เมฆฝนครึ้มเกือบตลอดทั้งสัปดาห์ ตกหนาเม็ด ติดต่อกันหลายวัน

ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา พายุดีเปรสชัน “โกนเซิน” ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงในขณะ ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง

เตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก

ขณะที่หลายจังหวัดในพื้นที่ใต้เขื่อนเจ้าพระยาทั้ง ชัยนาท สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยาได้แจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังระดับน้ำอย่างใกล้ชิด

ตามข้อมูลที่กรมชลประทาน ประเมินสถานการณ์ฝนที่ตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลักมีระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์

ระดับน้ำอยู่ในขั้นไม่น่าไว้วางใจ สัญญาณเตือนภัยจากฝนตกถี่ติดต่อกัน

ถึงจุดที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม พร้อม “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ยกคณะชุดใหญ่ ต้องเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชัยนาท

...

ติดตามสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยาที่เขื่อนเจ้าพระยา

ก่อนที่ในเวลาต่อมาผู้นำได้เปิดเผยผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan–o–cha เรื่อง เตรียมแผนเผชิญเหตุ รับมือสถานการณ์น้ำอย่างเป็นระบบ

ยืนยันจากการประเมินของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สถานการณ์น้ำในปีนี้ “ไม่น่าเป็นห่วง” เหมือนปี 2554 แต่อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้มีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องจนหมดหน้าฝน โดยให้หน่วยงานต่างๆ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์จุดเสี่ยงต่างๆอย่างเต็มที่

นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ตรวจหน้างาน ภารกิจบรรเทา ความเดือดร้อนของประชาชน

ถือโอกาสเลี่ยงฉากสถานการณ์การเมืองร้อนๆในเมืองกรุง เรื่องยุ่งๆจากยุทธการปราบกบฏ อาฟเตอร์ช็อกต่อเนื่องจากการปลด “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ กับ “มาดามบิ๊กอาย” นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจากตำแหน่ง รมช.แรงงาน

หักหาญน้ำใจ “พี่ใหญ่” ราวแผ่นดินไหวสั่นสะเทือนบ้านป่ารอยต่อฯ

แม้จะโชว์บทหวานออกจอ อารมณ์แบบที่ “น้องเล็ก” โอบกอด “พี่ใหญ่” พล.อ.ประยุทธ์ แสดงให้เห็นถึงสายสัมพันธ์อันแนบแน่นกับ พล.อ.ประวิตร ที่กินข้าวหม้อเดียวกันมากว่า 40 ปี โทษสื่อตัวดีเสี้ยมให้แตกกัน

แต่นั่นก็หนีไม่พ้นโดนเสียงถากถาง “สร้างภาพ”

ที่สำคัญมันไม่สามารถกลบเกลื่อนรอยร้าวลึกได้สนิท ตามฉากย้อนแย้งเบื้องหลังที่ขัดกับฉากหน้า

สะท้อนภาวะภายใน พี่น้อง 3 ป. ยากจะสนิทใจกันเหมือนเดิม

ตามบรรยากาศสถานการณ์ที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เล่นบท “บิ๊กบราเธอร์” นั่งแท่นเป็นประธานประชุม ส.ส.พรรค ที่สัญจรมาใช้อาคารรัฐสภา

แทนตึกที่ทำการพรรค พปชร.ถนนรัชดาฯที่กลายเป็นแดนสนธยา

และการนี้ก็เป็น “พี่ใหญ่” ที่พยายามโชว์พลังสยบกระแสการล้างไพ่ใน พปชร.ต่อเนื่องกับศึกปราบกบฏ โดยยืนยันเสียงสูง “ผู้กองนัส” ยังยึดแป้นเลขาธิการพรรค “มาดามบิ๊กอาย” ยังนั่งเป็นเหรัญญิกคุมกองกลาง ทีมงานสายตรง “บิ๊กป้อม” ยังสยายปีกคุมเกมการบริหารในพรรคพลังประชารัฐ

แถมประกาศยึด ส.ส.เกิน 150 ที่นั่งในการเลือกตั้งรอบต่อไป

ตั้งใจแสดงให้เห็นการ

ปักธงเล่นเกมยาว “พี่ใหญ่” ชิงมาเร็วเคลมไว ภายหลังเซ็นคำสั่งเซอร์ไพรส์ ตั้ง “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีต สนช.ขึ้นนั่งแท่นประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ

ตั้งด่านสกัด บล็อกเส้นทางการยึดค่าย พปชร.

ตามสถานการณ์ที่เซียนการเมืองวิเคราะห์ตรงกัน มันคือการเบรก พล.อ.ประยุทธ์ ที่กำลังยึด พปชร.เป็นฐานอำนาจ เดินหมากผ่าน “กองกำลังชนกลุ่มน้อย” ที่สวามิภักดิ์ ทั้งสายนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ก๊วนสามมิตรของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม แก๊ง “เสี่ยเฮ้ง” นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และ “เฮียโอ๋” นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส

“พี่ใหญ่” ปฏิเสธ “น้องเล็ก” ยึดค่ายพลังประชารัฐ

นั่นเท่ากับทำให้ “ขัดลำ” ในการบริหารอำนาจของผู้นำรัฐบาลกับเสียงสนับสนุนในสภาฯ

ตามสัญญาณชัดๆแบบที่ “ผู้กองนัส” ประกาศในการแถลงหลังโดนปลดฟ้าผ่า ยืนยันรับไม่ได้กับการทำงานร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่เจ้าตัวยังนั่งแท่นเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นฐานรองรับอำนาจการบริหารของ “บิ๊กตู่” ในฐานะผู้นำรัฐบาล

งานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ คงต้องเสียวสันหลังตลอดเวลา

ไม่ต้องมองไปไกลถึงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบต่อไปที่จะเกิดขึ้นในสมัยประชุมสภาเดือนพฤษภาคมปีหน้า 2565 เอาแค่การพิจารณาร่างกฎหมายทั่วไปตามปกติ

ถ้ามีการเล่นเกมนับองค์ประชุม สภาล่มซ้ำๆซากๆ คนก็โห่แล้ว

โดยเฉพาะกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน ในภาวะรัฐบาล จำเป็นต้องฟื้นเศรษฐกิจโควิด ถ้าผิดพลาดรัฐบาลแพ้โหวต ครม.คงไม่กล้าเสี่ยงเสนอสภาในห้วงกบฏ พปชร.ยังระอุ

แล้วจะบริหารประเทศให้เดินหน้ากันไปได้อย่างไร

ตามสภาพการณ์ที่ พล.อ.ประวิตร ยังยึดอำนาจการกุมบังเหียนค่ายพลังประชารัฐ โดยมี “ผู้กองนัส– มาดามบิ๊กอาย” เป็นมือเป็นไม้ แถมยังตั้งน้องรักอย่าง พล.อ.วิชญ์ ที่เคยเป็นคู่แคนดิเดตชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.กับ พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นประธานยุทธศาสตร์ บล็อกทีมสวามิภักดิ์ผู้นำ

นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสั่ง ครม. แต่คุมเสียง พปชร.ไม่ได้

ตามเหลี่ยม มันคือการบีบให้ พล.อ.ประยุทธ์ เดินเข้าทางตัน

เกมยึด พปชร.ที่สะท้อนอำนาจ 3 ป. ไปต่อลำบาก ยังไม่นับสถานการณ์นอกสภา ยุทธการ “บ๋อยกระแทกชิ่ง” การชิง “เสียบดาบ” ผ่านสงครามตัวแทน

ตามรอยแฝง แรงแค้นของ “น้องในไส้” กับ “น้องนอกไส้”

ในจังหวะสถานการณ์ที่ไม่น่าบังเอิญเกินไป กับสภาพของ “บิ๊กติ๊ก” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกลาโหม น้องชายในสายเลือดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่โดนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงมติด้วยคะแนน 9 ต่อ 0

ตั้งข้อหาแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จร่วมกับภรรยา

เหตุเกิดในเดือนมิถุนายน อันเป็นจุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์เคลื่อนไหวกบฏพลังประชารัฐ

เร้าไปกับการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน กระแสกระแซะ พล.อ.ประยุทธ์ให้ขยับปรับ ครม. ล้อไปกับสัญญาณการเขย่าเก้าอี้ของ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

ข้อหาไม่เห็นหัว ส.ส. ลอยตัว ไม่ดูแลในพรรค

กระแทก “พี่รอง” ไปถึง “น้องเล็ก” ทำตัวเป็นเอกเทศ จากพรรคพลังประชารัฐ

ก่อนที่ ป.ป.ช. จะงัดลิ้นชัก ปัดฝุ่นคดีค้างเก่า

ตั้งคณะใหญ่ไต่ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ กรณีอนุมัติให้บริษัทเอกชนในเครือกระทิงแดง ใช้ที่ดินป่าชุมชนขยายเขตโรงงาน

โดยสถานการณ์ ป.ป.ช.เดินหน้าคดีเป็นบวกกับฝ่ายกบฏ พปชร.

และรู้กันดี เบื้อง หน้าเบื้องหลังใครเป็นใครใน ป.ป.ช.ที่มีประธาน คือ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ อดีตรองเลขา ธิการนายกฯประจำรองนายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

หนีไม่พ้นข้อสงสัย มันบังเอิญมากเกินกว่าจะเป็นวาระปกติตามสารบบคดี

จังหวะ ป.ป.ช.ไล่บี้ไล่ทุบ “บิ๊กตู่-บิ๊กป๊อก” เข้าทางทีมกบฏพลังประชารัฐ มันก็ชัดกับการสวนหมัดกลับของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ปฏิบัติการโหด ใช้อำนาจนายกฯ ปลดฟ้าผ่า “ผู้กองนัส-มาดามบิ๊กอาย”

กระแทก “แก้วตา–ดวงใจ” ของ “พี่ใหญ่”

และเมื่อเคลียร์กันไม่จบ เกมรบเปิดในศึกยึดค่ายพลังประชารัฐ โดยอาการ “ขวางคลอง” ปิดทางไม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าใช้เป็นฐานรองอำนาจผู้นำในสภา

สภาพ “บิ๊กตู่” มีแค่อำนาจคุม ครม. แต่ดุลอำนาจ ส.ส.อยู่ในปีก “บิ๊กป้อม” ที่มี “ผู้กองนัส” คุมกำลังหลัก แถมยังครอบคลุมไปถึงการกดปุ่ม ส.ว.โหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดันบัตรเลือกตั้ง 2 ใบแบบสบายๆ

“พี่ใหญ่” ล็อกเกมสภาทั้ง ส.ว.และ ส.ส. ไม่นับองค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช.

แต่เหตุบังเอิญมันเกิดถี่ จังหวะพอดิบพอดี ศาลปกครองกลางได้พิพากษาให้ ป.ป.ช.เปิดข้อมูลเกี่ยวกับสำนวนคดี “นาฬิกาหรู” ของ พล.อ.ประวิตร สมัยเป็นรองนายกฯรัฐบาล คสช.

เพื่อให้มีการตรวจสอบความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ของ ป.ป.ช.ให้สิ้นสงสัย

อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติหน้าที่และการใช้อำนาจที่ต้องเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติทั้งปวงในการใช้ดุลพินิจ

ศาลปกครองสะกิดการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. สะเทือนถึง “บิ๊กป้อม”

เข้าเหลี่ยมยุทธการ “บ๋อย” กระแทกชิ่ง สงครามตัวแทนที่ไม่มีใครยอมใคร

ศึก “น้องในไส้–น้องนอกไส้” คงต้องพังกันไปข้าง.

“ทีมการเมือง”