งามหน้าสภาผู้แทนราษฎรได้ฉายา “สภาอับปาง” สะท้อนปัญหาสภาล่มซ้ำซาก ทำประเทศสูญเสียโอกาส วุฒิสภาเป็นผู้เฒ่าเฝ้ามรดก คสช. คอยพิทักษ์กลไกอำนาจเก่าไม่ให้ถูกล้มเลิก “พรเพชร” อยู่โยงอำนาจยาวนานถูกประทับตราเป็น “ร่างทรง” ประธานสภาฯทำงานหนักอึด ถึก ทน เปรียบเป็น “ชวนพลังท่อม” ผู้นำฝ่ายค้านบทบาทไม่โดดเด่น ก่อนหลุดจากตำแหน่งเป็นที่มา “สมพงษ์ตกสวรรค์” “ดาวดับ” ตกเป็นของ “วิรัช รัตนเศรษฐ” หยุดปฏิบัติหน้าที่จากคดีทุจริตฟุตซอล “ชลน่าน” คว้าถ้วย “ดาวเด่นแห่งปี” มาประดับบารมีตรวจสอบรัฐบาล เหตุการณ์เด่นแห่งยุคยกให้ “แผนกบฏล้มนายกฯ” กลางสภาฯ “เสรี-วิโรจน์” ซิว “คู่กัดแห่งปี” หลังโชว์วาทะปะฉะดะใส่กันกลางเวทีรัฐสภา ตำแหน่ง “คนดีศรีสภา” ถูกยกเลิกไปอีกปี อ้างเหตุไม่มีสมาชิกที่เป็นแบบอย่างที่ดีในยุคการเมืองวิกฤติขัดแย้ง ปิดฉากที่ “วัคซีนเต็มแขน” วาทะเด็ดแห่งปี บ่งบอกวัคซีนไม่มาตามนัดตามที่ “เสี่ยหนู” การันตีเอาไว้

สื่อมวลชนประจำรัฐสภาตั้งฉายารัฐสภาปี 64 สะท้อนการทำงานในภาพรวมตลอดทั้งปีของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยสภาได้รับฉายา “สภาอับปาง” วุฒิสภาได้รับฉายา “ผู้เฒ่าเฝ้ามรดก คสช.” ประธานสภาผู้แทนราษฎรทำงานหนัก อึด ทน ถูกเปรียบเป็น “ชวนพลังท่อม” ประธานวุฒิสภาทำงานต่อเนื่อง จากยุค คสช.เรืองอำนาจถึงปัจจุบัน คล้ายเป็น “ร่างทรง” แผนกบฏการเมืองล้มนายกรัฐมนตรีคว้าเหตุการณ์แห่งปีไปครอง

“สภาอับปาง” ฉายาประจำปี 64

เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภาจากสำนักข่าวต่างๆได้ประชุมมีความเห็นร่วมกันตั้งฉายาของรัฐสภาประจำปี 64 เพื่อสะท้อนการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยมีข้อสรุปดังนี้ 1.ฉายาสภาผู้แทนราษฎร : สภาอับปาง สภาเปรียบเสมือนเรือขนาดใหญ่ บรรทุกความรับผิดชอบชีวิตของประชาชนและงานบริหารราชการแผ่นดิน ด้วยวิธีการเห็นชอบร่างกฎหมายฉบับต่างๆ เพื่อให้หน่วยราชการได้มีอำนาจไปบำบัดทุกข์บำรุงสุขราษฎร แต่พบว่าเรือสภาลำนี้ในรอบปี 64 กลับประสบปัญหาสภาล่มอับปาง โดยเริ่มตั้งแต่ปลายสมัยประชุมสามัญของรัฐสภา สมัยแรก และหนักข้อขึ้นตลอดเดือน พ.ย.และ ธ.ค.64 ปัญหาสภาล่มไม่ใช่เรื่องปกติ แต่สภาชุดนี้กลับทำให้เห็นอยู่บ่อยครั้งจนกลายเป็นความซ้ำซาก ไม่คิดอุดรูรั่วของเรือเพื่อป้องกันปัญหา ทั้งที่ความจริงสภาล่มคือเรื่องใหญ่ เพราะนั่นหมายถึงงานราชการต่างๆที่รอให้สภาผ่านหยุดชะงักลง ทำให้ประเทศสูญเสียโอกาส เพียงเพราะ ส.ส.ฝั่งรัฐบาลไม่ตระหนักถึงหน้าที่ของ ส.ส. ประกอบกับตายใจที่เป็นเสียงข้างมากและพ้นจากภาวะเสียงปริ่มน้ำไปแล้ว จึงเข้าร่วมประชุมสภาฯน้อย ขณะเดียวกัน ส.ส.ฝ่ายค้านมัวแต่จ้องจะเล่นเกมการเมือง เมื่อเห็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลอยู่น้อย ก็ขอนับองค์ประชุมทันที และพร้อมใจไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุม ทั้งที่อยู่ร่วมพิจารณาเรื่องต่างๆในที่ประชุมสภา ฉะนั้นการที่สภาอับปางบ่อยกว่าเรือล่ม จึงสะท้อน ส.ส.ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ยึดถือประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง

...

วุฒิสภาผู้เฒ่าเฝ้ามรดก คสช.

ส่วนฉายาวุฒิสภา ผู้เฒ่าเฝ้ามรดก (คมช.) โดย ส.ว.ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ถูกมองว่าคอยทำหน้าที่ปกป้องเฝ้ารักษามรดกที่เป็นโครงสร้างและกลไกสืบทอดอำนาจของ คสช.อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะการแก้รัฐธรรมนูญที่ทั้งฝ่ายค้านและภาคประชาชนพยายามเสนอขอแก้ไขเรื่องการล้มล้างอำนาจ คสช. ทั้งยกเลิกแผนการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ยกเลิกคำสั่งต่างๆของ คสช. และหัวหน้า คสช. การยกเลิก ส.ว.หรือริบอำนาจส.ว.โหวตเลือกนายกฯ ต่างถูก ส.ว.โหวตคว่ำทุกครั้ง ใครที่คิดจะทำหรือแก้ไขกฎหมายที่มีผลกระทบต่อกลไกอำนาจของ คสช. จะถูกผู้เฒ่า ส.ว.ต่อต้าน ขัดขวางไปหมด เหมือนกับคอยพิทักษ์มรดกของคสช.ให้อยู่สืบต่อไป

ประธานสภาฯ “ชวนพลังท่อม”

สำหรับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทน ราษฎร ได้รับฉายา “ชวนพลังท่อม” เพราะทำหน้าที่นั่งเป็นประธานบนบัลลังก์ประชุมสภา ประชุมรัฐสภา สามารถนั่งควบคุมการประชุมได้อย่างยาวนาน พลันเสร็จจากงานประธานในที่ประชุมก็ปฏิบัติภารกิจอื่นๆอีกมากมาย ขึ้นเหนือล่องใต้เยี่ยมเยือนประชาชนทั่วประเทศอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ราวกับคนเคี้ยวใบกระท่อมที่มีเรี่ยวแรง อึด ถึก ทนมากเป็นพิเศษ

ประธานวุฒิสภา “ร่างทรง”

ขณะที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา “ร่างทรง” ทำงานให้ คสช.มายาวนาน ตั้งแต่สมัย คสช.เรืองอำนาจ จนมาถึงยุคปัจจุบันที่ คสช.กลายร่างมาเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ก็ยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นประธานวุฒิสภา เพื่อเป็นหัวขบวนของสมาชิกวุฒิสภาคอยช่วยเหลือสนับสนุนภารกิจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่บทบาทของนายพรเพชรในฐานะประธานวุฒิสภาไม่มีความโดดเด่น ทั้งที่เป็นถึงประมุขสภาสูง และยังถูกมองว่าคอยสนองความต้องการของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ตำแหน่งประมุขสภาสูงของนายพรเพชรจึงเป็นเพียงหัวโขนทางการเมือง แต่ไม่มีอำนาจแท้จริง ไม่ต่างจากร่างทรงที่ถูกฝ่ายกุมอำนาจกุมบังเหียน ต้องคอยช่วยคอนโทรลให้การทำงานของวุฒิสภาเป็นไปตามความต้องการของรัฐบาล

ผู้นำฝ่ายค้าน “สมพงษ์ตกสวรรค์”

ด้านนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา “สมพงษ์ตกสวรรค์” แม้ปีนี้เปลี่ยนผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ เป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว แต่เพิ่งเข้ามาและยังไม่ได้โปรดเกล้าฯ ฉะนั้น จึงขอตั้งฉายาให้กับนายสมพงษ์ไปก่อน อย่างไรก็ตาม นายสมพงษ์ได้ตำแหน่งมา เพราะมีคนมอบให้ นอนมาแบบแบเบอร์ ไร้คู่แข่ง แต่ครั้นได้รับตำแหน่งกลับไร้บทบาท ไม่โดดเด่น มิหนำซ้ำเรื่องเล็กๆน้อยๆ ยังพลาด เช่น เมื่อปลายเดือน ส.ค. ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายสมพงษ์ เอ่ยชื่อ-นามสกุล พล.อ.ประยุทธ์ ผิดติดต่อกัน 2-3 ครั้ง กระทั่งประชุมใหญ่สามัญพรรคเพื่อไทย นายสมพงษ์ลาออกจากหัวหน้าพรรคแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เท่ากับหลุดจากตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านโดยปริยาย จึงเปรียบได้ว่าเป็น “สมพงษ์ตกสวรรค์”

“ชลน่าน” คว้าดาวเด่นแห่งปี

ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สื่อมวลชนประจำรัฐสภาโหวต ให้เป็น “ดาวเด่นแห่งปี 64” เพราะมีบทบาทในวิปฝ่ายค้านมานาน แม้พลาดตำแหน่งสำคัญๆ แต่คนเป็นดาวเด่นย่อมมีแสงในตัวเอง โดดเด่นในสภาตลอดมา การอภิปรายสภาแต่ละครั้งมีหลักการและเหตุผล สามารถโน้มน้าวใจให้ที่ประชุมสภาฯเห็นด้วยกับสิ่งที่อภิปราย โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย สุดท้ายผลงานเข้าตาผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย จนได้รับการผลักดันให้เป็นหัวหน้าพรรค และขึ้นเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ

“วิรัช รัตนเศรษฐ” ได้รางวัล “ดาวดับ”

สำหรับรางวัล “ดาวดับ” ปีนี้ตกเป็นของนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อดีตประธานวิปรัฐบาล ถือเป็นผู้ที่มีบทบาท สมาชิกทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลต่างให้ความเชื่อถือและความเกรงใจ แต่ปรากฏว่าบทบาทในฐานะประธานวิปรัฐบาลในรอบปี การควบคุม ส.ส.ภายในพรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายครั้งเกิดเหตุความขัดแย้งระหว่าง ส.ส.ภายในพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงความขัดแย้งระหว่าง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน อีกทั้งเมื่อวันที่ 2 พ.ย.64 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จากคดีทุจริตสนามฟุตซอลโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา สมัยที่นายวิรัชยังเป็น ส.ส. สังกัดพรรคเพื่อไทย จากเหตุการณ์ทั้งหมดทำให้เขาเป็นดาวดับ

แผนกบฏล้มนายกฯเหตุการณ์เด่น

ส่วนเหตุการณ์เด่นแห่งปี 64 คือ แผนกบฏการเมืองล้มนายกฯช่วงปลายเดือน ส.ค. ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซักฟอก 6 รัฐมนตรี แต่ไฮไลต์กลับอยู่ที่นอกห้องประชุม เมื่อมีรายงานข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ สมัยนั้นเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ เดินสายล็อบบี้ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ให้ลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แต่ความลับนี้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน กลายเป็นข่าวใหญ่โต ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ลูกพรรคเดินเกมล็อบบี้ ส.ส.ในพรรคของตัวเอง เพื่อโค่นล้มนายกฯ เหตุการณ์นี้นำมาสู่ความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างนายกฯกับ ร.อ.ธรรมนัส หลังเหตุการณ์นี้ไม่นานมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาปลด ร.อ.ธรรมนัสออกจาก รมช.เกษตรและสหกรณ์ จนถึงทุกวันนี้ความรู้สึกกินแหนงแคลงใจก็ยังคงอยู่

“วัคซีนเต็มแขน” วาทะเด็ดแห่งปี

ขณะวาทะแห่งปี คือ “วัคซีนเต็มแขน” คำชี้แจงของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข เกี่ยวกับวัคซีน ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อเดือน ก.พ.64 ว่า “ไตรมาส 3 วัคซีนแอสตราเซเนกาที่ผลิตในประเทศไทย อยู่เต็มโรง พยาบาล อยู่เต็มแขนของพี่น้องประชาชนคนไทยแล้ว” ภายหลังจากที่ชี้แจงในสภาฯได้กลายเป็นไวรัลในสังคมที่คุยว่าจะมีวัคซีนเต็มแขน สุดท้ายวัคซีนไม่มาตามนัด เกิดการขาดแคลนวัคซีน ทำให้ประชาชนดิ้นรนขวนขวายหาวัคซีนกันเอง จนกระทั่งช่วงปลายปีวัคซีนจึงเริ่มเข้ามาตามกำหนด และถึงแม้รัฐบาลจะหาวัคซีนได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่ก็ยังล่าช้า เพราะยังมีประชาชนส่วนหนึ่งยังไม่ได้รับวัคซีน

“เสรี–วิโรจน์” ยกให้เป็น “คู่กัดแห่งปี”

ส่วนคู่กัดแห่งปี สื่อมวลชนประจำรัฐสภาโหวตเลือกนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. และวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เพราะในเวลาที่มีการประชุมรัฐสภาร่วมกัน ทั้ง 2 คนนี้มักโต้เถียงกันบ่อยครั้ง มีแนวโน้มไม่เลิกใช้คำพูดที่รุนแรง อย่างเช่นกลางดึกของวันที่ 17 พ.ย.64 ระหว่างพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของกลุ่มรีโซลูชัน ต่างฝ่ายต่างไม่ลดละและท้าทายกัน โดยนายเสรีกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “โลงศพเขาไม่ได้ใส่คนแก่ แต่โลงศพเอาไว้ใส่คนตาย คนตายบางทีอายุน้อยก็ตายได้” ทำให้นายวิโรจน์สวนว่า “ที่บอกว่าโลงศพเอาไว้ใส่คนตาย ผมว่าไม่เกี่ยวเลย ผมขอแก้ว่าโลงศพเอาไว้ใส่คนปากอย่างท่าน” นายเสรีโต้กลับอีกครั้งว่า “พอดีคุณวิโรจน์ปากเหมือนผม” ฉะนั้นเหตุการณ์นี้ถือว่าเลยเถิดเกินความสมควร

ตำแหน่ง “คนดีศรีสภา” ถูกยกเลิกอีกปี

สำหรับตำแหน่ง “คนดีศรีสภา” ถูกยกเลิกถาวรเป็นเวลาหลายปีแล้วที่สื่อมวลชนประจำรัฐสภาไม่ได้มอบตำแหน่งคนดีศรีสภาให้กับสมาชิกรัฐสภา เนื่องจากท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ปรากฏว่ามีสมาชิกรัฐสภาคนใดที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ดังนั้นจึงมีความเห็นร่วมกันว่าสมควรยกเลิกตำแหน่งนี้เป็นการถาวร จนกว่าในอนาคตจะมีสมาชิกรัฐสภาที่มีความประพฤติที่เหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าวต่อไป

“ชลน่าน” ยิ้มรับ “ดาวเด่นสภา”

วันเดียวกัน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนประจำรัฐสภาตั้งให้เป็นดาวเด่นสภาฯประจำปี 64 ว่า เพิ่งเห็นข่าวดังกล่าว ไม่ได้คาดคิดได้รับฉายาเป็นดาวเด่นสภาฯ เพราะเป็นหัวหน้าพรรคบทบาทในสภาฯจะน้อยลง เพื่อคอยกำกับทิศทางและให้ทีมสภาฯเป็นผู้ดำเนินการแทน ขอบคุณสื่อมวลชนทุกคนที่ช่วยกันโหวตให้ ส่วนสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับฉายา “สภาฯอับปาง” ความหมายเป็นแบบนั้นจริงๆเพราะมันไม่มีความชอบธรรม ทำลายสภาฯจนกระทั่งรั่วไปหมดแล้ว การประชุมสภาฯก็ล่มอยู่บ่อยครั้ง

เตือนนายกฯอยู่ยาวระวัง ปชช.ไล่

นพ.ชลน่านกล่าวถึงกรณีเสียงข้างมากในสภาฯมีความพยายามดึงการแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เพื่อยื้อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในตำแหน่งนายกฯต่อว่า การยื้อให้อยู่ต่อไม่เกี่ยวกับกฎหมายลูกโดยตรง แต่อาจเป็นทางอ้อม หากนายกฯต้องไปจริงโดยกฎหมายลูกยังไม่เสร็จ รัฐบาลสามารถออกพระราชกำหนด เพื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ใช้เป็นเครื่องมือจัดการเลือกตั้งได้ ดังนั้น การยื้อเวลาของ พล.อ.ประยุทธ์คงใช้กลไกอื่นมากกว่า เช่น ใช้อำนาจรัฐ หรืออำนาจอะไรเพื่อจัดการไม่ให้เกิดกระแส เป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น การประท้วง การชุมนุมเรียกร้อง เพื่อไม่ให้เกิดการคุกรุ่นทางการเมืองมากกว่า เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์จะรอดจากประเด็นการดำรงตำแหน่งนายกฯเกิน 8 ปีหรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หลังจากนั้นจะเป็นข้อครหาระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับศาลรัฐธรรมนูญ แล้วประชาชนจะเป็นผู้พิพากษา ถ้าสถานการณ์มันคุกรุ่นแบบนี้บางทีประชาชนก็ทนไม่ได้

เย้ยปัญหารุมเร้าสภาฯต้องยุบปี 65

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงภาพรวมฉายาของรัฐสภาประจำปี 64 ว่า พอเปิดประชุมสภาฯปี 65 ฝ่ายค้านสามารถยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้อีก สุดท้ายก็จะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะตามที่สื่อมวลชนรัฐสภาตั้งฉายาให้เหมือนปี 64 ส่งผลประเดประดังไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ที่จะยุบสภาฯในปี 65

ล็อกเลือกผู้ว่าฯ กทม.–เลือกตั้ง ส.ส.ปี 65

นายยุทธพงศ์กล่าวอีกว่า ปี 65 เป็นปีแห่งการเลือกตั้ง ทั้งเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ส. ดังนั้น ครม.ต้องรีบเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.โดยเร่งด่วน ไม่มีเหตุผลที่ไม่จัดเลือกตั้ง ส่วนการเลือกตั้ง ส.ส.ตามไทม์ไลน์ที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุว่ากฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งจะเสร็จในเดือน ก.ค.65 เป็นช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯครบ 8 ปี จึงวิเคราะห์ว่ามีความพยายามดึงกฎหมายลูกให้เสร็จช้าออกไป ส่วนปัญหาสภาฯล่มบ่อยครั้ง แสดงให้เห็นว่าเสียงในสภาฯไม่เป็นเอกภาพ และมีความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐค่อนข้างสูง ขนาดไม่มีกฎหมายสำคัญเข้า สภาฯยังล่ม ถ้ามีกฎหมายสำคัญเข้าสภาฯจะเป็นอุปสรรคให้รัฐบาลจำเป็นต้องยุบสภาฯหรือไม่

อย่าฝืนอยู่นานบ้านเมืองพังพาบ

นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงของขวัญปีใหม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ให้ประชาชนว่า เต็มไปด้วยมาตรการหยุมหยิม ไม่เห็นหนทางพลิกฟื้นเศรษฐกิจดั่งที่เคยคุยโวโอ้อวด หลายโครงการควร จัดการเสร็จนานแล้ว แต่ทำไม่ได้สักที เช่น การจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลราคา 80 บาท ส่วนโครงการที่ใช้งบประมาณสูง อ้างกระตุ้นเศรษฐกิจ กลับมีแต่โครงการประชานิยม หวังสร้างกระแสรองรับการเลือกตั้งในระหว่างที่คะแนนนิยมทั้งตัวผู้นำและพรรคพลังประชารัฐตกต่ำถึงขีดสุด เพราะตลอดหลายปีรัฐบาลกู้เก่ง เพดานหนี้ทะลัก สร้างภาระให้ประชาชน หากเป็นนายกฯแล้วทำให้บ้านเมืองดีไม่ได้ ไม่ควรฝืนเป็นต่อไปให้ประชาชนลำบาก ประเทศเสียหายมามากพอแล้ว ดังนั้น ในปี 65 ของขวัญที่ประชาชนอยากได้คือโอกาสกลับมาทำมาหากิน เศรษฐกิจคึกคัก

ทำนายดวงเมืองปี 65 เสือแผลงฤทธิ์

นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว สวมบทโหรทำนายดวงการเมืองและรัฐบาลปี 65 ว่า รัฐบาลอาจไปไม่รอด เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองดังนี้ ปี 65 เป็นปีเสือ เป็นทั้งเสือหิวและเสือซุ่ม พร้อมมีเรื่องอยู่ตลอดเวลา โดยวันที่ 28 ก.พ.65 ดาวเกตุทับดวงเมืองถึงวันที่ 18 เม.ย.65 ดาวเสาร์ยังอยู่ในเรือนกัมมะ ดาวราหูอยู่ในเรือนกดุมภะ แต่ดาวพฤหัสยังเข้มแข็งอยู่ในเรือนลาภะ และดาวศุกร์ยังอยู่ในเรือนลาภะเช่นกัน หมายความว่า ช่วงต้นปีถึงกลางปีบ้านเมืองมีทั้งเรื่องดีและร้ายสลับสับเปลี่ยนกันไป ไม่สงบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสถานการณ์ต่างๆในบ้านเมืองยังมีอยู่ตลอดเวลา ที่มองดูทำท่าจะสงบ ทั้งโรคภัยไข้เจ็บ การชุมนุมประท้วงและการเมือง เดี๋ยวก็โผล่ขึ้นมาอีก บ้างก็แรง บ้างก็เบา แต่ช่วงกลางปีจะแรงทะลุทะลวงมากขึ้นกว่าเดิม

เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุการเมือง

นายวันชัยระบุว่า ดาวเสาร์และดาวราหูเป็นอุปสรรคชนักสำคัญที่ทำให้รัฐบาลคลอนแคลน
ทั้งเรื่องปัญหาภายในรัฐบาล มีทั้งเสือหิวและเสือซุ่มรุมเร้าพร้อมลุกขึ้นมาขย้ำ เมื่อเพลี่ยงพล้ำจะบดขยี้ ตามดวงดาวไม่ใช่ใครที่ไหน พวกกันเองทั้งนั้นที่ซุ่มๆอยู่ และเรื่องนโยบายที่กำหนดทั้งการเกษตรและการเงินไม่บรรลุผลตามที่วางไว้ เหมือนมวยยกสุดท้ายทั้งเมาหมัด เป๋ไปเป๋มา จะประคองตัวรอดหรือจะโดนน็อกยกสุดท้าย ทั้งดาวราหูและมฤตยูยังรุมขย้ำซ้ำกันอยู่ ทับดวงเมืองกว่าจะออกก็ วันที่ 7 ก.ค.65 ว่าตามดวงรัฐบาลมีดาวพฤหัสเป็นลาภะ ทำท่าจะไปๆหรือจะโดนน็อกก็มีดาวพฤหัสบดีเข้ามาคุ้มไว้ แต่คอยดู มีดาวร้ายอีกหลายดวง ทั้งเสือหิวเสือซุ่มจะรุมขย้ำ รอดหรือไม่รอด จะจอดหรือแจวก็กลางปี อุบัติเหตุทางการเมืองพร้อมเกิดได้ทุกเมื่อถ้าเสือขยับ

ครป.ชี้นายกฯ ต้นต่อวิกฤติชาติ

เมื่อเวลา 13.45 น. ที่โรงแรมมณเทียรริเวอร์ไซด์ พระราม 3 คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) นำโดยนายบุญแทน ตันสุเทพวีรวงศ์ ประธาน ครป. แถลงข่าวสาธารณะ วิกฤติการเมืองที่ผ่านมา “สิ้นปีเหมือนสิ้นใจ” ครป.ร่วมมองอนาคตการเมืองไทยไปอย่างไรต่อปีหน้า? โดยระบุว่า ส่วนสำคัญในปัญหาวิกฤติการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อนถ้วนหน้าคือ ปัญหาการเป็นผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว. กลาโหม ที่ล้มเหลวแก้ไขปัญหา ไม่สามารถบริหารประเทศได้ ล้มเหลวการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆตามที่ให้สัญญาไว้กับประชาชน ที่สำคัญล้มเหลวในการสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ของสังคม โดยผลักดันร่างกฎหมายเพื่อควบคุมองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ทั้งที่ในทางสากล ที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติรับรองการปฏิบัติหน้าที่ และคุ้มครองสิทธิอันชอบธรรมของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน

หมดเวลาบริหารแผ่นดินต่อไป

นายบุญแทนกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังล้มเหลวในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ รัฐบาลที่จริงใจ ชาญฉลาดย่อมไม่ใช้ท่าทีที่แข็งกร้าวรุนแรงจัดการปัญหาที่ละเอียดอ่อน สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคม รัฐบาลเพิกเฉยในการสร้างความเข้าใจ แต่กลับใช้มาตรการที่รุนแรง และมาตรการทางกฎหมายฟ้องร้องคดี ปิดปากเยาวชน ประชาชนผู้เห็นต่างที่ตกเป็นจำเลยในคดีความอาญาต่างๆจำนวนมาก ความล้มเหลวดังที่กล่าวมานี้ แสดงให้เห็นว่านายกฯ ขาดคุณสมบัติ ขาดวิสัยทัศน์ ขาดจริยธรรม ขาดเจตจำนงทางการเมือง ขาดความสามารถ และขาดความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไป

“ธนกร” ย้ำ “ลุงตู่-ลุงป้อม” รักกันหวานชื่น

วันเดียวกัน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่มีการนำเสนอข่าวความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ อาจส่งผลต่อคะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ตามที่บัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ แบ่งงานกันลงพื้นที่ ทำงานเข้าขากันดี ภายในพรรคพลังประชารัฐไม่มีปัญหาความขัดแย้งใดๆ ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรยังรักกันดี เป็นขวัญกำลังใจให้กับรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ นายกฯพูดเสมอว่าไม่ขอยุ่งเรื่องการเมือง ขอแก้ไขปัญหาให้ประชาชน เร่งเดินหน้าเศรษฐกิจเพื่อพลิกโฉมประเทศ ดังนั้นคนที่ปล่อยข่าวเพื่อสร้างความสับสนให้กับสังคม หรือพยายามสร้างความเข้าใจผิดต่อตัวนายกฯ อยากให้เพลาๆการเมืองลงบ้าง เอาเวลาที่ทำเรื่องไร้สาระแบบนี้มาช่วยกันพลิกฟื้นประเทศดีกว่า ยืนยัน พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรยังรักกันดี ทั้ง 2 ท่านจะร่วมกันเดินหน้าทำทุกอย่างเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างเต็มที่

หงุดหงิดเพื่อไทยเมินผลงานรัฐบาล

นายธนกรกล่าวอีกว่า รู้สึกผิดหวังกับการทำงานของพรรคเพื่อไทย ไม่แน่ใจเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายแค้น เพราะเก่งออกแถลงการณ์ แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นผลงานของรัฐบาลที่ต่างประเทศยกย่อง ทั้งด้านการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นอันดับ 5 ของโลก อันดับ 1 ตลาดเกิดใหม่ที่น่าลงทุนที่สุด รวมถึงการสำรวจด้านการเมืองที่สุดแห่งปี 64 ยังโหวตให้นายกฯเป็นนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่น่าประทับใจและน่าพอใจที่สุดแห่งปีด้วย การจัดอันดับของสถาบันจัดอันดับเครดิตของโลกทั้ง Fitch Ratings (Fitch) และ S&P Global Ratings (S&P) คงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยที่ BBB+ ยังคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในปี 65 จะเป็นจุดเริ่มต้นกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังโควิด-19 จากนโยบายของนายกฯ และรัฐบาล ดังนั้น ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ นายกฯขออยู่ กทม. เพื่อติดตามภาพรวมประเทศไทย ประเมินมาตรการป้องกันโรคและปรับแผนงานกระตุ้นเศรษฐกิจให้ตอบโจทย์พัฒนาการของสถานการณ์หลังปีใหม่ให้มากที่สุด

พปชร.เคาะชื่อสัปดาห์นี้ลงแทน “สิระ”

สำหรับการวางตัวผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 9 กทม. เขตหลักสี่และเขตจตุจักร กทม. แทนนายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐนั้น วันเดียวกัน นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม. หัวหน้าภาค กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงความคืบหน้าการคัดเลือกผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 9 ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีข้อยุติ ภาค กทม.ยังไม่ได้ส่งชื่อให้กับคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน ตอนนี้มีอยู่ 2-3 ชื่อที่อยู่ในการพิจารณา คาดสัปดาห์นี้เรียบร้อย โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐขอให้เลือกคนที่ดีที่สุด ให้ ส.ส.ช่วยกันดู เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าพิจารณาไว้ 2-3 คนแล้วรวมถึงนางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ภรรยาของนายสิระด้วยหรือไม่นายจักรพันธ์ตอบว่า รวมอยู่ด้วย

โพลชี้ “บิ๊กตู่” ยังนำ ปชช.หนุนเป็นนายกฯ

วันเดียวกัน สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้าโพล เผยผลสำรวจของประชาชน เรื่องการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง ระหว่างวันที่ 15-21 ธ.ค.64 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไปทั่วประเทศ 2,504 ตัวอย่าง เมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 36.54 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 16.93 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม อันดับ 3 ร้อยละ 10.74 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อันดับ 4 ร้อยละ 10.55 “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย อันดับ 5 ร้อยละ 5.51 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย อันดับ 6 ร้อยละ 4.83 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อันดับ 7 ไม่มีตัวเลือก อันดับ 8 ร้อยละ 2.36 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า อันดับ 9 ร้อยละ 2.24 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อันดับ 10 ร้อยละ 1.84 นายจุรินทร์ ลักษณวิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

“บิ๊กป้อม” บุคคลแห่งปีดูความสงบชาติ

สำนักวิจัยซูเปอร์โพลเผยผลสำรวจเรื่องบุคคลแห่งปี 64 ในใจประชาชน จากจำนวน 1,224 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 21-25 ธ.ค.64 โดยเมื่อถามถึงบุคคลแห่งปี ที่เป็นหลักดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมและความมั่นคงของประเทศพบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 40.3 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ อันดับ 2 ร้อยละ 27.3 พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด อันดับ 3 ร้อยละ 26.0 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เมื่อถามถึงบุคคลแห่งปีที่ช่วยเหลือแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ปัญหาสังคม หนี้นอกระบบ ที่ดินทำกิน แหล่งน้ำและอื่นๆ ลดความเดือดร้อนปัญหาปากท้องของประชาชน อันดับ 1 ร้อยละ 40.0 พล.อ.ประวิตร อันดับ 2 ร้อยละ 36.4 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ อันดับ 3 ร้อยละ 19.3 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เมื่อถามถึงบุคคลแห่งปีที่เป็นผู้ใหญ่ ผู้มีบารมีทางการเมือง อันดับ 1 ร้อยละ 48.7 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ อันดับ 2 ร้อยละ 32.6 พล.อ.ประวิตร อันดับ 3 ร้อยละ 17.9 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย