“หมอชลน่าน” นำทีมเพื่อไทยลงพื้นที่อยุธยา รับฟังเกษตรกรสะท้อนปัญหา เล็งใช้ทุกกลไกช่วยเหลือแก้ปัญหา ฟื้นศักดิ์ศรีให้ชาวนาไทย อัดรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” ใช้งบหลายแสนล้านแต่แก้ปัญหาไม่ได้

วันที่ 6 ธ.ค. 2564 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ส.ส. รองเลขาธิการพรรค โฆษกพรรค รองโฆษกพรรค และกรรมการบริหารพรรค ส่วนหนึ่ง ลงพื้นที่ ตำบลชายนา อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อรับฟังปัญหาความทุกข์ยากของพี่น้องชาวนา โดยมีตัวแทนชาวนาร่วมสะท้อนปัญหาการทำงานและอุปสรรคปัญหาของเกษตรในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ทางด้านตัวแทนชาวนาสะท้อนปัญหาตรงกันคือ ขณะนี้ชาวนาเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีตัวแทนรัฐบาลลงพื้นที่เข้ามาดูแลชาวบ้านเลย ทั้งที่เป็นจุดที่ได้รับผลกระทบจากการบริหารจัดการน้ำ เนื่องจากพื้นที่อำเภอเสนา เป็นแก้มลิงชะลอรับน้ำท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ เมื่อมีน้ำเข้านากลับมีปริมาณมากเกิน แต่เมื่อต้องการน้ำทำนา กลับไม่มีน้ำใช้ น้ำแล้ง และน้ำส่งไปไม่ทั่วถึงที่นาชาวบ้าน

นอกจากนี้ ยังประสบปัญหาต้นทุนการผลิตสูง ราคาปุ๋ย ยาฆ่าแมลงและปัจจัยการผลิตสูงขึ้นกว่าเท่าตัว ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นด้วย แต่ราคาข้าวกลับตกต่ำ ชาวนาตั้งราคาขายเองไม่ได้ บางรายเกี่ยวข้าวไม่ทันน้ำท่วมพื้นที่ ทำให้ขายได้เพียงตันละ 2,300 บาท ทั้งที่โดยทั่วไปได้ราคา 5,000-6,000 บาท หรือบางรายได้ 7,000 บาท บางพื้นที่ยังประสบปัญหาน้ำเปรี้ยว ส่งผลต่อเพาะปลูก

นายแพทย์ชลน่าน ระบุว่า ขณะนี้พี่น้องชาวนาไทยหลายครัวเรือนต้องเจ็บปวดทนทุกข์ยากลำบาก การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อรับทราบปัญหาจากปากพี่น้องประชาชน พรรคเพื่อไทยจะใช้กลไกในสภาสะท้อนปัญหาให้รัฐบาลชดเชยเยียวยา ส่วน ส.ส.พื้นที่ ก็ได้ประสานงานอย่างสุดความสามารถเพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนหลายเรื่อง แต่รัฐบาลไม่เคยใส่ใจ รวมทั้งจะนำสิ่งที่ได้รับฟังไปพัฒนาเป็นนโยบายแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวนาไทยอยู่ดีกินดี มีชีวิตที่ดีกว่าวันนี้ พรรคเพื่อไทยจะฟื้นศักดิ์ศรีให้ชาวนาไทยกลับมายืนตรงมองฟ้าอย่างองอาจอีกครั้ง

...

สำหรับปัญหาเชิงโครงสร้าง จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบและครบวงจร เมื่อพรรคเพื่อไทยมีโอกาสกลับมาบริหารประเทศอีกครั้ง คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยจะต้องดีขึ้น แม้พื้นที่นี้จะเป็นพื้นที่รับน้ำ แต่จะหาวิธีทำให้การเป็นพื้นที่รับน้ำอยู่กับวิถีชีวิตประชาชนได้ พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่ใช้เทคโนโลยีที่ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นองค์ความรู้ เปลี่ยนสิ่งที่ใช้ไม่ได้ให้เป็นสิ่งที่ใช้ได้ เพื่อให้อาชีพชาวนา อาชีพกระดูกสันหลังของประเทศเจริญเติบโตอย่างแข็งแกร่งมั่นคง

“โครงการประกันรายได้เกษตรกรของรัฐบาลไม่ส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิต ไม่ส่งเสริมการผลิต และไม่ส่งเสริมการตลาด เป็นเพียงการชดเชยส่วนต่าง ซึ่งแตกต่างกับโครงการรับจำนำข้าวที่เป็นการเข้าไปแทรกแซงกลไกราคาตลาด ทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น ชาวนาขายข้าวได้มากขึ้น”

ขณะที่ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ต้นทุนการผลิตสูงและปัญหาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ เป็นทุกข์ที่ชาวนาไทยกำลังเผชิญ สำหรับพื้นที่พระนครศรีอยุธยา ต้องประสบปัญหาน้ำท่วม น่าเสียดายแผนการจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ 2 ล้านล้านบาท สมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้ริเริ่มไว้ แต่ต้องถูกทำลายลงหลังการเข้ามาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 7-8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลใช้งบประมาณหลายแสนล้านบาทแต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เป็นโอกาสที่สูญเสียไปของประเทศไทยอย่างน่าเสียดาย ถ้าคนส่วนใหญ่ของประเทศยังยากจนอยู่ ไม่มีทางที่ประเทศนี้จะแข็งแกร่งมั่นคง

“ขอให้ประชาชน พี่น้องชาวนาไทยอย่าเพิ่งหมดหวัง ขอให้มีกำลังใจ พรุ่งนี้เพื่อไทยจะกลับมาดูแลพี่น้องประชาชนให้อยู่ดีกินดีมีชีวิตที่ก้าวหน้าขึ้น”