“บิ๊กตู่” ยัน รับฟังปัญหาธุรกิจ-คนกลางคืน ชี้ ศบค. เร่งหาแนวทางเหมาะสม แต่ผู้ประกอบการต้องร่วมมือร่วมรับผิดชอบด้วย มอบคมนาคมดูแลพื้นที่หัวลำโพงให้เกิดประโยชน์สูงสุด
วันที่ 23 พ.ย. 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ถามไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงกรณีการเพิ่มสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ให้ผู้มีรายได้น้อย 15 ล้านคน ว่า มีการดำเนินการมาเป็นระยะตามงบประมาณ ซึ่งข้อมูลที่มีอยู่เดิมปัจจุบันมีการลงรายละเอียดมากขึ้น คนที่ยังเข้าไม่ถึงในระยะแรกก็มีอยู่มาก กรอบวงเงินและกิจกรรมการช่วยเหลือมีมากขึ้น ซึ่งต้องปรับเพิ่มต่อเนื่องและเราต้องดำเนินการต่อไป ไม่ได้หมายความว่าคนรายได้น้อยจะหมดไป เราไม่ได้ปรับโครงสร้างพัฒนาการ การประกอบอาชีพทุกประเภทตามนโยบายการแก้ปัญหาความยากจน รายอาชีพ รายครัวเรือน อย่างยั่งยืนต่อไป การทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นการหาทางให้ดำรงชีวิตอยู่ในลักษณะความพอเพียงเท่านั้น
ส่วนกรณีกลุ่มผู้ประกอบการและนักดนตรีกลางคืนมายื่นหนังสือ แต่มีการสกัดปิดถนนรอบทำเนียบรัฐบาล จะถูกมองว่ารัฐบาลมีกำแพงไม่รับฟังปัญหาหรือไม่ นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่าเรื่องนี้ได้รับทราบแล้ว และกำลังให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เร่งพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสม ซึ่งฝ่ายผู้ประกอบการต้องร่วมมือร่วมรับผิดชอบ เน้นเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาด การฉีดวัคซีนโควิด-19 มาตรการของสถานประกอบการ การขึ้นทะเบียน เร่งเปิดให้เร็วขึ้น
คำถามต่อมากรณีที่นายกรัฐมนตรีมีดำริเรื่องการปิดใช้งานสถานีกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) ได้หารือกับกระทรวงคมนาคมถึงผลกระทบหรือไม่ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีการหารือให้แนวทางกับกระทรวงคมนาคมไปแล้ว ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้ประโยชน์ได้ทุกมิติ รับฟังความคิดเห็นของประชาชน ให้เกิดมูลค่าสูงสุดในการใช้พื้นที่ ทั้งในส่วนของพิพิธภัณฑ์และอื่นๆ
...
สำหรับประเด็นการส่งผู้ลี้ภัยทางการเมืองกลับประเทศกัมพูชาข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า เป็นหลักการด้านการต่างประเทศอยู่แล้ว ซึ่งต้องคำนึงถึงกฎหมายไทย กระบวนการยุติธรรมของไทยที่ได้มีการดำเนินการหลายประเทศ โดยที่ไทยต้องไม่เสียประโยชน์ใดๆ.