รองหัวหน้าพปชร. แจง "ธรรมนัส" พ้นพปชร. พรรคมั่นคงขึ้น ชี้ปมมาจากต่อรองปรับโครงสร้างพรรค ยันออก 21 เสียง ไม่กระทบยุบสภาหรือทำสภาล่ม รับ "บิ๊กป้อม" ไม่สบายใจเรื่องนี้ ไม่สั่นคลอนเก้าอี้นายกฯ
เมื่อเวลา 10.25 น. วันที่ 20 ม.ค. 2565 นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ฝ่ายกฎหมาย แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพปชร. ไปเรียกร้อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ปรับโครงสร้างขนานใหญ่ โดยพล.อ.ประวิตรเห็นว่าจะสร้างปัญหามาก และเกรงว่าจะเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ เมื่อคืนที่ผ่านมาจึงนัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และสมาชิกพรรค โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งสิ้น 78 คน ประกอบด้วย กก.บห. 17 คน และสมาชิกพรรคที่เป็น ส.ส. 61 คน
โดยทางกก.บห.เห็นว่าข้อเรียกร้องของ ร.อ.ธรรมนัส พรรคไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องได้ เพราะถ้าดำเนินไปอาจเป็นความเสียหายของพรรคทั้งหมด เพื่อรักษาหลักการ อุดมการณ์ และเสถียรภาพของพรรค อีกทั้งร.อ.ธรรมนัส ยังยืนยันกับ พล.อ.ประวิตร ว่าหากไม่รับข้อเสนอมีปัญหาแน่ ทางพรรคจึงเห็นว่าเป็นเหตุที่ร้ายแรง ทาง กก.บห. จึงเห็นว่าเข้าข้อบังคับ 54 (5) จึงมีมติเห็นด้วย 63 เสียง ซึ่งเกิน 3 ใน 4 ของผู้เข้าร่วมประชุม คือ 59 เสียง ให้ ร.อ.ธรรมนัสและพวก รวม 21 คน พ้นจากสมาชิกภาพของพรรค เพื่อรักษา ส.ส.ส่วนใหญ่อีกประมาณ 100 คน และให้พรรคขับเคลื่อนต่อไปได้ โดยยืนยันว่าไม่ใช่การขับ ร.อ.ธรรมนัสออกจากพรรค และให้มีผลในวันที่มีมติ แต่สถานะของทั้ง 21 คน ยังเป็น ส.ส. พรรคอยู่ จนกว่าจะสามารถหาพรรคใหม่ได้ภายใน 30 วัน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(9) ส่วนขั้นตอนต่อไป ทางพรรคจะจัดเตรียมเอกสารและส่งไปให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต่อ แต่ถ้าทั้งหมดหาพรรคไม่ได้ภายใน 30 วัน จะต้องสิ้นสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ทันที
...
นอกจากนี้นายไพบูลย์ ยังตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงกรณีความผิดร้ายแรงของทั้ง 21 คน ว่า ได้เป็นไปตามที่ตนเองกล่าวไปแล้ว คือ ร.อ.ธรรมนัส ได้เรียกร้องในสิ่งที่พรรคไม่สามารถทำได้ ทั้งเรื่องการปรับโครงสร้างพรรค โดยไม่ใช่เรื่องต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี โดยบอกว่าหากไม่มีการปรับจะมีการเคลื่อนไหว ซึ่งพรรคถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง เพราะจะกระทบหลายส่วน และยังมีการอ้างว่าถ้าไม่ได้ก็ไม่ยอม ซึ่งถือเป็นความขัดแย้งต่อความมั่นคง เสถียรภาพของพรรคทั้งระบบ
ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีการคุยเรื่องยุบสภา เป็นเพียงจะเคลื่อนไหวด้วยมาตรการต่างๆ จึงป็นจุดที่ต้องตัดสินใจโดย 21 เสียงที่หายไปไม่มีผลต่อการทำให้สภาล่ม ที่มั่นใจว่าไม่ล่มเพราะมั่นใจในสมาชิกพรรคพปชร.ที่เหลืออยู่ ส่วนเรื่องอุดมการณ์จะสามารถทำงานกันต่อได้หรือไม่ต่อจากนี้ ให้ ถามร.อ.ธรรมนัสเอง เพราะส่วนตัวดูในข้อกฎหมาย แต่ย้ำว่า ร.อ.ธรรมนัสนั้นทำงานในพรรคไม่ได้ แต่ในสภาได้
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องดังกล่าว พล.อ.ประวิตร เป็นผู้เสนอให้มีการพิจารณา แต่ไม่ได้มาร่วมโหวตด้วย โดยส่วนตัวเชื่อว่า การลงมติแบบนี้ จะทำให้ภาพลักษณ์ที่ผ่านมา เรื่องความขัดแย้งจะจบไป และเชื่อมั่นว่าหลังจากนี้จะจบจริงๆ ขณะเดียวกันไม่ทราบว่า ร.อ.ธรรมนัส จะร่วมรัฐบาลหรือไม่ เพราะเรื่องการโหวต และการยกมือให้ฝั่งรัฐบาลนั้นก็ให้ติดตามดูต่อไป แต่ยืนยันว่าการแก้ไขครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อพรรคพปชร.
นายไพบูลย์ ยังกล่าวยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐทั้งสิ้น เรื่องที่ดำเนินการเป็นเรื่องของพปชร. อย่างเดียว ส่วน พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานยุทธศาสตร์กรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ยังเป็นสมาชิกพรรค ยังไม่ได้ลาออกตามที่มีข่าวว่าจะไปสังกัดพรรคอื่น และเชื่อว่าต่อจากนี้จะไม่มีใครลาออกตาม
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า นายกฯ ไม่สบายใจนั้น ส่วนตัวไม่ได้ยิน เพราะในที่ประชุมไม่มีการพูดอะไรเกี่ยวกับนายกฯ ทั้งสิ้น ขณะที่การวางตัวเลขาธิการพรรคพปชร.คนใหม่นั้น พรรคก็ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ แต่ถือว่าตำแหน่งดังกล่าวว่างลงแล้ว โดย พล.อ.ประวิตร ต้องตั้งคนใดคนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่แทน
นายไพบูลย์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า พล.อ.ประวิตรไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ยอมรับก็ไม่สบายใจในเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องเสถียรภาพการเป็นนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ ยังยืนยันว่ามั่นคงอยู่แล้ว ยังไม่เห็นจะมีปัญหา อีกทั้งยังไม่เห็นเรื่องยุบสภา เพราะเรื่องดังกล่าวอยู่ที่นายกฯ ส่วนที่ร.อ.ธรรมนัส เคยระบุว่า เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ หากไม่อยู่พรรคแล้วพปชร.จะอยู่ได้อย่างไรนั้น นายไพบูลย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า "ยังมีส.ส. เหลืออยู่ 100 คน พรรคการเมืองมี ส.ส.ตั้ง 100 คน มันไม่แข็งแรงได้อย่างไร แต่สำคัญว่า จะมีกี่ร้อยไม่สำคัญ ถ้ามันไม่มีเอกภาพ มันมีความขัดแย้ง มันอ่อนแอทั้งสิ้น ดังนั้นจำนวนไม่สำคัญเท่าความมั่นคง ความเป็นเอกภาพ ความเป็นเสถียรภาพ ความสามัคคี อันนั้นแหละคือพลังที่แท้จริงของพรรค"