พูดจริง ทำจริง! “ศุภชัย ใจสมุทร” โพสต์เฟซฯ โว "ภูมิใจไทย" อยู่เบื้องหลัง ผลักดันกฎหมาย ปลดผู้ค้ำหนี้กู้ กยศ. ย้ำ เดินหน้าดันตั้งแต่หาเสียง จนมีผลบังคับใช้

วันที่ 24 พ.ย. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ราชกิจจาฯ ได้เผยแพร่ระเบียบคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาและการชำระเงินคืนกองทุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2564 โดยสาระสำคัญเป็นการปล่อยให้กู้ยืมเงิน กยศ. โดยไม่จำเป็นต้องมีผู้ค้ำอีกต่อไป ซึ่งประกาศมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ (24 พ.ย. 64) ล่าสุด นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Suphachai Jaismut ระบุว่า

เพราะการศึกษา คือ ความเจริญงอกงาม
ปลดผู้ค้ำ ผู้กู้ กยศ. ภูมิใจไทย ทำได้แล้ว

ทรัพยากรมนุษย์ คือ สิ่งล้ำค่าที่สุด สำหรับทุกประเทศ ดังนั้น ผมจึงดีใจอย่างยิ่งกับเรื่องดีๆ ที่นับจากวันนี้ (24 พฤศจิกายน 2564) ประเทศไทย ได้ออกกฎหมายว่าการกู้เงิน กยศ. จะไม่ต้องมี “ผู้ค้ำ” แล้ว ส่งผลให้โอกาสทางการศึกษาสำหรับเด็กไทยเพิ่มขึ้นมากโข เพราะที่ผ่านมาเรามักจะพบข้อจำกัดเรื่องเด็กไม่ได้เข้าถึงเงินก้อนดังกล่าวเนื่องจากไม่มีผู้ค้ำประกัน เท่ากับโอกาสทางการศึกษาตามสิทธิ์ได้หายไป เพราะเงื่อนไขการปล่อยกู้ข้างต้น

ล่าสุด กฎหมายที่ได้รับการแก้ไข เปิดทางให้เด็กสามารถกู้เงินเพื่อเรียนหนังสือได้มากขึ้น จะเป็นผลดีต่ออนาคตของประเทศไทยอย่างแน่นอน อันที่จริงนี่เป็นประเด็นที่พรรคภูมิใจไทยผลักดันมานานแล้ว และก็เป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่เสนอเรื่องนี้เข้า ครม.ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

...

เอาเข้าจริง นี่คือนโยบายหาเสียงของพรรคภูมิใจไทย หากย้อนกลับไปติดตามการขยับขับเคลื่อนของพรรค เมื่อเดือนมกราคม 2562 เราจัดประชุมเรื่องนี้ และประกาศ ให้เรื่องของการแก้ปัญหาหนี้ กยศ. เป็นนโยบายพรรค ประกอบไปด้วย

1. ปลดภาระผู้ค้ำประกันทันที ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันอีกต่อไป ทั้งหนี้เก่าและหนี้ใหม่

2. ไม่มีดอกเบี้ย กยศ.ไม่ใช่องค์กรธุรกิจแสวงหากำไร


3. ไม่ต้องมีเบี้ยปรับ กยศ.ต้องช่วยหาทางให้ลูกหลานมีความสามารถชำระหนี้ ไม่ใช่คิดหาประโยชน์สูงสุดจากลูกหนี้ ต้องมองเขาเป็นลูกหลานที่ต้องให้โอกาส

4. ใช้ภาษีเงินได้ประจำปี มาหักลดยอดหนี้เงินกู้ได้ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ทุกคนเข้าสู่ระบบภาษี และเงินรายได้จากภาษีมีความคุ้มค่ากว่าเงินกู้หลายเท่า


5. เอาคืนแค่เงินต้น กยศ.ไม่ใช่องค์กรแสวงหากำไร และสถาบันการเงิน

6. พักหนี้ 5 ปี สำหรับลูกหลานที่ไม่มีเงินจะชำระจริงๆ เพื่อเป็นการหยุดการดำเนินคดี ไม่ต้องฟ้องร้องบังคับคดี หรือฟ้องยึดทรัพย์ไว้สัก 5 ปี ให้ลูกหลานได้มีเวลาตั้งสติ ตั้งตัวกันอีกครั้ง

จะเห็นว่า ข้อแรก ได้รับการตอบสนองแล้ว

ส่วนสำคัญ เพราะเรา “เอาจริง”

เพราะนอกจากหลังประกาศนโยบายหาเสียง เมื่อเป็นรัฐบาลแล้ว เราได้ผลักดันมาโดยตลอด มีการทวงถามทั้งในและนอกสภาอย่างต่อเนื่อง

ขอย้ำว่า นายอนุทิน และพรรคภูมิใจไทย เชื่อมั่นในความคุ้มค่าจากการลงทุนเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

และความสำเร็จที่เพิ่งเกิดขึ้น คือ สิ่งยืนยันว่า พรรคเรายังเป็นนิยามของพรรคปฏิบัติการ คือ เมื่อพูดแล้ว ต้องทำ และต้องทำให้สำเร็จ

#"Education_is_Growth"