แทงหวยตรงๆแบบไม่กลัวหน้าแหก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ต้อง “ผูกออปชัน” ขายเหล้าพ่วงเบียร์กับค่ายพลังประชารัฐ แม้ต้องทนโดนบีบไข่หน้าดำหน้าเขียวยังไง อย่างไรเสีย ก็หนีไม่พ้นบ่วง “คู่กรรม” ต้องห้อยกระเตง “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าค่าย พปชร.
ล็อกคอ ตบจูบ ซ่อนดาบแทงหลัง เหยียบตาปลากันไปในศึกเลือกตั้งรอบต่อไป ถึงยังไงก็ดีกว่าเสี่ยงไปตายดาบหน้า โดยที่รู้ว่าตายแน่ๆ
ตามสภาพแบบที่ทีม “ออกแขก” สายตรงตึกไทยฯออกมาเชิดฉิ่งโหมโรงพรรคใหม่ที่จะใช้เป็นฐานรองอำนาจ โชว์ชื่อ “บิ๊กตู่” ในบัญชีนายกรัฐมนตรี
ไล่ตั้งแต่ค่าย “รวมไทยสร้างชาติ” ที่ “แรมโบ้” นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ ประกาศไขก๊อกจากค่ายพลังประชารัฐ กอดคอกับ ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร ทีมงานฝ่าย เสธ.ตึกไทยฯ ไปปักหลัก ร่วมก่ออิฐโบกปูนตั้งพรรคใหม่หนุนท่านผู้นำ
โดยใช้นายหน้าระดับ “เสี่ยตุ๋ย” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ ทายาทผู้ก่อตั้งปั๊มน้ำมัน “สามทหาร” เป็น “นายกวัก” ดึงดูด ส.ส.เข้าร่วม เคลมกันเลยว่า เป็นค่ายของนายกฯ
แถมยังมีพรรคสำรองของ “เสี่ยตั้น” นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ ที่ซ่องสุมกำลังเครือข่ายทีม กปปส.ภายใต้ยี่ห้อ “ไทยสร้างสรรค์” รอเป็นทางเลือกประกบ พร้อมให้ “บิ๊กตู่” ใช้เป็นฐาน
“ไทยสร้างสรรค์-รวมไทยสร้างชาติ” เปิดฉากโหมโรงเป็นพรรค “เรือธง” ของท่านผู้นำ สะดุดหัวทิ่มหัวตำกันตั้งแต่ออกตัว มุกแป้ก กระแสไม่เปรี้ยง
...
แม้แต่ท่านผู้นำเองยังส่ายหัว บอกปัดไปข้างหน้า เหมือนรู้ดีว่า มีแต่เหรียญสลึง เหรียญห้าสิบสตางค์ พวกตัวตั้งตัวตี เขตชัวร์ของตัวเองยังไม่มี ในทางการเมืองถ้าต้นทุนหน้าตักแค่นี้ ถือว่าไม่มีราคา
เป็นแม่เหล็กเสื่อมคุณภาพ ไร้พลังดึงดูด ส.ส.เข้าสังกัด
ที่สำคัญประวัติศาสตร์มีให้ศึกษาเยอะ นักการเมืองหลอกทหารตั้งพรรค และมักจะเป็นพวกจับเสือมือเปล่า “ต้นทุนต่ำ” แต่หวัง “เก็งกำไรสูง” ปั้นโปรเจกต์มาแลกตู้เสบียง เสียงดัง ปากดี แต่ไม่มีแต้ม
“แรมโบ้” ตีโง่ ลบมืดรอบวง คู่แข่งเห็นไพ่ในมือ “บิ๊กตู่” หมดเลย
ผู้นำไม่เหลือไพ่เด็ด ไม่มีที่ไป ไฟต์บังคับจำต้องพึ่งพา “บิ๊กป้อม” อาศัยค่ายพลังประชารัฐเป็นฐานในการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ในบัญชีนายกรัฐมนตรี
ขายเหล้าพ่วงเบียร์ สภาพเตี้ยอุ้มค่อมในสังเวียนเลือกตั้งรอบหน้า ในเครื่องหมายคำถามเกมสัประยุทธ์ในคูหากาบัตรจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ “สภาล่ม” อับปางเป็นครั้งที่ 17 ในรอบไม่กี่เดือน แทบจะต้องเชิญกินเนสส์บุ๊กมาบันทึกสถิติโลก สภาผู้แทนราษฎรของไทยล่มถี่ที่สุด
โดยสภาพองค์ประชุมรุ่งริ่ง ไม่น่าจะหยุดที่ 17 ครั้ง ยังต้องมีเพิ่มอีกแน่ มันถึงจุดที่ผู้นำรัฐบาลกุมสภาพเสียงข้างมากในสภาเอาไว้ไม่ได้
ขนาดการประชุมวาระเพื่อทราบ การพิจารณากฎหมายปกติ โดนฝ่ายค้านป่วนนับองค์ประชุมยังไปไม่เป็น ก็ไม่ต้องพูดถึงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะลากผู้นำขึ้นเขียงเชือดได้ในการเปิดสมัยสภา กลางเดือนพฤษภาคม ลมหายใจบนเก้าอี้ผู้นำของ “บิ๊กตู่” น่าจะสุ่มเสี่ยงสุด ณ ห้วงนั้น
“ผู้นำรัฐบาลเป็ดง่อย” มีอำนาจ แต่บริหารไม่ได้ สถานการณ์โดนต้อนเข้าทางตัน ถ้าเป็นเกมของนักการเมืองอาชีพต้องชิงล้มกระดานหนี
แต่ “ทหารอาชีพ” อย่าง “บิ๊กตู่” ที่ปากยังตะโกนพร้อมสู้ไม่ถอย ไม่ยอมแพ้ใคร ทั้งๆที่รู้ดีแก่ใจ ทู่ซี้อยู่ก็บริหารไม่ได้ ครั้นจะยุบสภาก็ติดเงี่ยงกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งและกฎหมายพรรคการเมืองยังค้างเติ่งอยู่ในสภา ถ้าล้มกระดานก็ไม่มี ส.ส.ดำเนินการต่อ
ล่อกันนัว วนไปวนมา กลายเป็นติดล็อก ล้อไปกับเสียงแว่วๆ ใกล้เข้ามาทุกขณะ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแท่นออกกฎหมายรองรับ กรณีรัฐบาลออก พ.ร.ก.เลือกตั้ง วางกติกาเอง เพราะไม่มีกระบวนการออกกฎหมายลูก
ไฟต์บังคับ “ลูกไหลเข้าทาง” โดนด่ายังไง ทหารเฒ่าก็คงไม่ปล่อยโอกาสทอง
ต้องใช้ทางออกพิเศษ แก้สถานการณ์อำนาจแบบไทยๆ.
ทีมข่าวการเมือง