“เสรีพิศุทธ์” แถลงหลัง กกต. มีคำวินิจฉัยให้ใบเหลือง “วัฒนา สิทธิวัง” ต้องจัดเลือกตั้งซ่อมลำปาง เตรียมดำเนินคดี กกต. ฐานปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ ดำเนินการล่าช้า ชี้ ซื้อเสียงผิดจริยธรรมร้ายแรง
กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีคำวินิจฉัยให้ใบเหลือง นายวัฒนา สิทธิวัง ส.ส.ลำปาง เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ และมีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยกรณีดังกล่าวเป็นการสืบสวนตามคำร้องของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ ร.ต.ท.สมบูรณ์ กล้าผจญ ผู้สมัคร ส.ส. พรรคเสรีรวมไทยในขณะนั้น มีการยื่นคำร้องภายหลังการเลือกตั้ง และส่งคลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ซื้อเสียงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเป็นหลักฐานต่อ กกต. ด้วย
ล่าสุดวันนี้ (15 ม.ค. 2565) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แถลงข่าวถึงกรณีนี้ว่า จากนี้จะต้องมีการจัดเลือกตั้งใหม่ โดยผู้สมัครเดิมสามารถลงเลือกตั้งได้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพราะเป็นใบเหลือง ต่างจากกรณี นายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กทม. เขตหลักสี่ ซึ่งจากนี้หลังศาลฎีการับฟ้องแล้วจะพิจารณาต่อไปว่าจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เล่าย้อนไปว่าขณะนั้นที่ลงพื้นที่มีประชาชนมาร้องเรียนเรื่องการซื้อเสียงด้วย หลังการเลือกตั้งได้รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ ส่งให้ กกต. ดำเนินการสืบสวนสอบสวนใน 60 วัน แต่หลังเลือกตั้ง 1 เดือนมีการประกาศรับรองให้ นายวัฒนา เป็น ส.ส. จึงแย้งไปแต่ กกต. ไม่รับคำร้อง และในเรื่องนี้ กกต. ใช้เวลาถึง 1 ปี 4 เดือนถึงจะวินิจฉัย อีกทั้งมองว่าหากมีการตัดสินโดยเร็วรัฐจะไม่เสียหาย และจากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับ กกต. ที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบกฎหมาย นอกจากนี้ ก่อนหน้าไม่ได้ร้องเพียงนายวัฒนา และยังร้อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รวมถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ด้วย
...
“เมื่อส่งไปศาลฎีกาแล้ว ผมจะรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี กกต. ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ ช่วยเหลือนายวัฒนา ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐให้เป็น ส.ส. ทำให้รัฐเสียหาย เสียเงินเดือน เสียสวัสดิการ ผลประโยชน์ต่างๆ มามากมาย ไม่ดำเนินการตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด และตามรัฐธรรมนูญมาตรา 231 (1) คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าที่รับอำนาจไต่สวนดำเนินคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือกระทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซื้อเสียงมันไม่ผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือ”
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวในช่วงท้ายยืนยันว่าไม่ท้อ ต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมาย เราของจริง เราแน่จริง ในส่วนของเรื่องการซื้อสิทธิ์ขายเสียงถือเป็นการทุจริตก็ตั้งประเด็นเข้ามาในกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เชิญผู้ตรวจการมาสอบถามได้คำตอบว่าไม่เห็นการทุจริต
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามถึงการเลือกตั้งซ่อมสงขลาและชุมพรที่ 2 พรรคใหญ่มีการโต้กันไปมา หลังการเลือกตั้งจบมองว่าทั้ง 2 พรรคจะจับมือกันได้ตามที่มีการให้สัมภาษณ์หรือไม่ โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตอบว่า “ถ้าผมเป็นประชาธิปัตย์ผมลาออกไปนานแล้ว นายประยุทธ์ต้องออกไปตั้งนานแล้ว แต่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ไม่ได้คิดอย่างผมก็เลยเข้าไปร่วมตั้งแต่แรก และถึงจะร่วมแต่แรกแล้วเกิดปัญหาเรื่องการลงเลือกตั้งแข่งขันกัน ไม่ให้เกียรติกัน อะไรต่างๆ เหล่านี้ เป็นผมก็ไม่อยู่ร่วมด้วยแล้ว ลาออกมาประยุทธ์ก็อยู่ไม่ได้”