสามารถเก็บกักน้ำได้กว่า 5,000,000 ลบ.ม. พร้อมทั้งอุโมงค์ยักษ์เส้นผ่านศูนย์กลาง 5 ม. ความยาว 9.4 กม. ความลึก 30 ม. ซึ่งมีกำลังสูบรวม 60 ลบ.ม./วินาที เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำครอบคลุมพื้นที่ถึง 85 ตร.กม. โดยรอบ และทั้งหมดก็เป็นการจัดการเพื่อเชื่อมโยงทุกอย่างให้กรุงเทพฯ ดีกว่าได้ เพื่อพี่น้องชาว กทม. อย่างยั่งยืน”.