"เบนจา-ณัฐชนน" ละเมิดอำนาจศาล สั่งจำคุก 2 เดือน ปรับ 500 บาท และนัดสืบพยานโจทก์คดีปักหมุดสนามหลวง นัดแรกทนายเผย เตรียมยื่นประกัน ไมค์-อานนท์-เพนกวิน-ไผ่
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 64 ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้เบิกตัว นางสาวเบนจา อะปัญ, อานนท์ นำภา, พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน, ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง, จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ดาวดิน จากเรือนจำมายังศาลอาญา โดยในวันนี้ศาลได้นัดพิพากษาคดีละเมิดอำนาจศาล ที่นางชวัลนาถ ทองสม ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา ผู้กล่าวหา นางสาวเบนจา อะปัญ และนายณัฐชนน ไพโรจน์ นักกิจกรรมและนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากกรณีก่อความวุ่นวายบริเวณบันไดหน้าศาลอาญา เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 64 เรียกร้องให้มีการปล่อยตัวชั่วคราว “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ ซึ่งกำลังถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดีมาตรา 112 พร้อมนัดสืบพยานคดีปักหมุดคณะราษฎร ที่ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 19 และ 20 ก.ย.63 โดยมี อานนท์ นำภา, พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน, ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง, จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ดาวดิน และพวก รวม 22 ราย เป็นผู้ถูกกล่าวหา
โดย นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้เป็นวันแรกของการนัดสืบพยานโจทก์ ในคดีปักหมุดคณะราษฎร บริเวณท้องสนามหลวงและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 19-20 กันยายน 2563 โดยเบื้องต้นเห็นว่าฝ่ายโจทก์ได้เตรียมพยานไว้ 2 ปาก โดย 1 ในพยาน คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้กล่าวหาของคดีนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ากระบวนการสืบพยานจะเป็นไปในลักษณะใด แต่ก็เป็นที่น่าหนักใจอยู่บ้าง เพราะโอกาสที่จะให้คำปรึกษาทางด้านคดีความกับจำเลยที่ยังไม่ได้รับการประกันตัวเป็นไปโดยยากลำบาก
...
นอกจากนี้ อีกปัญหาหนึ่งคือ ทนายความพยายามขอหมายเรียกเอกสารสำคัญซึ่งอยู่ในการครอบครองของทางราชการ เพื่อที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลย แต่ศาลยังไม่ได้ออกให้ ซึ่งต้องไปตรวจสอบอีกทีวันนี้ว่าศาลจะออกหมายดังกล่าวให้หรือไม่ พร้อมเปิดเผยว่า ในวันนี้จะทำการยื่นประกัน ภาณุพงศ์, อานนท์, พริษฐ์, จตุภัทร์ จำเลย 4 คนในคดีดังกล่าวที่ยังถูกคุมขังในเรือนจำอีกด้วย
ด้าน สมยศ พฤกษาเกษมสุข หนึ่งในจำเลยในคดีปักหมุด ระบุว่า การสืบพยานจะทำให้รู้ว่าข้อกล่าวหากับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร ซึ่งตนปรารถนาว่าวันนี้จะได้พูดความจริงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งนี้ ยืนยันว่าการต่อสู้ของพวกตนมีเจตนาที่ดีต่อบ้านเมือง ต้องการให้เกิดความก้าวหน้าในสังคม และเห็นสิทธิ เสรีภาพ ตามระบอบประชาธิปไตย คดีนี้จะบอกได้ว่า ในอนาคต ประเทศไทยจะย่ำอยู่กับที่ หรือถอยหลังกลับไปในอดีต หรือว่าจะก้าวหน้าด้วยการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ตนคาดหวังว่าจะได้รับความยุติธรรม โดยเฉพาะกับผู้ที่ยังไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัว ซึ่งมองว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังศาลเริ่มให้มีการปล่อยตัวชั่วคราวภายใต้การคำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการที่จำเลยถูกคุมขัง
ต่อมาเมื่อเวลา 10.40 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ศาลอาญาได้พิพากษาให้ เบนจา-ณัฐชนน มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามที่ถูกกล่าวหา โดยศาลสั่งจำคุกณัฐชนน 2 เดือน ส่วนเบนจาปรับ 500 บาท
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การกระทำของณัฐชนนที่ใช้โทรโข่งปลุกระดมให้ประชาชนร่วมตะโกน “ปล่อยเพื่อนเรา” หลายๆ ครั้ง และกดดันผู้พิพากษา เป็นการพูดไม่สุภาพ หยาบคาย ถือเป็นการประพฤติไม่เรียบร้อย และก่อความไม่สงบในการใช้เครื่องขยายเสียงในศาล ซึ่งเป็นการละเมิดข้อกำหนดศาล
ด้านเบนจา มีการอ่านเอกสารบนทางเท้า และชักชวนให้ประชาชนโปรยเอกสารและรายชื่อ ซึ่งมีเอกสารบางส่วนได้ตกหล่นเข้ามาในศาล แม้ไม่สกปรก รกรุงรัง แต่ก็ถือเป็นการประพฤติที่ไม่เรียบร้อยภายในศาลเช่นกัน ส่งผลให้ในคดีละเมิดอำนาจศาลนี้ “เบนจา” ตัดสินใจจ่ายค่าปรับ 500 บาท แทนการถูกคุมขังที่สถานกักขังกลาง จังหวัดปทุมธานี 1 วัน
อย่างไรก็ตาม คดีละเมิดอำนาจศาลทั้ง 2 คดีของ 'เบนจา' ถูกพิพากษาด้วยโทษสูงสุดและต่ำสุด