ม็อบ 19 กันยา "ขับรถยนต์ชนรถถัง" ประกาศยุติชุมนุม อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ณัฐวุฒิ-สมบัติ ปราศรัย ย้ำ ยังสู้ต่อไป เพื่อเป้าหมาย ไล่บิ๊กตู่ ก่อนประกาศยุติชุมนุมวันนี้
วันที่ 19 ก.ย. 64 เมื่อเวลา 17.35 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุม คาร์ม็อบ 19 กันยา "ขับรถยนต์ชนรถถัง" ได้เริ่มทยอยเดินทางมาสมทบกันที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลางแล้ว เพื่อเตรียมประกาศเป้าหมาย นำผ้าดำมาคลุม ตัวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และมีการนำรูป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ขึ้นไปติดเอาไว้ด้วย
ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. มีการร้องเพลง กันและกัน ที่แต่งในเรือนจำเมื่อปี 2553 บนเวทีรถปราศรัย เพื่อเป็นการผ่อนคลายกลุ่มมวลชนหลังร่วมทำกิจกรรมคาร์ม็อบในวันนี้ตั้งแต่ช่วงเวลา 15.00 น. เป็นต้นมา วันนี้เราได้พิสูจน์ ให้เผด็จการได้เห็น 15 ปี เขาก็ยังไม่ชนะ และเราก็ไม่แพ้
...
ทั้งนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ยังได้ปราศรัยตอกย้ำ ขอให้คนที่คิดว่าวิธีการแก้ปัญหา ด้วยการนำทหารออกมารัฐประหาร เมื่อ 15 ปีที่แล้ว แล้ววันนี้นายทักษิณ ชินวัตร ยังอยู่หรือไม่ ก็ยังอยู่ ซึ่งสิ่งที่ประชาชนจับต้องได้ 15 ปีที่ผ่านมานี้ เป็นการพิสูจน์ว่าทำให้ประเทศไทยถอยหลัง อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
ขณะนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า 15 ปีที่ผ่านมา ต้องแลกอะไรมาบ้าง มียึดอำนาจ 2 ครั้ง บอยคอตเลือกตั้ง 2 หน ให้ท้ายม็อบยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งหมดที่ผ่านมาเพื่อให้ได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นความอัปยศที่สุดในแผ่นดิน ย้ำ เราจะไล่ต่อไป
“ในวาระอันสำคัญ ครบรอบ 15 ปี รัฐประหารในวันนี้ เรามาแสดงพลัง มายืนรวมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไม่ว่าเจ็บปวด ก็พากันมาตรงนี้ ไล่ล่าก็พากันมาตรงนี้ อยากบอกฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากวันนี้คุณยังเชียร์ประยุทธ์ ทางการเมืองถือว่าเราขาดกันเป็นต้นไป แต่ไม่เกี่ยวความเป็นพี่น้องร่วมชาติ ที่ไม่ทำอันตราย ทำร้ายกัน” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า หลังจากวันนี้ได้โปรดติดตามความเคลื่อนไหวต่อไป โดยได้ข้อสรุปว่า รูปแบบคาร์ม็อบก็ยังตอบโจทย์แสดงพลังสูงสุด ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ขอให้ผมและพรรคพวกไปสรุปบทเรียน เพื่อนำมาใช้ต่อสู้ต่อไป ซึ่งยังต้องต่อสู้กันอย่างยาวนาน
ขณะเมื่อเวลา 18.02 น. นายณัฐวุฒิ ได้ร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุม ร้องเพลง และประกาศยุติชุมนุมในวันนี้ ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยบอกว่า ให้มวลชนรอฟังการนัดหมายการชุมนุมครั้งต่อไป.