"รมว.วราวุธ" ย้ำ พล.อ.ประวิตร-พล.อ.ประยุทธ์ คุยกันแฮปปี้ ทุกอย่างปกติดี เผย ยังไร้ส่งสัญญาณเลือกตั้งหรือยุบสภา เหลือเวลารัฐบาลทำงานครบวาระ

เมื่อเวลา 08.15 น. วันที่ 14 ก.ย. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงการพูดคุยระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งตอนนั้นอยู่ด้วยว่า "บรรยากาศแฮปปี้ จากที่ได้คุยกับผู้ใหญ่ทั้ง 2 ท่าน ทุกอย่างปกติดี ไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคาดคิด ท่านยังคุยเรื่องการทำงานปกติ ไม่มีอะไรอย่างที่เป็นข่าว"
ส่วนขณะนี้มีสัญญาณอะไรบ่งชี้หรือไม่ที่จะมีการเลือกตั้งในเร็วๆ นี้ หลังจากที่รัฐธรรมนูญผ่านความเห็นชอบ นายวราวุธ กล่าวว่า สัญญาณที่สำคัญคือปัญหาประเทศยังมีอีกมาก การเลือกตั้งจะมีเมื่อไหร่หรือจะยุบสภาเมื่อไหร่ เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีจะเป็นคนตัดสินใจ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลและรัฐมนตรีคิดว่าปัญหาสำคัญคือการแก้ปัญหาของประเทศก่อน เรื่องการเมืองเดี๋ยวก็จะรู้เอง ซึ่งนายกฯ ไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร ท่านยืนยันว่าจากนี้ไปให้ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน นับเวลาก็เหลือเวลาปีกว่าๆ ที่จะครบวาระรัฐบาล

เมื่อถามว่ามองบรรยากาศทางเมืองอย่างไรทั้งเรื่องการชุมนุมและปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ภายในรัฐบาล นายวราวุธ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะทุกรัฐบาลก็มีลักษณะแตกต่างกันไป บางครั้งเราเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากที่มีเสียงเยอะก็จะเกิดปัญหาภายในพรรคร่วมกันเอง บางครั้งมีปัญหา เช่น วิกฤติเศรษฐกิจ เรื่องโควิด-19 และการชุมนุมต่างๆ ล้วนแล้วเป็นแต่ละช่วงเวลาที่แต่รัฐบาลจะต้องเผชิญหน้ากันไป ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่และไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไร แต่ก็ต้องขอชมนายกรัฐมนตรีและเป็นกำลังใจให้ ที่ได้แก้ไขสถานการณ์เคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกกระทรวงมาตลอด ที่ไม่ใช่แค่เรื่องม็อบหรือเรื่องเศรษฐกิจ แต่รวมทั้งปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งและอีกหลายๆ อย่างที่ประดังประเดเข้ามา ซึ่งเป็นหน้าที่ที่รัฐมนตรีทุกคนต้องเร่งทำงาน

...

ทั้งนี้ ในส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยที่ว่างลง 2 ตำแหน่ง คิดว่ากระทบกับการทำงานในรัฐบาลถึงขั้นจำเป็นต้องปรับ ครม.หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ที่จะมานั่งคิด เป็นหน้าที่ที่นายกรัฐมนตรีต้องพิจารณา และทุกคนต้องให้สิทธิ์นายกฯ ตัดสินใจและพิจารณา เพราะเมื่อถึงเวลานายกฯ เป็นผู้เสนอขึ้นทูลเกล้าฯ หรือจะไม่เสนอ แต่ในขณะนี้ส่วนตัวคิดว่าเมื่อมีกันอยู่เท่าไหร่ก็ทำงานเท่าที่มี และนายกฯ เองก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องนี้ และถ้าหากมีก็เป็นสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐ และถ้าจะมีการปรับ ครม.จริงๆ ก็คงต้องมีการมาพูดคุยกัน