อัปเดตฉีดวัคซีนโควิด-19 ตั้งแต่ 28 ก.พ. - 12 ธ.ค. 64 ยอดสะสมวันนี้ 97.4 ล้านโดส โดยวานนี้ฉีดไปไม่ถึง 1 แสนโดส ส่วนผู้เข้ารับเข็ม 2 คิดเป็น 60.2% ของประชากร ศบค. ชวนประชาชนฉีดกระตุ้นเข็ม 3

วันที่ 13 ธ.ค. 2564 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย มีข้อมูลเป็นดังนี้

สำหรับการรายงานข้อมูลการฉีดวัคซีนในภาพรวม ณ วันที่ 12 ธ.ค. 2564 เวลา 18.00 น. เพิ่มขึ้น 81,367 โดส

  • ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 21,367 ราย
  • ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 35,659 ราย
  • ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 จำนวน 24,023 ราย

จำนวนผู้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. - 12 ธ.ค. 2564 (288 วัน) 97,403,117 โดส ในพื้นที่ 77 จังหวัด

  • ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 49,923,276 ราย (คิดเป็น 69.3% ของประชากร)
  • ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 43,333,522 ราย (คิดเป็น 60.2% ของประชากร)
  • ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 จำนวน 4,146,319 ราย (คิดเป็น 5.8% ของประชากร)

...

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีวัคซีนอยู่อีกจำนวนมากพร้อมที่จะฉีดกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 ให้กับประชาชนที่ฉีด 2 เข็มแล้ว โดยจะช่วยลดอาการรุนแรงหากติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงอัตราการเสียชีวิต ทั้งนี้ ขอเชิญชวนผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในเดือน ส.ค. - ก.ย. เข้ารับการฉีดเข็มที่ 3 ในเดือนนี้ สำหรับวัคซีนเข็มที่ 3 จะฉีดกระตุ้นด้วยแอสตราเซเนกา (AstraZeneca), ไฟเซอร์ (Pfizer) หรือ โมเดอร์นา (Moderna) ตามระยะเวลาที่กำหนด

ในส่วนของเป้าหมายการฉีดวัคซีนในปี 2565 ประชากรทุกคนในไทยต้องไปรับวัคซีนครอบคลุมอย่างน้อย 80% ขณะผู้ที่ไม่เคยรับการฉีดวัคซีนสามารถเข้าถึงแบบ Walk-in ได้ตามสถานพยาบาลที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด คณะกรรมการกรุงเทพมหานครกำหนด นอกจากนี้ กลุ่มเป้าหมายอายุต่ำกว่า 12 ปี ยังคงเป็นไปตามความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครอง

นอกจากนี้ ยังมีการขออนุมัติแผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ในปี 2565 อีก 120 ล้านโดส และจะมีการวางแผนจัดหาเข็มที่ 4 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ ต่อไปด้วย โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อป้องกันสายพันธุ์ใหม่ๆ ด้วย

ขณะที่นับถอยหลังจนถึงสิ้นปี 31 ธ.ค. 2564 เหลือเวลาอีกเพียง 19 วัน สำหรับเป้าหมายในการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 50 ล้านคน หรือ 100 ล้านโดสสำหรับเข็มที่ 2 หรือคิดเป็น 70% ของประชากรในประเทศ.