ฉากหลอนอุทกภัยใหญ่ปี 2554 กระตุกต่อม “แพนิก” ประชาชนคนไทย ล้อกับปรากฏการณ์พายุ “เตี้ยนหมู่” ฟาดหาง ทำให้น้ำท่วมหนักในหลายจังหวัด ไล่ตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง จมอยู่ใต้บาดาล เสียหายหลักหมื่นล้านบาท แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนกรานตามข้อมูลยังไม่น่าตื่นตูมตามข่าว เทียบปริมาณน้ำไม่เท่าปี 2554
ที่เห็นก็แค่น้ำท่วมตามปกติฤดู กลบปมร้อนการเมือง เบี่ยงข่าวโควิดให้เบาลง อานิสงส์ให้ผู้นำรัฐบาลอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ได้จังหวะลงพื้นที่ “ตุนแต้ม” ในห้วงพยายามยึดค่ายพลังประชารัฐ โดดคลุกโคลนการเมืองเต็มตัว
จัดโปรแกรมทัวร์ต่างจังหวัดแบบถี่ยิบ มัดจำแต้มหาเสียงกันแบบเนียนๆ ไม่ต้องเซียนการเมืองก็จับทางได้ “บิ๊กตู่” หวังไปต่อเกมยาวแน่ๆ
แม้ในสภาพ “มือใหม่หัดขับ” เพิ่งปรับอารมณ์เกลียดมารักนักการเมืองได้ไม่กี่วัน สภาพยังห่างชั้นกับลูกเขี้ยวของ “เสือเฒ่า” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่จัดเจนกว่าในมุมวางยุทธศาสตร์ทางการเมือง
เดินเหินไม่คล่อง แต่เดินหมากการเมืองลุ่มลึกกว่า ตามท้องเรื่องแบบที่มีการหยอดกระแส โยนหินตั้งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม หัวขบวน ก๊วนสามมิตร กับ “เสี่ยตุ๋ย” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นั่งแท่นเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค
ยื่นไมตรีให้ฝั่งสวามิภักดิ์ “บิ๊กตู่” เข้าร่วมบอร์ดบริหารพรรค แต่อีกมุมก็เหมือนเป็นการ “หักหน้า” ซ้ำ ตอกย้ำอำนาจการจัดการบริหาร พปชร. ในกำมือ
เพราะอย่าลืมว่า ชื่อของนายสมศักดิ์นั้น จองประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร.มาก่อนที่จะโดน พล.อ.ประวิตร เซ็นตั้งน้องรักอย่าง “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ยึดเก้าอี้ตัดหน้า
...
เช่นเดียวกับนายพีระพันธุ์ ก่อนหน้าก็มีกระแส “เต็งจ๋า” สายอำนาจตึกไทยฯจ่อส่งมานั่งแท่นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เวอร์ชันใหม่ รองรับ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯในการเลือกตั้งรอบต่อไป “พีระพันธ์-สมศักดิ์” คือมวยหลักสาย “บิ๊กตู่” แต่มีราคาแค่กุนซือไม้ประดับ
“พี่ใหญ่” ยื่นไมตรี แต่อีกนัย สั่งสอนให้รู้ใครเป็นใคร มันคืออีกช็อตที่เสือเฒ่าอย่าง พล.อ.ประวิตร สะท้อนอำนาจการบริหารจัดการภายในพลังประชารัฐ อยู่ในกำมือของ “พี่ใหญ่” ที่เป็นแบ็กอัปให้ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค สวม “หนังเสือ” คุมเกม ส.ส. เหนือกว่าพวกสวามิภักดิ์ พล.อ.ประยุทธ์
จุดที่กดดันผู้นำในที การลุยโคลน คลุกฝุ่น อาจเหนื่อยฟรี แผนที่ “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่เจาะฐาน ส.ส.ต่างจังหวัดเป็นการเดินหมากผิด เพราะหนทางเดียวคือ “มิชชันอิมพอสซิเบิล”
พล.อ.ประยุทธ์ ต้องกล้าเคลียร์ “พี่ใหญ่” ให้พ้นทาง ต้องทำลายหนังเสือที่ “ผู้กองนัส” สวมใส่คุมกองทัพลิงในคาถา มุมเดียวเท่านั้นที่จะยึดค่ายพลังประชารัฐมาเป็นฐานรองอำนาจเกมสภาได้
และช็อตวัดใจ จังหวะการหยั่งพลังกันจะจะ น่าจะอยู่ที่คิวปรับคณะรัฐมนตรี จากเก้าอี้ที่หายไป 2 ตำแหน่ง ภายหลังยุทธการปราบกบฏ ปลดฟ้าผ่า ร.อ.ธรรมนัส พ้น รมช.เกษตรฯและฟัน “มาดามบิ๊กอาย” นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ กระเด้งกระดอนจากเก้าอี้ รมช.แรงงาน
โควตาบ้านป่ารอยต่อฯหายไปเนื้อๆ ต้องจับตา พล.อ.ประยุทธ์ จะคืนสิทธิ์ให้ทีมกบฏ ตามสัญญาณทวงจากทีม “ผู้กองนัส” หรือไม่
เพราะภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ อ่านกันตามยุทธศาสตร์ไฟต์บังคับ พล.อ.ประยุทธ์ จำเป็นต้องตั้ง “เสี่ยฉิ่ง” นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ที่เกษียณจากปลัดมหาดไทย
อัปเกรดเป็น รมช.กระทรวงคลองหลอด ถือดาบ ควงกระบอง “มีของ” เป็นเครื่องมือ ในการระดมไพร่พล ตั้งพรรคการเมืองรองรับฐานอำนาจ 2 ป. คือ พล.อ.ประยุทธ์ กับ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย
และอีกหนึ่งก็เป็นชื่อของนายพีระพันธุ์ ที่วงในรู้กันดีว่า พล.อ.ประยุทธ์ ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว เพราะพรีเซนต์เก่ง ทำให้นายกฯเคลิ้มตามง่าย กลายเป็นกุนซือที่ผู้นำเชื่อมากกว่าใคร
ถ้า 2 โควตารัฐมนตรีของกลุ่มกบฏ ถูกทดแทนด้วยสายตรงผู้นำ นั่นเท่ากับ “บิ๊กตู่” หักลำ ไม่ยอมคืนโควตาให้ “บิ๊กบราเธอร์” ทีมบ้านป่ารอยต่อฯ
และก็แน่นอน ช็อตย้อนศรต้องเกิดขึ้นชัวร์ในเกมโหวตสภา เบาสุดคือเกมป่วนให้องค์ประชุมล่ม หนักเลยก็คือการคว่ำกระดานกฎหมายที่เสนอโดยรัฐบาล
ลากสถานการณ์ให้นายกฯต้องไขก๊อก รับผิดชอบ โดยสภาพอำนาจ “3 ป. ติดล็อก” เกมยุบสภาหนีไม่ออกจริงๆ.
ทีมข่าวการเมือง