โฆษกรัฐบาล เผย ผู้ประกอบการขอบคุณ “บิ๊กตู่” ออกมาตรการส่งเสริมการใช้รถ EV ยืนยันเร่งพลิกฟื้นภาคเศรษฐกิจทั้งระบบ รัฐบาลตั้งเป้าใน 5 ปีจากนี้ ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไม่น้อยกว่า 3.6 แสนคัน

วันที่ 29 มี.ค. 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามบรรยากาศการจัดงานบางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2022 ครั้งที่ 43 (Motor Show 2022) หรือ งานมอเตอร์โชว์ ณ เมืองทองธานี พร้อมรับทราบความคืบหน้าการจัดแสดงอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในปี 2565 เริ่มกลับมาตั้งหลักและฟื้นตัวอีกครั้งจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่เริ่มคลี่คลาย พร้อมยืนยัน ภาครัฐเร่งพลิกฟื้นภาคเศรษฐกิจทั้งระบบ เล็งออกมาตรการส่งเสริมรอบด้านเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมรถ EV ในประเทศให้มากยิ่งขึ้น พร้อมชูจุดเด่นด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ตัวแทนผู้ประกอบการยานยนต์พึงพอใจต่อมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐที่เพิ่งประกาศล่าสุด เช่น มาตรการลดภาษีการนำเข้าของผู้ประกอบการ และลดภาษีสรรพสามิต รวมถึงการสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่จะเป็นการกระตุ้นตลาดให้รถไฟฟ้ามีราคาที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภค

จากข้อมูลสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย (The Thai Automotive Industry Association : TAIA) คาดการณ์ยอดจดทะเบียนใหม่ยานยนต์ไฟฟ้าจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพราะมีปัจจัยบวกสนับสนุนในหลายส่วน รวมทั้งกระแสยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ที่กำลังเป็นเทรนด์ของทั่วโลก เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ได้เข้ามาตอบโจทย์การลดภาวะโลกร้อน มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และในปัจจุบันประเทศต่างๆ หันมาส่งเสริมการใช้รถ EV มากขึ้น

...

ล่าสุดรัฐบาลไทยผ่านร่างมติคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) กำหนดนโยบาย 30@30 คือ การตั้งเป้าการผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี ค.ศ. 2030 หรือ พ.ศ. 2573 เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) และการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลกหรือศูนย์กลางของภูมิภาค (EV Hub)

สำหรับงานมอเตอร์โชว์ 2022 ที่จัดขึ้นจึงมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย และนับเป็นงานแสดงรถยนต์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะนี้มีสองค่ายรถยนต์เข้าร่วมมาตรการส่งเสริมการใช้รถ EV ของรัฐบาล พร้อมโปรโมชันส่วนลดพิเศษตามมาตรการภาครัฐ ได้แก่ ค่ายเกรท วอลล์ มอเตอร์ (Great Wall Motor : GWM) และค่ายเอ็มจี (MG) ที่มีรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมจำหน่าย รวม 2,000 คัน 

ทางด้านตัวแทนผู้ประกอบการยานยนต์ นายครรชิต ไชยสุโพธิ์ รองประธานฝ่ายกิจการองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ ค่ายเกรท วอลล์ มอเตอร์ กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ทำให้โครงการนี้เกิดขึ้น ในฐานะผู้ประกอบการมีความพร้อมที่จะสนองนโยบายเพื่อส่งเสริมการใช้รถ EV โดยเกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความพร้อมในการจำหน่ายรถ EV ในงานมอเตอร์โชว์ ซึ่งขณะนี้คนไทยมีความตื่นตัวต่อการใช้รถ EV มากขึ้น และสามารถตัดสินใจเลือกใช้รถ EV ได้เร็วขึ้นจากมาตรการสนับสนุนที่ภาครัฐปล่อยออกมา เนื่องจากนโยบายส่งเสริมที่รัฐบาลออกมานับเป็นความคุ้มค่าเป็นอย่างมากที่จะตัดสินใจซื้อรถ EV เพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในช่วงน้ำมันแพง การใช้รถ EV จึงนับเป็นความคุ้มค่าและเป็นทางเลือกที่ดี

นอกจากนี้ ต้องการให้ภาครัฐมองระยะยาวของการใช้รถ EV ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการสร้างอุปสงค์ได้ในระดับหนึ่งแล้ว ความพร้อมในการเป็นฐานการผลิตรถไฟฟ้าในอีก 2 ปีตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลจึงนับเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้คนไทยสามารถใช้รถ EV ได้ง่ายขึ้น มีรุ่นต่างๆ หลากหลายขึ้น อีกทั้งมองว่าประเทศไทยมีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกสู่กลุ่มประเทศอาเซียน และแม้ว่ารถ EV จะมีราคาสูง แต่จากนโยบายของรัฐบาลทำให้ราคาลดลง จึงทำให้ประชาชนให้ความสนใจสั่งจองในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้เป็นจำนวนมาก เชื่อมั่นว่ายอดขายจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านๆ มา และเมื่อประชาชนตื่นตัวหันมาให้ความสนใจใช้รถ EV มากขึ้นแล้ว รัฐบาลก็ควรพัฒนาเพิ่มสถานีชาร์จเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถ EV ควบคู่กันไปด้วย เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับประชาชน  

ขณะที่ นายสุโรจน์ แสงสนิท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด ค่ายเอ็มจี กล่าวขอขอบคุณรัฐบาลที่ทำให้การใช้รถ EV ในประเทศไทยมีความเป็นไปได้มากขึ้น จากการที่ภาครัฐออกมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการในด้านสิทธิประโยชน์และภาษีของรถ EV ส่งผลให้งานมอเตอร์โชว์ปีนี้มีประชาชนให้การตอบรับและสนใจเข้าชมพร้อมลงทะเบียนทดลองขับรถ EV เป็นจำนวนมาก ในฐานะผู้ประกอบการมีความพึงพอใจต่อมาตรการของภาครัฐที่ออกมาเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่รัฐบาลสนับสนุนผู้ประกอบการทำให้สามารถจัดโปรโมชันและแคมเปญพิเศษช่วยให้ประชาชนมีกำลังซื้อและเข้าถึงรถ EV ได้มากขึ้น นับเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง

โดยเฉพาะในขณะนี้ที่สถานการณ์ราคาน้ำมันแพง ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้รถยนต์ในวงกว้าง การหันมาใช้รถ EV จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับประชาชน นอกจากนี้ ในฐานะผู้ประกอบการมีความพร้อมในการเป็นกำลังผลิต และมั่นใจที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถ EV ของภูมิภาคอาเซียน ยืนยันในประสิทธิภาพด้านความคุ้มค่าและความปลอดภัยของรถ EV และอยากให้หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องออกมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติม รวมทั้งควรติดตั้งสถานีชาร์จให้มีมากขึ้น ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อรองรับการใช้งานของประชาชนในอนาคต

ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล
ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล

ในช่วงท้าย นายธนกร ระบุว่า รัฐบาลมีความมั่นใจในความสามารถของคนไทยที่มีศักยภาพ มีบุคลากรที่มีทักษะเชี่ยวชาญสูง มีประสบการณ์ ความชำนาญในการประกอบและผลิตรถยนต์ที่ได้รับการยอมรับตามมาตรฐานสากลมาอย่างยาวนาน รวมทั้งยังมีเครือข่ายผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ (Supply Chain) ที่แข็งแกร่ง ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายเพื่อส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง.

ทั้งนี้ รัฐบาลยังได้มองการขยายช่องทางสู่ตลาดยานยนต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นทั้งภายในและต่างประเทศ รวมถึงจะมีการประเมินสถานการณ์และนโยบายการสนับสนุนการใช้รถ EV ของประเทศเพื่อนบ้าน และมีแผนออกมาตรการสนับสนุนต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางการผลิตรถ EV ของภูมิภาคอาเซียนให้ได้ ขณะที่ก็มีเป้าหมายชัดเจนในการขับเคลื่อนให้เกิดการใช้งานรถ EV อย่างเป็นรูปธรรม

“รัฐบาลตั้งเป้าภายใน 5 ปีจากนี้ จะมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไม่น้อยกว่า 360,000 คัน โดยแบ่งเป็นใช้ในประเทศ 260,000 คัน และส่งออก 100,000 คัน นอกจากนี้ บอร์ด EV ยังได้ตั้งเป้าให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท รวมกว่า 1.05 ล้านคันภายในปี 2568”