บอบช้ำไปพอสมควร หลังปิดจ๊อบการอภิปรายทั่วไป ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 พระรามอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ถูกทีม “ทศกัณฐ์” ฝ่ายค้านรุมกินโต๊ะสะบักสะบอม ถูกจี้ใจดำเปิดแผลไปที่ปมปากท้อง
ของแพงค่าแรงถูก และตอกย้ำความล้มเหลวการแก้ปัญหาโรคระบาดในคนและสัตว์
ผนวกรวมเป็นวาทกรรม “พังทั้งแผ่นดิน” เรื่องจริงที่กระแทกความรู้สึกประชาชนตรงกันทั้งประเทศ
พ่วงไปกับซีนดราม่าเพิ่มความเข้มข้น “ลุงมิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ประกาศลาออกจากเก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่
แม้เป็นเวทีไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง เพราะไม่มีการลงมติ แต่อย่างน้อยก็ทำลายศรัทธา
ความน่าเชื่อถือรัฐบาลให้ผุกร่อนลงไปอีก ฝังหัวเชื้อไว้ลากไส้ต่อในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ช่วงกลางปีศึกใหญ่ที่จะส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลหนักหน่วงที่สุด
ในสภาพปัจจุบันที่รัฐบาลกำลังเมาหมัด เป๋ไปเป๋มา โชคดีที่ใกล้หมดยก ปิดสมัยประชุมสภาปลายเดือน ก.พ. ได้กลับเข้ามุมไปประคบประหงมให้น้ำ รอกลับมาชกใหม่เดือน พ.ค.
...
“บิ๊กตู่” ร่อแร่ ป้อแป้เต็มทน จากปัญหาความเสื่อมศรัทธาดิ่งถึงขีดสุด ความแตกแยกพรรคร่วมรัฐบาล และความแตกหักระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับก๊วนกบฏของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ
โอกาสเสี่ยงสูงจะถูกน็อกกลางสภาตอนศึกซักฟอกของจริง ขึ้นอยู่กับฝ่ายค้านจะมีเอกภาพหนักแน่นพอเผด็จศึก “บิ๊กตู่” ได้หรือไม่
หรือจะเป็นอย่างที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้หลักประกันความปลอดภัย “บิ๊กตู่” กางชื่อ 260 ส.ส.
ซีกรัฐบาลและฝ่ายค้าน พร้อมค้ำบัลลังก์นายกฯ
กองกำลังลับจากฝ่ายค้านหันไปช่วยฝ่ายตรงข้ามในช่วงที่รัฐบาลกำลังจะเสียท่า งูเห่าได้เวลาเลื้อยออกโรง หลังแอบซุ่มมาพักใหญ่
หลักฐานความน่าเชื่อถือมีมูลความจริง ในระดับที่ “ลุงโทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยอมรับมี ส.ส.ฝ่ายค้านไปคุยกับฝ่ายรัฐบาล และถูกจับฉีดวัคซีน 20-30 ล้านบาท พร้อมบัตรเติมเงินรายเดือนอีก 2 แสนบาท
ข้อมูลคนแดนไกลสอดรับพอดิบพอดีกับข้อมูล “เสี่ยหนู”
ฝ่ายรัฐบาลดิ้นสู้ทุกวิถีทาง “ยื้อยุทธ์” อยู่ต่อนานที่สุด ไม่ให้ยุบสภาปุบปับ ยิ่งพรรคภูมิใจไทยก็ไม่อยากให้เกิดเกมล้มกระดานก่อนเวลาอันควร
ภายหลังสถานการณ์ค่ายสีน้ำเงินชิงเหลี่ยมกลับมาขี่คอนายกฯ ไม่ต้องทนถูกตบๆจูบๆเหมือนที่ผ่านมา
ภูมิใจไทยได้เขยิบสถานะเป็นตัวช่วยพิเศษ ที่ “บิ๊กตู่” ต้องคอยงอนง้อ หวังฝากผีฝากไข้ ให้ช่วยประคับประคองเสถียรภาพรัฐบาล
ในห้วงที่เสถียรภาพพรรคพลังประชารัฐกำลังเป็นพิษ แตกกลุ่ม แยกก๊วนวุ่นวายไปหมด
ทัพเซราะกราวกำลังขึ้นหม้อ มีแต่ ส.ส.วิ่งเข้ามาซบ และทำท่าจะขยายอาณาเขต มีคนไหลเข้าพรรคอีกยกโขยงตอนใกล้เลือกตั้ง ตามคอนเซปต์ของพรรค ขอเลือกเป็นฝ่ายรัฐบาล ใครๆก็อยากเข้าหา
โปรเจกต์ยักษ์อย่างการต่อสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ “พลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย” งัดข้อกันแรง ยังไม่รู้จะออกหัวออกก้อย จากที่เคยเหยียบคันเร่งนำเข้า ครม. ก็ต้องชะลอไว้ก่อน
อาจต้องมีรายการรอมชอม เจรจานอกรอบ เกลี่ยดีลให้ลงตัวกันใหม่ ไม่บุ่มบ่ามให้ตัวเลือกพิเศษเคืองใจ แลกกับการช่วยประคองอำนาจ
หรือแม้บทสรุปสุดท้าย จะต้านการต่อสัมปทานไม่ไหว แต่ “ภูมิใจไทย” ก็ได้แอ็กหล่อ ฟันแต้มจากการสู้เพื่อประชาชนไว้เต็มหน้าตัก นำไปใช้เคลมหาเสียงได้สบายๆ
สถานการณ์เปลี่ยน เกมต่อรองก็เปลี่ยนไปตามหน้างาน “ลุงตู่” จากที่เคยเป็นฝ่ายรุก ต้องกลายเป็นฝ่ายรับ และไม่รู้จะเพลี่ยงพล้ำ ถอยหลังไปอีกกี่ก้าว
ตรงกันข้ามกับ “เสี่ยหนู” พลิกจากโหมดตั้งรับ มาเป็นฝ่ายรุก ราศีจับเฉิดฉายได้คิดการณ์ใหญ่มีโอกาสกวาด ส.ส.เป็นกอบเป็นกำเบียดชิงการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้า
หรือเอาแค่เหตุการณ์ในเวลาอันใกล้ หาก “บิ๊กตู่” ถูกสอยร่วงในเวทีซักฟอกกลางปี ชื่อ “เสี่ยหนู” อาจได้ส้มหล่น เสียบเก้าอี้ผู้นำ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลที่มีเสียงเป็นลำดับสอง
ตัวชื่อ “หนู” แต่อาจจะกลายสถานะเป็นราชสีห์ก็เป็นได้!!!
ทีมข่าวการเมือง