“อนุทิน” หวั่นกระทบความสัมพันธ์จีน หลังสมาชิกอภิปรายทางลบวัคซีนซิโนแวค ลั่น จนถึงสิ้นปีคนไทยวัคซีนเต็มแขนแน่ ไม่ได้ผิดคำพูด สิ้นเดือน ก.ย. เริ่มฉีดบูสเตอร์โดส ปีหน้าสั่งเพิ่มอีกเพียบ
เวลา 20.57 น. วันที่ 31 ส.ค. 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลุกขึ้นชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเป็นรายบุคคล ว่า ความตั้งใจแรกจะชี้แจงในวันสุดท้ายเพื่อตอบให้ครบถ้วน แต่ที่ต้องชี้แจงเพราะเกรงว่าการใส่ร้ายในวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) ของสมาชิกหลายคนอาจจะทำความตื่นตระหนก ความสับสนและวิตกกังวลให้กับประชาชน เพราะมากกว่า 3 ล้านคนได้รับวัคซีนซิโนแวค ขอยืนยันอีกครั้งว่าซิโนแวคเป็นวัคซีนที่ดี มีมาตรฐาน มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล แต่เมื่อมีการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์เดลตา ประสิทธิผลของการป้องกันการติดเชื้อก็อาจจะลดลงไปบ้าง แต่ก็เป็นทุกยี่ห้อในโลกก็ลดประสิทธิผลเช่นกัน และซิโนแวคเข้ามาในไทย มีการระบาดของสายพันธุ์อัลฟา คือช่วงสิ้นปี 2563 จนถึงปลาย พ.ค. 2564
วัคซีนซิโนแวคอยู่ในแผนการจัดซื้อของรัฐบาลไทยอยู่แล้ว เพียงแต่จะจัดซื้อเท่าไรเมื่อเทียบกับแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) และวัคซีนอื่นๆ จะบริหารจัดการอย่างไร เพราะปีที่แล้วเรายังสามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ดี ไม่มีการติดเชื้อมาเกือบครึ่งปี จนช่วงสิ้นปี 2563 เกิดการระบาดที่สมุทรสาคร และจังหวัดใกล้เคียงรวมถึงกรุงเทพมหานคร กรมควบคุมโรค จึงเร่งเจรจากับผู้ผลิตวัคซีน
“สรุปสั้นๆ คือ ซิโนแวคเป็นวัคซีนที่สามารถส่งให้เราได้เร็วที่สุด การเจรจาเริ่มตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค. 2563 ก่อนปีใหม่ คำว่าเร็วที่สุดของซิโนแวคในขณะนั้นคือ ส่งได้ประมาณปลาย ก.พ. 2564 แล้วก็มีอยู่เพียง 2 ล้านโดสเท่านั้น”
...
ทั้งนี้ ด้วยความร่วมมือที่ดีพวกเราก็ขอการประสานงานผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ท่านทูตใหญ่ช่วยประสานงานให้ได้คุยกับผู้บริหารของผู้ผลิตวัคซีนซิโนแวค นอกจากนั้นประสานต่อไปยังรัฐบาลกลางของจีนด้วย เพราะวัคซีนของจีนจะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลกลางของเขาก่อนที่จะทำการส่งออกไป ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการจำหน่ายหรือการบริจาค และที่สุดด้วยความสัมพันธ์ที่ดี บ้านพี่เมืองน้อง ไทย-จีนใช่อื่นไกล จึงมีความจำเป็นมาก เพราะการพูดถึงซิโนแวคก็เปรียบเสมือนพูดถึงประเทศจีน
“จะบอกว่าของพี่ของน้องเราไม่ดี เป็นเซิ่นเจิ้น ด้อยค่า เกรด D ไม่ได้หรอก พวกเราทุกคน หลายคนในที่นี้ที่อายุต่ำกว่า 60 ปี ก็มีวัคซีนซิโนแวคอยู่ในร่างกายของเราทั้งนั้น ผมก็เชื่อว่าที่เรายังไม่มีอาการรุนแรง มีบางคนติดเชื้อแต่ก็ไม่แสดงอาการ ก็เพราะอานิสงส์ของการมีวัคซีนซิโนแวคอยู่ในร่างกาย”
ส่วนเรื่องของราคาที่บอกว่าซื้อแพงมาตั้ง 17 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อโดส เป็นการซื้อครั้งแรกเพียง 2 ล้านโดส เพื่อนำมาใช้ในกรณีฉุกเฉิน จริงๆ เขาเปิดราคาสูงกว่านี้ แต่ด้วยการประสานของกระทรวงสาธารณสุขผ่านสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย จึงได้ราคานี้ ลอตแรกที่ได้มาก็เร่งฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ตามหลักการป้องกันโรคระบาดตั้งแต่ 28 ก.พ. 2564 ต่อมา มี.ค. ส่งมาอีก 8 แสนโดส และ 1 ล้านโดสในเดือน เม.ย. โดยกรมควบคุมโรค กำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อให้กลุ่มเสี่ยงต่างๆ ได้รับการฉีด ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและแพร่เชื้อ จนเมื่อการระบาดระลอก 3 คลัสเตอร์ทองหล่อ คลัสเตอร์บ่อนการพนัน ช่วงนั้นเราทราบดีว่าวัคซีนแอสตราเซเนกาในสัญญาเราที่เซ็น อย่างไรก็ส่งเดือน มิ.ย. จึงมีช่องหว่างช่วง เม.ย. - มิ.ย. แล้วการระบาดก็เพิ่มมากขึ้น กรมควบคุมโรคจึงตัดสินใจซื้อซิโนแวคเพิ่ม จนถึงปัจจุบัน ราคาก็ลดหลั่นกันลงมาด้วยหลายๆ ปัจจัย ปัจจุบันซื้ออยู่ที่ 8.9 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อโดส
เรื่องราคากับความปลอดภัยของประชาชนมันเทียบกันไม่ได้ ถ้าแพงกว่านี้แล้วมีความจำเป็นต้องใช้ ก็ต้องจัดซื้อจัดหาจนได้ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พูดในช่วงนั้นว่าเรื่องวัคซีนถ้ามาถึงก่อน มีความจำเป็นก็บอกมา พร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทุกคนก็ให้การสนับสนุนอนุมัติการซื้อวัคซีน และทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานความซื่อสัตย์สุจริตของการจัดซื้ออย่างโปร่งใส นำเข้ามาโดยองค์การเภสัชกรรม เพราะซิโนแวคไม่มีตัวแทนในประเทศไทย จึงแต่งตั้งองค์การเภสัชกรรมเป็นตัวแทนมาขอขึ้นทะเบียน และซิโนแวคยังเป็นตัวเริ่มที่ทำให้คนไทยหลายคนเริ่มผลิตภูมิคุ้มกันในร่างกายโดย ลอตแรกๆ ฉีดให้กับบุคลากรการแพทย์ด่านหน้า เมื่อมีการติดเชื้อก็พบว่าไม่มีอาการหนัก ไม่มีผู้เสียชีวิต และซิโนแวคทำให้กรมควบคุมโรคสามารถประคองสถานการณ์โควิดต่อเนื่องจนถึงวันที่แอสตราเซเนกามาถึง
นายอนุทิน ชี้แจง นายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย หลังการอภิปรายถึงการฉีดวัคซีนไขว้ ไม่ใช่ฟลุก คณะกรรมการวิชาการทางการแพทย์คิดมานานแล้ว แต่กระทรวงสาธารณสุขขอให้ชะลอไว้ก่อน เพราะต้องการให้เกิดความมั่นใจให้มากที่สุด จะฉีดแบบไหน ต้องผ่านคณะกรรมการวิชาการ คณะกรรมการโรคติดต่อ คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ และรายงานไปยังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ก่อนจะฉีดให้ประชาชนต้องปลอดภัยถึงที่สุด สำหรับประเทศไทยเรายึดมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นหลัก ถ้าอนุมัติก็แสดงว่านำไปใช้ได้
ส่วนข้อแนะนำว่าให้เร่งหาวัคซีน mRNA คือ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา นั้น รัฐบาลจัดหาไฟเซอร์แล้ว 30 ล้านโดส และปี 2656 ยังได้ออกจดหมายแสดงเจตจำนงให้กับไฟเซอร์อีก 50 ล้านโดส ส่วนโมเดอร์นา วัคซีนทางเลือก ให้องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้แทนของภาคเอกชนและสภากาชาดไทย สั่งแล้ว 5 ล้านโดสและกำลังจะสั่งซื้อเพิ่มอีก เพราะฉะนั้น ประเทศไทยวันนี้มีครบทุกแซ่ ทุกตระกูล ส่วนโปรตีนซับยูนิตอยู่ในระหว่างการทดลอง ขณะที่จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson & Johnson) ติดปัญหาภายในของเขาจึงขอหยุดการเจรจาในช่วงนี้ไว้ระยะหนึ่งก่อน เป็นการชี้ชัดว่าไทยไม่ได้ขาดวัคซีน ภายในสิ้นปีนี้จะมีวัคซีน 140 ล้านโดส 90% ของจำนวนประชากร ถ้ามีวัคซีนไขว้ยิ่งดีเพราะฉีดห่างกันแค่ 3 สัปดาห์
สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคไปแล้ว 2 เข็ม ก็ไม่ต้องกังวล สิ้นเดือนนี้ได้ฉีดบูสเตอร์โดส จะเป็นแอสตราเซเนกาหรือไฟเซอร์แน่นอน นี่คือวิธีที่รัฐบาลไม่เคยทอดทิ้ง รัฐบาลมีความต้องการให้พี่น้องประชาชนมีภูมิต้านทาน มีความปลอดภัยจากโควิด และเมื่อได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 ภูมิต้านทานเพิ่มขึ้นมากกว่าฉีดของเขาทั้ง 2 เข็ม ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย ไม่ใช่ฟลุก มีผลการศึกษาออกมาอย่างชัดเจน และเป็นที่ยอมรับของประเทศอื่นๆ ทั่วโลกด้วย WHO ก็ยอมรับ
ปีหน้านายกรัฐมนตรีอนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขคอนเฟิร์มวัคซีนแอสตราเซเนกาอีก 60 ล้านโดส อย่าเพิ่งบอกว่าน้อยหรือมาก เพราะปีหน้าวัคซีนที่จะนำมาฉีดอาจจะเป็นเพียงบูสเตอร์โดส คงไม่ต้องมาฉีด 2 เข็มแบบนี้อีก จะฉีดบูสต์ไปเรื่อยๆ การศึกษาหาบทสรุปของสรรพคุณวัคซีนก็จะมีเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้คนไทยไม่ต้องกังวลแล้วว่าปีหน้าเราจะขาดวัคซีน เพราะเราออก Letter of Interest ให้ไฟเซอร์ 50 ล้าน โมเดอร์นา 30 ล้าน และแอสตราเซเนกายังคงใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตต่อไป
“เพราะฉะนั้นความมั่นคงทางวัคซีน การเข้าถึงวัคซีน คนไทยทุกคนจะมีวัคซีนเต็มแขน เพราะทุกวันนี้ก็ 30 กว่าล้านโดสแล้ว จะไม่มีเต็มแขนได้ไง ผมก็พูดมาแล้วว่าตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป วันนี้ก็ยังอยู่ในไตรมาส 3 ไปจนสิ้นปี ถ้าคนไทยทุกคนได้รับวัคซีนครบ 120 ล้านโดส ก็เต็มแขน ผมไม่ได้ผิดคำพูดตรงไหนเลย ปีหน้าก็ยังจะมีวัคซีนมาบูสต์ให้พวกเราทุกคนได้ครบและมีความปลอดภัย มีภูมิต้านทาน กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติให้มากที่สุด ใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง DMHTT ยังคงใช้ต่อไป เพราะฉะนั้น ประเทศไทยก็น่าจะก้าวพ้นจากภาวะวิกฤตินี้ออกไปได้ด้วยดี”
อย่างไรก็ตาม นายอนุทิน ยังได้ชี้แจงเพิ่มเติมในเรื่องของ Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องต้องมีการรับรองโดย WHO ในที่ประชุม ครม. ยืนยันว่าตรวจสอบแล้วไม่มีการพูดเรื่องนี้ โดยเจ้าตัวชี้แจงเสร็จในเวลา 21.27 น.