พลังไฮเพาเวอร์ระดับนี้ ทำไมไม่เป็นนายกรัฐมนตรีซะเอง ในเครื่องหมายคำถาม ตามข่าวที่ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โชว์ตัวเลข 260 ส.ส.

ประกาศหนุนรัฐบาลทหารเฒ่า 3 ป. อยู่ครบเทอมสบายๆ ต่อเนื่องจากคิวที่ข่าวพาดหัวตัวโต “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม พูดกลางวงแกนนำรัฐบาล “หนูช่วยหน่อยนะ”

ยกสถานะให้เป็น “ตัวช่วย” อย่างเป็นการเป็นงาน ในการควบคุมองค์ประชุม กู้สถานการณ์ “สภาล่ม” ทำสถิติโลก

จุดที่ต้องโฟกัส จำนวน ส.ส.ค่ายภูมิใจไทยตัวเลขกลมๆอยู่ที่ 60 กว่าคน โดนตัดสิทธิเหลือปฏิบัติหน้าที่ในสภาได้ 59 คน สมมติให้บวกงูเห่าในฟาร์มฝากเลี้ยงไว้ในขั้วฝ่ายค้านก็ไม่เกิน 3-4 ตัว

มันจึงน่าสนใจ “เสี่ยหนู” เอามาจากไหนในการเคลม 260 เสียง นั่นไม่สำคัญเท่ากับต้องแลกกับอะไร

ตามเงื่อนไขสถานการณ์ทางการเมือง ที่ไม่ต้องเซียนเขี้ยวลากดิน ก็อ่านหมากได้ “บิ๊กตู่” แบไต๋ หงายไพ่เล่นซะขนาดนี้ มีหรือที่จอมเขี้ยวยี่ห้อ “เซราะกราว” จะไม่กระโดดขี่คอ

...

ทำอะไร พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องงอนง้อ ชะตารัฐบาล 3 ป. ฝากไว้ที่ 2 น.

และนั่นย่อมส่งผลต่อรายการ “ปาดหน้าเค้ก” ก้อนโต รายการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท ที่กำลังชักเย่อกันอยู่ระหว่าง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม

อารมณ์นี้มีหวังเสร็จทีมเซราะกราวตามระเบียบ

แต่นั่นก็เหมือนจะรู้เหลี่ยม รู้ทางกันดี เพราะไม่กี่วันถัดมา “บิ๊กตู่” ออกลีลา บอกปัด จำไม่ได้ว่าพูดประโยค “หนูช่วยหน่อยนะ” ตอนไหน เพราะพูดไปตามหลักการ กับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็บอกให้พรรคร่วมรัฐบาลช่วยกันดูแลองค์ประชุม

สรุปมีคน “ตีขลุม” เอามาตีกินตามฟอร์ม

เรื่องของเรื่องว่ากันตามสภาพพรรคร่วมรัฐบาลที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาไม่ถึง 10 เสียง ลำพังแค่ 1 เสียงยังมีความหมาย ฉะนั้นจึงไม่ใช่แค่ค่ายภูมิใจไทย ทุกพรรคร่วมรัฐบาลล้วนแต่สำคัญ กระโดดขี่คอ “ท่านผู้นำ” ได้ทั้งนั้น

เว้นแต่สถานการณ์จะเปลี่ยนไป กับจุดพลิกผันที่ต้องจับตาให้ดีๆ

ปมขับ “กบฏผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กับพวก 20 กว่า ส.ส.ออกจากพรรคพลังประชารัฐ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ร้องคาไว้ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

ยังไม่รู้ออกหัวหรือออกก้อย ได้ทั้งสองหน้า

และจะสนุกสนานมาก ถ้าหาก กกต.หรือนายทะเบียนพรรคการเมืองฟันธงว่า ผิด กระบวนการขับทีมกบฏของค่าย พปชร.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นั่นเท่ากับ “ผู้กองนัส” กับกองกำลังกบฏยังคงเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ

ซึ่งจะไปขัดกับรัฐธรรมนูญเต็มๆ เพราะ ร.อ.ธรรมนัสกับทีมกบฏได้ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทย เท่ากับเป็นสมาชิก 2 ค่ายในเวลาเดียวกัน

และแน่นอน ต้องมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ “สมาชิกภาพ” ส.ส.ของทีม “ผู้กองนัส” ตามรูปการณ์ อย่างน้อยก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างการพิจารณาของศาล

ก็เท่ากับองค์ประชุมสภาผู้แทนราษฎรหายไปอีก 20 เสียง

โดยสมการตัวเลขน่าจะทำให้ “บิ๊กตู่” หายใจหายคอได้โล่งขึ้น จากภาวะ “องค์ประชุมเดี้ยง” ผู้นำรัฐบาลคุมสภาพเสียงข้างมากไม่ได้

นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับการ “หัก” หอกข้างแคร่

เขี่ย “ผู้กองนัส” พ้นสถานะ “ตัวอันตราย”.

ทีมข่าวการเมือง