นักการเมืองว่าเน่า ทหารเฒ่าเล่น การเมืองยิ่งเน่าไปกันใหญ่ไหนๆก็ไหนๆถึงขั้นเปิดห้องบนตึกไทยคู่ฟ้าฯ ระดมแกนนำ “กองกำลังชนกลุ่มน้อย” เข้าหารือแผนการยึดค่ายพลังประชารัฐกันอย่างอึกทึกครึกโครม

ป่วยการจะให้ “โทรโข่ง” ตีหน้าซื่อบื้อ บอกแค่หารือเรื่องการบริหาร

โชว์หลักการหรู นายกรัฐมนตรีไม่ยุ่งเกี่ยวและไม่มีพฤติการณ์ครอบงำพรรคการเมือง เพราะเป็นบุคคลภายนอกพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง

โกหกกันหน้าตาย นึกว่าคนไทยหลอกง่ายขนาดนั้นเชียว

สภาพวันนี้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม คือ “นักการเมืองอาชีพเต็มขั้น” ลุยคลุกฝุ่น เกลือกกลั้วโคลนเต็มตัว

ไอ้ที่เคยแสดงอาการเกลียดกลัววันนี้กลืนลงคอไปหมด

นั่นก็เพราะเงื่อนไขไฟต์บังคับในศึกปราบกบฏ จำเป็นต้องหักหอกข้างแคร่อย่าง “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้ได้เท่านั้น

มันคือเดิมพัน ไปต่อหรือไม่ได้ไปต่อในเกมลากยาวอำนาจ

ถ้า “ผู้กองนัส” ยังกุมสภาพในพลังประชารัฐ โอกาสที่ชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จะอยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรีของ พปชร.ยังเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นพลิกคว่ำพลิกหงาย

ไร้หลักประกัน ไม่ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ยิ่งเห็นเหลี่ยมเขี้ยว ปล่อยโพลออกมา “ด้อยค่า” กันชัดๆ มันยิ่งสะท้อนถึงพฤติการณ์แสบๆที่พร้อมหักลำ “เจาะยาง” กันได้ทุกขณะ

นั่นก็ถึงจุดต้องล็อก “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มานั่งจับเข่าคุยในหมู่พี่น้อง 3 ป.

ต่อเนื่องด้วยการเรียกกองกำลังสวามิภักดิ์ ทั้ง “สมศักดิ์ เทพสุทิน-สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-อนุชา นาคาศัย-สันติ พร้อมพัฒน์-สุชาติ ชมกลิ่น-ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์”

...

เปิดยุทธการ “ล้างไพ่” เดินเกมให้กรรมการบริหารในปีกตัวเองไขก๊อก เข้าเงื่อนไขล้มโต๊ะกันใหม่ มุกเก่าที่เคยใช้โค่นกระดาน รัฐประหารในพรรคกันมาแล้ว 3 รอบ

เป็นพรรคที่เปลี่ยนกรรมการบริหารถี่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

ตามรูปเกมที่ทีมแห่ “บิ๊กตู่” ลุยแหลก ร่อนใบลาออกโชว์สื่อกันอึกทึก

ทีแรกก็นึกว่า “พี่ใหญ่” เอาด้วย เพราะไม่หือไม่อือ

ที่ไหนได้ผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเกมพลิก กลายเป็นฝั่ง “ผู้กองนัส” ที่มีกองกำลังมากกว่า ดึงกรรมการบริหารบางคนชักใบลาออกกลับ

นับหัวแล้ว ฝ่ายที่ลุยล้างไพ่ใหม่ยังห่างกันเกือบช่วงตัว

นั่นไม่เท่ากับอารมณ์ของ “บิ๊กป้อม” ที่พูดชัดๆ ถ้าเปลี่ยน ร.อ.ธรรมนัส แล้วจะเอาใครมาเสียบแทน เป็นสัญญาณนำร่องก่อนการประชุมพรรคพลังประชารัฐ

มติชัดเจน ไม่มีการปรับโครงสร้าง พปชร.แต่อย่างใด

“ผู้กองนัส” ยังได้สวม “หนังเสือ” ของ พล.อ.ประวิตร ถือสิทธิ์พ่อบ้านใหญ่กุมอำนาจการบริหารจัดการ ฐานบัญชาการใหญ่ค่ายพลังประชารัฐ

โยนความอึดอัดกลับไปที่กองกำลังชนกลุ่มน้อยที่หนุน “บิ๊กตู่”

ในเมื่อชัดเจนแล้วว่า “พี่ใหญ่” ไม่ยอมถอย ตามรูปเกม “เสือเฒ่า” อย่าง พล.อ.ประวิตร ฉลาดพอที่จะอ่านไพ่ขาด ถ้าไร้ “ผู้กองนัส” ตัวเองก็หมดฤทธิ์เดชเหมือนกัน

เรื่องของเรื่อง ถ้ายอมตามธงของ “น้องเล็ก” แค่ “บิ๊กป้อม” ไขก๊อกคนเดียว ทุกอย่างก็จบ ไม่ต้องไปไล่เก็บลายเซ็นกรรมการบริหารลาออกให้ครบตามจำนวน ยุ่งยาก จากอาการมันก็ชัดเจนมาตั้งแต่ต้น พล.อ.ประวิตร ไม่ยอมทิ้งค่ายพลังประชารัฐ ฐานที่มั่นสุดท้าย

และนั่นก็เป็นโจทย์ใหญ่ของ “บิ๊กตู่” จะเอายังไง ไปต่อทางไหนดี

ที่แน่ๆกองกำลังชนกลุ่มน้อยยึดค่ายพลังประชารัฐให้ “บิ๊กตู่” ไม่ได้ ก็คงจะอยู่ร่วมชายคากันยาก

“ประยุทธ์” หาทางไปต่อลำบาก

“ประวิตร” ก็คงเหลือแค่ซากของค่ายที่แตกยับเยิน.

“ตะวัน ทรงกลด”