“บิ๊กป้อม” สยบแรงกระเพื่อม พปชร. นั่งหัวโต๊ะคุมเกมถก ส.ส. เปิดตัว “วิชญ์” ครั้งแรก กำชับให้ทุกคนรักสามัคคีกันไว้ อย่าตั้งก๊กก๊วน ประกาศนำทีมกวาด ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 150 ที่นั่ง “ธรรมนัส” เผยเคยคิดถอดใจ แต่ “พี่ใหญ่” ขอไว้เลยอยู่ต่อ หยอดหวานให้ พปชร.เป็นบ้านสุดท้าย “สมศักดิ์” โชว์หล่อไม่ติดใจวืดเก้าอี้ ปธ.ยุทธศาสตร์ เพื่อไทย เมิน “ศรัณย์วุฒิ” เผาบ้าน “ประเสริฐ” ติงควรรอผล เป็นทางการก่อน เจ้าตัวกร้าวไม่คิดซบตักเผด็จการ บอกให้รอน้ำท่วมหลังเป็ดก่อน “ชัยยันต์” โวย พท.แถลงให้ร้าย ฝ่ายค้านย้ำแผลหลังซักฟอก ชง ป.ป.ช.สอย 8 ปม “ตู่” กับ 3 รมต. “ระวี” ล่าชื่อเกินเป้ายื่นศาล รธน.ตีความ พ.ร.บ.ประชามติประกาศใช้แล้ว “ตู่” ควง “ป๊อก” ลุยตรวจน้ำท่วมชัยนาท
หลังเกิดความสั่นคลอนภายในพรรคพลังประชารัฐหลังศึกซักฟอก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เรียกประชุม ส.ส.และแกนนำพรรค หย่าศึกกลุ่มก๊วน พร้อมประกาศนำทีมลุยสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า พาลูกพรรคกวาดที่นั่ง ส.ส.ในสภา ไม่ต่ำกว่า 150 ที่
...
“บิ๊กป้อม” นั่งหัวโต๊ะคุมเกม
เมื่อเวลา 08.20 น. วันที่ 15 ก.ย. ที่ห้องประชุมพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ชั้น 6 อาคารรัฐสภาใหม่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานประชุม ส.ส.พรรค มีรัฐมนตรี แกนนำพรรคเข้าร่วมพร้อมหน้า อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม รองหัวหน้าพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง รองหัวหน้าและ ผอ.พรรค นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม กรรมการบริหาร นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค รวมถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค นอกจากนี้ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่ พล.อ.ประวิตรเพิ่งแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ก็เข้าร่วมประชุมด้วย
ยืนยัน พปชร.รักกันปกติดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเข้าห้องประชุม พล.อ.ประวิตรได้หันมาพูดคุยกับผู้สื่อข่าว สอบถามว่า “มีใครติดโควิดหรือเปล่า” ผู้สื่อข่าวจึงถามถึงเหตุผลการตั้ง พล.อ.วิชญ์ เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค พล.อ.ประวิตรได้ชี้นิ้วไปทาง พล.อ.วิชญ์ พร้อมระบุว่า “ถามเขาดู” ต่อมา พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า กำชับในพรรคต้องรักกัน และตอนนี้รักกันปกติ เมื่อถามว่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งในพรรคแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรไม่ได้ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่ พล.อ.ประวิตรกำลังเดินไปที่ลิฟต์เพื่อเดินทางกลับ ได้มี ส.ส. และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน มายืนรอส่งที่หน้าลิฟต์ พล.อ.ประวิตรได้เข้ามาสวมกอดนายสมศักดิ์ และกระซิบที่ข้างหูว่า “ขอบใจมาก” ก่อนเข้าลิฟต์ไป โดยมี ร.อ.ธรรมนัส และนางนฤมล เดินตามเข้าลิฟต์ไปพร้อม พล.อ.ประวิตร ผู้สื่อข่าวได้ถาม ร.อ.ธรรมนัสว่าสบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบสั้นๆว่า สบายใจตั้งนานแล้ว
“สมศักดิ์” โชว์สปิริตไม่น้อยใจ
ทั้งนี้ ก่อนเริ่มประชุม พล.อ.ประวิตรได้แนะนำตัว พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคคนใหม่ ที่มาร่วมประชุมเป็นครั้งแรกให้ ส.ส.รู้จัก ทำให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า พล.อ.ประวิตรจะมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวได้ลุกขึ้นกล่าวว่า “มีคนถามผมว่าน้อยใจมั้ยที่ไม่ได้เป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์ เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวหัวหน้าพรรคจะให้ผมเป็น ผมไม่น้อยใจ ความสำคัญของผมเทียบไม่ได้กับความมั่นคงของพรรค ผมไม่ติดใจ น้อมรับ และพร้อมทำงานเคียงข้างประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค” ทั้งนี้ เมื่อนายสมศักดิ์พูดจบ บรรดา ส.ส.ต่างพร้อมใจกันปรบมือให้กำลังใจ
“ธรรมนัส” ลั่น “พปชร.บ้านหลังสุดท้าย”
จากนั้นที่ประชุมได้พูดถึงกระแสข่าวความขัดแย้ง และการปรับเปลี่ยนตำแหน่งเลขาธิการพรรค โดย พล.อ.ประวิตรได้กล่าวถึง ร.อ.ธรรมนัส ที่นั่งอยู่ข้างๆให้ ส.ส.ฟังว่า เป็นคนที่เสียสละมาตลอด ควรอยู่ด้วยกันต่อ พร้อมกับถาม ร.อ.ธรรมนัสว่าจะอยู่ต่อหรือจะเอาอย่างไร ทำให้ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวยืนยันในที่ประชุมว่า “ตอนแรกผมจะไม่อยู่ ใจอยากกลับไปอยู่ที่บ้านทำธุรกิจ เป็นราษฎรธรรมดามากกว่าทำการเมือง ท่านประวิตรขอให้อยู่ช่วยกันทำงาน ถ้านายรัก อนุญาตให้ทำงานต่อ ก็จะไม่ออกไปตั้งพรรคใหม่ ถ้าท่านประวิตรอยู่ผมก็ยินดีที่จะอยู่ต่อ ผมเกิดจากพรรคนี้ก็พร้อมจะอยู่ตรงนี้ ถ้าจะจบชีวิตการเมืองก็ขอให้จบที่พรรคพลังประชารัฐ ยึดที่นี่เป็นที่พึ่งพิง ขอให้พลังประชารัฐเป็นบ้านสุดท้ายของผม”
ฟุ้งพากวาดเก้าอี้ ส.ส.ไม่ต่ำ 150
ขณะที่ พล.อ.ประวิตรกล่าวย้ำกับ ส.ส.เรื่องการสลายก๊กและมุ้งต่างๆ ว่า ขอให้ช่วยกันทำให้พรรคมั่นคง ขอให้รักกัน สามัคคีกัน ช่วยกัน “อย่ามีกลุ่ม มีก๊วน ต่อไปจะมีแต่กลุ่มหัวหน้าพรรค แล้วห้ามไปตั้งก๊วน ตั้งมุ้ง ส่วนมุ้งต่างๆที่เคยดูแล ส.ส.กันอยู่ ขอให้หยุด ต่อไปถ้าจะดูแล มาเอาที่ผม ผมรับผิดชอบคนเดียวเอง” พร้อมกล่าวปลุกขวัญกำลังใจว่า จะดูแลทั้งพรรคและการเลือกตั้งครั้งหน้า ครั้งหน้าใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะทำให้พรรคเราได้ไม่น้อยกว่า 150 เสียง ทุกอย่างเหมือนเดิม ขณะที่ ส.ส.ร่วมแสดงความคิดเห็น ส่วนใหญ่อยากให้นายกฯ มาดูโครงการพัฒนาของ ส.ส.จะได้มีผลงาน พร้อมเสนอให้รัฐมนตรีของพรรคไปช่วยดูแล ส.ส.เวลาลงพื้นที่ด้วย
นับจากนี้มีแค่ “กลุ่มประวิตร”
นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้า พปชร. กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรแจ้ง ส.ส.ว่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค และยืนยันไม่ลาออกจากหัวหน้าพรรค เพราะรักพรรคมากจะอยู่กับพรรค ขอให้ในช่วงปีเศษนับจากนี้เตรียมลงพื้นที่ เข้าหาประชาชน อะไรที่พรรคจะให้เข้าไปดูแลช่วยเหลือ พล.อ.ประวิตรจะไปช่วยเหลือ พร้อมฝากรัฐมนตรีให้ลงพื้นที่คู่กับสมาชิกพรรค และยืนยันว่าจะไม่มีการยุบสภา ส่วนการแต่งตั้ง พล.อ.วิชญ์เพื่อให้ดูแลช่วยวางแผนในการเลือกตั้งครั้งหน้า จากนี้พรรคจะไม่มีก๊วนไม่มีกลุ่ม มีกลุ่มเดียวคือ “กลุ่มประวิตร” กลุ่มหัวหน้าพรรคเท่านั้น ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรค ร.อ.ธรรมนัสยืนยันในที่ประชุมว่ายังเป็นอยู่ และจะอยู่กับพลังประชารัฐต่อไป ตนได้กำชับ ส.ส.ในที่ประชุมว่า ขอให้ทุกคนเข้าประชุมสภาฯ เนื่องเป็นสัปดาห์สุดท้ายของสมัยประชุมนี้แล้ว
“วิรัช” รอชี้ชะตาคดีฟุตซอล
เมื่อถามถึงกรณีอัยการสูงสุดยื่นฟ้องนายวิรัชและพวกรวม 87 คน เป็นจำเลยในคดีทุจริตสนามฟุตซอล จ.นครราชสีมา ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายวิรัชตอบว่า ศาลฯ นัดพิจารณาครั้งแรกวันที่ 20 ธ.ค. ต้องไปรับฟังในวันนั้นว่าตนจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.หรือไม่ แต่ระหว่างนี้ยังคงทำหน้าที่ต่อไป อยากให้ทุกอย่างดำเนินการไปอย่างรวดเร็ว ต้องรอดูวันที่ 20 ธ.ค.
ขอให้ ส.ส.รักกันอย่างตั้งก๊วน
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กรรมการบริหาร พปชร. กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรขอให้ ส.ส.รักกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมกันทำงาน อย่าเป็นกลุ่มเป็นก้อน ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องการปรับโครงสร้างพรรค และต้องแสดงความยินดีกับ พล.อ.วิชญ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคคนใหม่ ตอนแรก พล.อ.ประวิตรจะมอบหมายให้ตนทำหน้าที่นี้ แต่ได้บอกไปว่าให้เอาคนที่มีเวลามากกว่า ไม่ติดขัดอะไร ดีใจที่มีคนมาช่วยทำงาน เมื่อถามว่า พล.อ.วิชญ์ไม่ได้มาจากสายการเมือง จะเข้าใจงานการเมืองหรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า ก็อาจทำเรื่องที่นอกเหนือจากการเมือง เรื่องการเมืองมีคนในพรรคทำอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังไม่มีการส่งสัญญาณปรับ ครม.
พท.เมิน “ศรัณย์วุฒิ” เผาบ้าน
ที่รัฐสภา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เห็นแถลงการณ์โจมตีพรรคของนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ แล้วความจริงควรรอเหตุผลของพรรคก่อน ที่ใช้คำว่านักรบห้องแอร์กล่าวหาคนในพรรคนั้น ยืนยันว่าทุกคนช่วยกันทำงาน มีแต่ละฝ่ายแต่ละด้านอยู่แล้ว พรรคเพื่อไทยเป็นองคาพยพใหญ่ อย่าไปมองว่าพรรคไปกลั่นแกล้ง ยืนยันพรรคไม่มีพวกตามที่นายศรัณย์วุฒิอ้าง สำหรับ 7 ส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรค เบื้องต้นจะแจ้งให้กรรมการบริหารพรรครับทราบก่อน จากนั้นจะเรียกประชุมส.ส. กับกรรมการบริหารพรรคต่อไป ภายในเดือนต.ค.นี้คงมีนัดหมายกันอีกครั้ง
เจ้าตัวลั่นไม่คิดซบเผด็จการ
ด้านนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์พรรคเพื่อไทย แถลงว่า ยังคงรักพรรคเพื่อไทย และเคารพในตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยืนยันว่าไม่เคยได้รับกล้วยจากใคร ขอท้าให้มีอันเป็นไป แต่ถ้าตนไม่ได้รับขอให้คนพูดมีอันเป็นไปแทน วันนี้ยังไม่มีแนวคิดว่าจะย้ายไปไหน ไปถามประชาชนชาวอุตรดิตถ์ให้ช่วยตัดสินใจอนาคตทางการเมือง หากถูกพรรคเพื่อไทยขับออก มี 2 ทาง คือ 1.ลาออกจากทุกตำแหน่ง แล้วหายไปจากการเมืองไทย หรือ 2.ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับประชาชน ด้วยการเอาชนะเผด็จการ ปรากฏว่าชาวอุตรดิตถ์บอกให้ตนสู้ต่อ ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะไล่ หรือขับออก ถ้าไร้อุดมการณ์ก็ไม่อยู่ด้วยแน่นอน เมื่อถามว่า จะย้ายไปอยู่พรรคพลังประชารัฐตามข่าวหรือไม่ นายศรัณย์วุฒิตอบว่า รอให้น้ำท่วมหลังเป็ดก่อนดีกว่า แค่คิดก็ตลกแล้ว ต่อสู้มาขนาดนี้ จะตอบประชาชนอย่างไรถ้าไปอยู่กับเผด็จการ ฝากทีมปีศาจในห้องแอร์ด้วยว่า ถ้าจะตีต้องตีไปที่ตัวนายกฯ ไม่ใช่ตีพรรคร่วม
“ชัยยันต์” โวยพรรคแถลงให้ร้าย
นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีถูกคณะกรรมการจริยธรรมพรรคเพื่อไทย ภาคทัณฑ์จากการไม่โหวตในทิศทางเดียวกับพรรคว่า การให้ข่าวของพรรคเพื่อไทยทำให้ตนเสียหาย ระบุในทำนองว่าโหวตสวนมติพรรค ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือป่วย เข้าโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 3ก.ย. จากการตรวจพบว่ามีแผลในสมอง เส้นเลือดในสมองตีบ แพทย์เกรงว่าหากให้ไปลงมติอาจน็อกได้ จึงให้นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และนำรายงานทางการแพทย์หลักฐานที่ยืนยันอาการป่วย ไปชี้แจงต่อพรรคแล้ว เมื่อผลออกมาพรรคไม่ได้ชี้แจงเหตุผลให้ตน ทำให้ในพื้นที่ได้รับผลกระทบ มีชาวบ้านมาถาม การออกข้อห้าม ส.ส.ในวันลงมติไม่ไว้วางใจห้ามป่วย ห้ามลานั้น ถือว่าขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนหรือไม่ ฝ่าฝืนจริยธรรมทางการเมืองหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าบทลงโทษหลังจากนี้จะออกมาอย่างไรพร้อมยอมรับ
“พิชัย” สอน “บิ๊กตู่” ต้องเข้าใจ ศก.
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า สภาวการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ถือว่าน่าเป็นห่วงมาก มองไปทางไหนเจอแต่ปัญหาความแตกแยกในพลังประชารัฐที่รอวันแตกตามที่เคยเตือนไว้ แม้จะพยายามสร้างภาพว่ายังรักกัน แต่น่าจะประสานยาก พล.อ.ประยุทธ์ปลดคนออกจาก ครม.ได้ แต่ปลดออกจากพรรคไม่ได้แล้วจะอยู่กันได้อย่างไร การควบคุมการระบาดของไวรัสน่าจะบรรเทาได้ชั่วคราว แต่มีโอกาสปะทุครั้งใหม่ เพราะวัคซีนคุณภาพยังมีไม่เพียงพอ ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดสุดท้ายสะท้อนมาที่ปัญหาเศรษฐกิจที่ทรุดหนักอีก และยังไม่มีแนวทางที่ พล.อ.ประยุทธ์จะแก้ไขได้ อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์เข้าใจปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อนำไปศึกษาและหาทางแก้ไข เพราะถ้ายังไม่รู้ปัญหาและยังไม่ทราบสาเหตุของปัญหา คิดได้เพียงแต่จะแก้ตัว จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
ฝ่ายค้านย้ำแผลหลังศึกซักฟอก
ขณะที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้าน เป็นประธานประชุมแกนนำ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อเตรียมยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 และยื่นคำร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดรัฐมนตรีหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีแกนนำพรรคฝ่ายค้านเข้าร่วม อาทิ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย นายสมพงษ์แถลงหลังการประชุมว่า ที่ประชุมให้แต่ละพรรคกลับไปเตรียมเรื่องที่จะร้อง ป.ป.ช. มาให้ฝ่ายค้านร่วมเซ็นชื่อ วันที่ 29 ก.ย.จะหารือสรุปคำร้องอีกครั้ง
เพื่อไทยชง ป.ป.ช.สอย 8 ปม
นายประเสริฐกล่าวว่า ที่จะยื่นให้ ป.ป.ช.มี 8 เรื่อง เป็นเรื่องเกี่ยวกับโควิด 6 เรื่อง การระบาย สต๊อกยางพารา 1 เรื่อง และสัมปทานดาวเทียมของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) 1 เรื่อง และจะยื่นกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) ตรวจสอบ 1 เรื่อง คือ เรื่องแจกเงิน 5 ล้านบาทในสภาฯ คนที่จะถูกยื่น ประกอบด้วย นายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส
จับพิรุธซื้อซิโนเเวคลอตใหม่
นายประเสริฐกล่าวอีกว่า เรื่องที่ยื่นส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่นายกฯไม่สามารถชี้แจงได้ เช่น เรื่องเงินทอนจากการซื้อวัคซีนซิโนแวคกว่า 2 พันล้านบาท ไม่สามารถตอบได้ว่าไปอยู่ตรงไหน และวันที่ 7 ก.ย. ทราบว่า ครม.เพิ่งอนุมัติจัดซื้อซิโนแวคอีก 12 ล้านโดส ในราคา 10.80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ถ้าไม่มีการอภิปรายไว้วางใจอาจยังคงจัดซื้อวัคซีนที่ 17 ดอลลาร์สหรัฐฯอยู่ก็ได้ ทั้งที่หน่วยงานอื่นคัดค้านการซื้อแล้วให้จัดหาวัคซีนประสิทธิภาพสูงกว่า ประเด็นนี้ต้องสืบหาข้อเท็จจริง และยื่นต่อ ป.ป.ช.อีก ส่วนพิจารณายื่นอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 กำลังพิจารณากันอยู่ แต่ไม่รู้ว่ารัฐบาลอยู่ถึงหรือเปล่า
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีแจกกล้วยในสภาฯต้องยื่นให้ กมธ.ป.ป.ช.สอบก่อน เพราะ กมธ.ชุดนี้มีหน้าที่ และอำนาจแสวงหาข้อเท็จจริง เมื่อได้ข้อสรุปจึงยื่นต่อ ป.ป.ช.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 234 เราต้องการหาหลักฐานมัดให้แน่นที่สุด
“ระวี” ล่าชื่อเกินเป้ายื่นศาล รธน.
นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ แถลงว่า ความคืบหน้าการรวบรวมรายชื่อสมาชิกรัฐสภา เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่า รวบรวมรายชื่อ ส.ส.ได้เกินครึ่งแล้ว คาดว่าจะยื่นร้องได้ภายในวันที่ 17 ก.ย. เนื้อหาที่ยื่นได้แก่ 1.การแก้ไขที่เกินกว่าหลักการที่รับร่างฯมาในวาระแรก 2.แก้เจตนารมณ์สำคัญของรัฐธรรมนูญปี 2560 ทำลายระบบจัดสรรปันส่วนผสม ทำลายระบบ ส.ส.พึงมี ทำลายคะแนนเสียงตกน้ำ 3.กระบวนการแก้ไขทำในลักษณะลุกลี้ลุกลน เห็นได้จากวาระ 2 ญัตติเสนอสภาฯของ กมธ. มีประมาณ 9 หน้ากระดาษ พิจารณาจริงกลับตัดออก 4-5 มาตรา โดยที่ไม่ขอถอนร่างเดิมออกก่อน รวมทั้งเอกสารวาระ 2 ในหลักการเขียนถึง ส.ส. 400 คน แต่เนื้อหาเขียน 500 คน ลุกลี้ลุกลนทำลวกๆ นายกฯ ต้องตรวจสอบด้วยว่ายังเหมาะสมหรือไม่ที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ
ประกาศใช้ พ.ร.บ.ประชามติ
วันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ให้ประกาศว่าโดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ โดยการออกเสียงตาม พ.ร.บ.มีดังต่อไปนี้ การออกเสียงเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ การออกเสียงกรณีเมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นว่ามีเหตุอันสมควร การออกเสียงตามที่กฎหมายกำหนด การออกเสียงกรณีที่รัฐสภาได้พิจารณาและมีมติเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีเหตุสมควรให้มีการออกเสียง และได้แจ้งเรื่องให้ ครม.ดำเนินการ การออกเสียงกรณีประชาชนเข้าชื่อเสนอต่อ ครม. เพื่อให้ความเห็นชอบในการออกเสียงตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด สำหรับการออกเสียงในเรื่องที่มีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนจะกระทำมิได้ ทั้งนี้ การออกเสียงที่จะถือว่ามีข้อยุติในเรื่องที่จัดทำประชามติ ต้องมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง และมีจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียง
2 ป.ลุยตรวจน้ำท่วมชัยนาท
ช่วงบ่ายที่ พล.ม.2 รอ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ ลงพื้นที่ จ.ชัยนาท ตรวจสถานการณ์น้ำท่วม และปริมาณน้ำในเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อวางแผนรับมือน้ำเหนือหลากป้องกันพื้นที่เจ้าพระยาตอนล่าง พร้อมประชุมรับฟังรายงานสถานการณ์น้ำ ที่สำนักงานชลประทานที่ 12 เขื่อนเจ้าพระยา มีนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร นายสมบูรณ์ ศิริเวช ผวจ.ชัยนาท และผู้แทนหน่วยงานเข้าร่วม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมนายกฯกำชับให้ส่วนราชการ และ ส.ส.ในพื้นที่นำประสบการณ์ข้อมูลเดิมมาบริหารจัดการเตรียมแผนให้พร้อม เน้นกำจัดสิ่งกีดขวางเปิดทางน้ำระบายอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ให้กระทบต่อพื้นที่เศรษฐกิจ และวางแผนกักเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตรในฤดูแล้ง ทั้งนี้ นายกฯตั้งใจจะลงพื้นที่น้ำท่วมให้ครบทุกพื้นที่
สั่ง ป.ป.ช.เปิดผลสอบนาฬิกาหรู
วันเดียวกัน ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาคดี ที่ผู้สื่อข่าว The MATTER ยื่นฟ้อง ป.ป.ช. กรณีไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญปี 2560 และ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ ให้ ป.ป.ช.เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร จำนวน 2 รายการ ที่เกี่ยวข้องกับคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สมัยเป็นรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล คสช. ประกอบด้วย 1.รายงานสรุปผลการแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งคณะทำงานรวบรวมเสนอต่อที่ประชุม ป.ป.ช. ในวันที่มีมติเกี่ยวกับคดีนี้ รวมถึงเอกสารอื่นๆที่เกี่ยวข้อง และ 2.คำชี้แจงของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ยื่น ต่อ ป.ป.ช. ในคดีนี้รวม 4 ครั้ง ทั้งนี้ให้ปกปิดข้อมูลที่มีลักษณะเฉพาะของบุคคล และให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าวภายใน 15 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด ซึ่ง ป.ป.ช.มีมติไม่รับคดีนี้ไว้ไต่สวนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.2561
ศาลชี้เพื่อคืนศรัทธาให้องค์กร
ทั้งนี้ ศาลให้เหตุผลว่า การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนี้จะแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส และตรวจสอบได้ อันจะก่อให้เกิดความน่าเชื่อถือและศรัทธาในการปฏิบัติงานของ ป.ป.ช. อีกทั้งผู้สื่อข่าวสำนักข่าวออนไลน์ The MATTER ผู้ฟ้องคดีสมควรได้รับความคุ้มครองสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ซึ่งอยู่ในความครอบครองของหน่วยงานรัฐ เป็นหน้าที่ของรัฐต้องเปิดเผย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 41 และมาตรา 59 เพื่อเปิดโอกาสให้มีการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการต่างๆของรัฐ เป็นสิ่งจำเป็นในระบอบประชาธิปไตยตามหลักการและเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ และเพื่อให้มีการตรวจสอบความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ของ ป.ป.ช.ให้สิ้นสงสัย อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติหน้าที่ และการใช้อำนาจ ที่ต้องเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติทั้งปวงในการใช้ดุลพินิจ