วิปสภาฯเคาะเปิดเวทีซักฟอก 4 วัน ไฟเขียวฝ่ายค้านพ่นไฟใส่รัฐบาล 40 ชั่วโมง “ประเสริฐ” โวจะฉายภาพรัฐบาลโอหังคลั่งอำนาจ บริหารประเทศโดยประมาท พท.ตีปี๊บโหมแคมเปญไล่ “ประยุทธ์” ปลุกประชาชนลงชื่อไม่ไว้วางใจนอกสภา ชวนใส่ชุดดำ-ผูกริบบิ้นดำที่รถ-เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ แสดงพลังไม่เอานายกฯตู่ ลูกหาบรัฐบาลชักแถวเย้ยยุคตกต่ำเล่นนอกกติกา พรรคเล็กดิ้นสู้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความล้มแก้ รธน. “โกวิทย์” เฉ่งพรรคใหญ่สมคบคิดฮั้วเพื่อตัวเอง “บิ๊กตู่” ขอโทษคนในตั้งเลขาฯ สมช.ข้ามห้วย กองทัพเรือโล่งอก “บิ๊กโต้ง” นั่ง ผบ.ทร. ส่วน “บิ๊กป้อง” ลงตัวคุมทัพฟ้า

คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ได้ข้อสรุปกำหนดวันเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.ถึง 3 ก.ย. นัดโหวตลงมติวันที่ 4 ก.ย. ภาพรวมพรรคฝ่ายค้านได้เวลาซักฟอกนาน 40 ชั่วโมง

วิปสภาฯให้ซักฟอกหนำใจ 4 วัน

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 ส.ค. ที่รัฐสภา นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร หารือกำหนดกรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จากนั้นน.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะตัวแทนวิปรัฐบาล แถลงว่าที่ประชุมมีมติกำหนดระยะเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 31 ส.ค.-3 ก.ย.และลงมติในวันที่ 4 ก.ย.ระหว่างวันที่ 31 ส.ค.-2 ก.ย.จะเริ่มประชุมเวลา 09.00-00.30 น. ส่วนวันที่ 3 ก.ย. จะเริ่มประชุมเวลา 09.00-21.00 น. และวันที่ 4 ก.ย. จะเริ่มลงมติเวลา 10.00 น. โดยกรอบเวลาทั้งหมดในการอภิปรายใช้เวลา 58 ชั่วโมง 30 นาที แบ่งเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน 40 ชั่วโมง และพรรคร่วมรัฐบาลและ ครม. 18 ชั่วโมง 30 นาที ขณะที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)แจ้งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบการเลื่อนวันประชุม ครม.จากวันอังคารที่ 31 ส.ค.ไปเป็นวันจันทร์ที่ 30 ส.ค.

...

พท.โวฉายภาพโอหังคลั่งอำนาจ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การอภิปรายฯครั้งนี้จะทำให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่โอหังคลั่งอำนาจ ที่บรรจุข้อกล่าวหานี้ไว้ในญัตติ ก่อนหน้านี้รัฐบาลมั่นใจจะควบคุมสถานการณ์โควิดได้จึงบริหารงานด้วยความประมาท ไม่สนใจต่อคำแนะนำหรือตักเตือนของ ส.ส. นายกฯรวบอำนาจการแก้ไขสถานการณ์ที่ตัวเอง ไม่กระจายอำนาจไปให้หน่วยงานที่ชำนาญร่วมคิดช่วยแก้ไขปัญหา รวมถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข พูดต่อสภาฯว่าไตรมาสที่ 3 คนไทยจะมีวัคซีนเต็มแขน เห็นชัดว่าไม่เป็นความจริง กระบวนการจัดซื้อวัคซีนถูกครหาอย่างมากเรื่องคุณภาพและราคาไม่สมเหตุผล พรรคฝ่ายค้านทนเห็นรัฐบาลชุดนี้บริหารจัดการแก้ไขสถานการณ์โควิดล้มเหลวต่อไปไม่ได้ มั่นใจว่าการอภิปรายฯครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลแน่นอน และขอให้ประชาชนร่วมกันลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์ นอกสภา ไปพร้อมกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา

ปลุก ปชช.โชว์พลังไล่ “บิ๊กตู่”

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากพรรคเพื่อไทยเปิดแคมเปญ “ลงมติประชาชน รวมพลไล่ประยุทธ์” ผ่าน https://www.change.org/prayutgetout ชวนให้ประชาชนที่ไม่ทนกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ร่วมลงชื่อเพื่อแสดงพลังคนไทยทั่วประเทศขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์คู่ขนานไปกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียง 24 ชั่วโมง มีผู้ลงชื่อร่วม 20,000 คนแล้ว แสดงว่าประชาชนทั่วประเทศไม่อาจรับได้กับการมีอยู่ของนายกฯคนนี้อีกต่อไป แคมเปญนี้ผู้บริหารพรรคเพื่อไทย ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ตั้งใจจะแสดงให้เห็นว่าทุกเสียงของประชาชนมีความหมาย เป็นการแสดงออกร่วมยืนหยัดตรวจสอบซักฟอกร่วมกันเช็กบิลรัฐบาลที่โอหัง คลั่งอำนาจ ไร้ภูมิปัญญา

ชวนแต่งชุดดำ–ผูกริบบิ้นดำที่รถ

“จากนี้ไปจะรณรงค์เชิญชวนประชาชนมาร่วมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์หลากหลายกิจกรรมเช่น แต่งกายชุดดำ ผูกริบบิ้นสีดำที่รถที่ใช้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ด้วยเฟรม “ไล่ประยุทธ์” ในโซเชียลมีเดียของ ส.ส. ผู้สมัครส.ก.และสมาชิกพรรค รวมทั้งขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์แคมเปญที่ที่ทำการพรรคเพื่อไทยสะท้อนพลังทางสังคมที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี” น.ส.อรุณีกล่าวและว่าคนฝั่งรัฐบาลบอกว่าแคมเปญลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เหมาะสม รัฐบาลอยู่ได้เพราะความเชื่อมั่นและความศรัทธาประชาชน ยิ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่รับฟังเสียงประชาชน แม้ท่องไว้ในใจเสมอว่าตนเองมาจากการเลือกตั้ง แต่เนื้อแท้ไม่มีความเป็นประชาธิปไตยในหัวใจ

ลูกหาบ รบ.ฉะตกต่ำเล่นนอกกติกา

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงพรรคเพื่อไทยเชิญชวนประชาชนร่วมโหวตลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ต้องทบทวนให้ดีว่าเหมาะสมหรือไม่ การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลควรเป็นเรื่องในที่ประชุมสภาไม่ควรขยายผลออกไปนอกสภา หากมั่นใจว่ามีข้อมูลเพียงพอ ยังยื่นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อตามขั้นตอนได้อีก อยากให้อภิปรายด้วยเหตุและผล ไม่ใช่ใช้เป็นเวทีสาดโคลนใส่กัน

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีทุกกระทรวงจะตั้งวอร์รูมนอกสภา หาข้อมูลสนับสนุนและพิทักษ์ปกป้องนายกฯและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายฯ มีนักกฎหมายเตรียมดำเนินคดีส.ส.ฝ่ายค้านที่บิดเบือนใส่ร้ายป้ายสีใช้หลักฐานเท็จและจัดทีมแถลงตอบโต้ ส่วนพรรคเพื่อไทยยุคตกต่ำที่สุด ผุดแคมเปญชวนประชาชนลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ เล่นการเมืองแบบป่าเถื่อนนอกสภา ไม่ยอมยึดกติกาในสภา ถือเลวร้ายใจอำมหิตไม่เคยพบเห็น ไม่ต่างอะไรกับหมาบ้าเที่ยวไล่งับไล่กัดชาวบ้านไปทั่ว

“อมรัตน์” มอบถุงดำ “ลุงตู่” ไปใช้เอง

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภามีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระได้เปิดให้สมาชิกหารือถึงปัญหาต่างๆ โดยนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หารือว่ายุควิกฤติผู้นำมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นไม่เว้นวัน ล่าสุดสิ่งน่าสะเทือนใจคนไทยมากสุดคือคลิป ผกก.ใช้ถุงพลาสติกคลุมหัว ซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดรีดทรัพย์ เกิดขึ้นได้อย่างไร การปฏิรูปองค์กรตำรวจที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2560 ถึงไหนแล้ว และนายกฯในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะรับผิดชอบเหตุการณ์นี้อย่างไร เมื่อการปฏิรูปตำรวจไม่เกิดขึ้น ทำให้มีการซื้อขายตำแหน่งโยกย้าย วิ่งเต้น จากนั้น น.ส.อมรัตน์ได้ชูถุงดำขึ้นมา พร้อมบอกว่า “แด่ความโง่ โอหัง ปล่อยปละละเลย และฟ้องร้องดำเนินการกับคนตัวเล็กตัวน้อย ในฐานะเป็นตัวแทนประชาชนขอมอบถุงดำนี้ให้นายกฯไปพิจารณาว่าจะไปใช้กับตัวเองอย่างไรบ้าง”

กก.ไม่ยื่นศาล รธน.ตีความแก้ รธน.

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 ที่ผ่านวาระ 2 แล้วว่าพรรคก้าวไกลทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากรอพิจารณาวาระ 3 พรรค ไม่เคยบอกว่าจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ไม่ได้มีแนวทางนี้ แต่พรรคภูมิใจไทยเคยพูดไว้ เมื่อนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้ยื่นญัตติด่วนขอให้รัฐสภาวินิจฉัยตีความข้อบังคับการประชุมรัฐสภาจบไปแล้ว ส่วนการโหวตวาระ 3 ต้องประชุมส.ส.อีกครั้งก่อนวันโหวตว่าจะมีแนวทางอย่างไร

พรรคเล็กฉะพรรคใหญ่สมคบคิด

นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญมีแนวโน้มส่งสัญญาณการสมคบคิดแก้ไขเพื่อประโยชน์ของพรรคใหญ่ มีบางอย่างส่งสัญญาณหรือมีวาระซ่อนเร้นไม่โปร่งใสนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองในอนาคต เหมือนรัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 ต้นเหตุความขัดแย้งทางการเมืองนำไปสู่การรัฐประหารและมีแนวโน้มเกิดขึ้นได้อีก การเพิ่ม ส.ส.เขตและลดส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคทุนหนาได้ประโยชน์พรรคเล็กไม่มีโอกาส จะเกิดระบบเผด็จการรัฐสภา พรรคเล็กจะสูญพันธุ์ ถ้าใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะมีเพียง 1-2 พรรค ได้เสียงข้างมาก ไม่มีการถ่วงดุลจากพรรคกลางและพรรคเล็ก ขอให้พิจารณาลงมติวาระสามให้ดี พรรคเล็กมี 2 แนวทางคืองดออกเสียงกับไม่เห็นด้วย แต่ไม่ลงมติเห็นด้วยแน่นอน ต้องหารือกันอีกครั้งให้เป็นแนวทางเดียวกัน

ดิ้นสู้ต่อยื่นศาล รธน.ล้มกติกาใหม่

เมื่อถามว่าหากโหวตวาระ 3 แพ้ จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญต่อหรือไม่ นายโกวิทย์ตอบว่า หารือกันอยู่ มั่นใจว่าเสียงพอยื่นแน่ พรรคเล็กทั้งพรรคพลังท้องถิ่นไท พรรคประชาชาติ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคเศรษฐกิจ พรรคพลังธรรมใหม่ รวมแล้วมีประมาณ 20 เสียง รวมกับพรรคภูมิใจไทยที่มีกว่า 50 เสียง รวมแล้วมีกว่า 70 เสียงเพียงพอยื่นศาลรัฐธรรมนูญ จะหารือพรรคก้าวไกลด้วยจะร่วมเข้าชื่อหรือไม่ เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากระบวนการแก้รัฐธรรมนูญไม่ชอบ เนื้อหาเป็นอย่างไรขอหารือกันก่อน เชื่อว่าหากแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้สำเร็จจะส่งสัญญาณพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทยจับมือตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งแน่นอน ส่วนพรรคเล็กจะตัดสินใจถอนตัวร่วมรัฐบาลหรือไม่ ขอรอดูข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อน รัฐมนตรีจะตอบชี้แจงได้หรือไม่

“บิ๊กตู่” ขอโทษเลขาฯ สมช.ข้ามห้วย

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เสนาธิการทหาร ขึ้นเป็นเลขาธิการ สมช. แทน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการ สมช.ที่จะเกษียณ และจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ต่อไป ตั้งแต่ปี 58 พล.อ.สุพจน์ เป็นนายทหารคนที่ 5 แล้วที่โอนย้ายจากกองทัพมาเป็นเลขาธิการ สมช. มีรายงานว่า นายกฯได้กล่าวในที่ประชุมตอนหนึ่งว่า“ต้องขอโทษด้วยกับคนที่ไม่ได้ขึ้น เดี๋ยวผมจะตั้งเป็นที่ปรึกษานายกฯเทียบเท่าซี 11 ให้รองเลขาธิการ สมช.อาวุโสสูงสุดขณะนี้คือนางศิริวรรณ สุคนธมาน”

เสธ.ทบ.นั่งปลัดกลาโหมตามโผ

ส่วนการจัดทำบัญชีรายชื่อการแต่งตั้งนายทหารปลายปี 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานล่าสุดปลัดกระทรวงกลาโหมและ ผบ.เหล่าทัพ ได้ส่งรายชื่อยืนยันให้ พล.อ.ประยุทธ์ นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับชั้นนายพล กระทรวงกลาโหม (บอร์ดกลาโหม) ในวันที่ 30 ส.ค. เพื่อพิจารณาก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ตำแหน่งสำคัญ อาทิ กระทรวงกลาโหมขยับ พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ (ตท.20) เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.) เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ส่วนกองทัพบก พล.อ. อภินันท์ คำเพราะ (ตท.22) หัวหน้าสำนักงาน ผบ.ทบ.เพื่อนรัก พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ (ตท.22) ผบ.ทบ.เป็นรอง ผบ.ทบ.พล.ท.ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม (ตท.21) แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) กับ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ (ตท.23) มทภ.1 เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ (ตท.22) รอง เสธ.ทบ. เป็น เสธ.ทบ.พล.ท.ทรงวิทย์ หนุนภักดี (ตท.24) รอง เสธ.ทบ.เป็น มทภ.1 พล.ต.สวราชย์ แสงผล รอง มทภ.2 เป็น มทภ.2

“บิ๊กโต้ง” ผบ.ทร. “บิ๊กป้อง” คุมทัพฟ้า

ด้านกองทัพเรือ พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ (ตท.21) หรือ “บิ๊กโต้ง” เสธ.ทร.เป็น ผบ.ทร. ขณะที่กองทัพอากาศ พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ (ตท.21) หรือ “บิ๊กป้อง” ประธานคณะที่ปรึกษา ทอ.เป็น ผบ.ทอ. พล.อ.อ.ธาดา เคี่ยมทองคํา (ตท.21) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. เป็นรอง ผบ.ทอ. พล.อ.อ.ธนศักดิ์ เมตะนันท์ (ตท.22) รอง เสธ.ทหาร บก.กองทัพไทย และ พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา (ตท.23) เสธ.ทอ. เป็นผู้ช่วย ผบ.ทอ. ส่วน พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์ วัฒนวรางกูร (ตท.21) ผบ.คปอ. เป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม อย่างไรก็ตาม ต้องจับตา ดูว่า พล.อ.ประยุทธ์กับที่ประชุมบอร์ดกลาโหม จะพิจารณาตามที่ ผบ.เหล่าทัพ ยืนยันหรือสั่งเปลี่ยนแปลงหรือไม่

บช.น.เร่งขอหมายจับม็อบทะลุแก๊ส

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า บช.น. ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอให้ศาลออกหมายจับผู้กระทำผิดทุกรายจากกรณีชุมนุมกลุ่มทะลุแก๊ส รวมตัวขว้างปาสิ่งของ ยิงหนังสติ๊กลูกแก้ว ประทัดยักษ์ ระเบิด จุดไฟเผาทรัพย์สินต่างๆในทางสาธารณะ บริเวณแยกดินแดง เมื่อวันที่ 25 ส.ค. สรุปห้วงเดือนก.ค.-ส.ค.ถึงปัจจุบันดำเนินคดีทั้งสิ้น 113 คดี ผู้ต้องหา 594 คน จับกุมตัวได้แล้ว 287 คน ภาพรวมตั้งแต่ก.ค.63 ถึงปัจจุบันดำเนินคดี 372 คดี สอบสวนเสร็จ 200 คดี กำลังสอบสวน 172 คดี ออกหมายเรียกอีก 127 คน เป็นกลุ่มแกนนำ 16 หมาย และผู้ร่วมชุมนุม 111 หมาย ขอเตือนผู้ปกครองถ้าบุตรหลานกระทำความผิดอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก มีโทษปรับและจำคุก

ราชทัณฑ์ยัน 6 แกนนำโควิดยังปกติ

นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานรพ.ราชทัณฑ์ 6 ราย คือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายพรหมศร วีระธรรมจารีหรือฟ้า นายสิริชัย นาถึง หรือนิว นาย Sam Samart หรือแซม สาแมท นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง และนายชาติชาย แกดำ แพทย์ตรวจร่างกายทุกคนสภาพร่างกายโดยรวมและสัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ ขอยืนยันจัดเตียงผู้ป่วยเว้นระยะห่างตามมาตรฐานสาธารณสุข อากาศถ่ายเท พื้นที่โล่งโปร่ง ไม่แออัด นายสิริชัยยังคงทานอาหารอยู่ รวมถึงกระแสข่าวนายแซม ต้องหาแก้วน้ำจากถังขยะและต้องดื่มน้ำจากก๊อกน้ำ ทุกคนจะได้รับอุปกรณ์แก้วน้ำประจำตัว มีเครื่องกรองน้ำประจำห้องสำหรับผู้ป่วย ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลทางเฟซบุ๊กและสื่อสังคมออนไลน์ที่บิดเบือนเป็นเท็จ ขอให้ติดตามข่าวสารจากกรมราชทัณฑ์ ทุกประเด็นตรวจสอบได้ มีหลักฐานพยานกล้องวงจรปิด มีภาพถ่ายยืนยัน แต่หลักสิทธิมนุษยชนการเผยแพร่ภาพถ่ายผู้ต้องขัง ต้องพิจารณารอบคอบ

“กวิ้น” โดนละเมิดศาลธัญบุรีอีกคดี

ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ศาลตั้งสำนวนดำเนินคดีละเมิดอำนาจศาลกับนายพริษฐ์ กับพวก ไลฟ์ในห้องควบคุมศาล เขียนกำแพงดูหมิ่น ระหว่างที่พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า นำตัวไปยื่นคำร้องขอฝากขัง ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ช่วงคืนวันที่ 9 ส.ค. โดยผู้ต้องหาแพร่ภาพสดภายในห้องผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ไม่เคยถูกควบคุมตัวลงบนเฟซบุ๊ก สาธารณะที่ใช้ชื่อว่า ทะลุฟ้า และขีดเขียนข้อความลงบนฝาผนังห้องแสดงออกถึงการดูหมิ่นเหยียดหยาม หรือทำให้ศาลถูกเกลียดชัง โดยศาลกำหนดนัดไต่สวนคำร้องวันที่ 21 ก.ย.

“เต้น–สมบัติ” ปลุก “คาร์ม็อบคอลเอาต์”

ที่ศูนย์ข่าวยูดีดีนิวส์ อาคารเอเวอรี่มอลล์ ถนนรัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงถึงการจัดชุมนุม “คาร์ม็อบคอลเอาต์” 29 ส.ค.ว่า เป็นการเคลื่อนขบวนครั้งสำคัญยกระดับเชิญชวนประชาชนทั้งประเทศออกมาแสดงพลังไม่ไว้วางใจขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ขอพบทุกกลุ่มทุกขบวนเวลา 14.00 น. ที่แยกเกษตรศาสตร์ หัวขบวนหันหน้าถนนวิภาวดีฯ สุดทางที่ลานเทพปทุม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าศาลากลางเก่า จ.ปทุมธานี ก่อนปราศรัยปิดขบวนประกาศเจตนารมณ์ขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมนัดหมายชุมนุมใหญ่ในครั้งถัดไป “คาร์ม็อบคอลเอาต์” ยังคงยึดหลักการสันติวิธีไม่มีลุย บวก ปะทะ

แนะใช้สันติเอาชนะ–อย่าติดกับดัก

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แกนนำคาร์ม็อบ กล่าวว่า ถ้าจะเอาชนะเผด็จการที่มีอาวุธมีกองกำลัง เราต้องชนะทางการเมืองก่อนเพื่อให้ประชาชนเห็นด้วยและเข้าร่วม หากรัฐใช้กำลังกับความเคลื่อนไหวแบบสันติวิธีจะเป็นการลดทอนความชอบธรรมของรัฐจนตกต่ำ อยากเชิญชวนให้ลองมาต่อสู้ทางการเมืองแบบสันติวิธีจะดีกว่า ร.1 ทม.รอ.เห็นชัดว่าเป็นกับดัก ต่อให้ยืนอยู่หน้ารั้วหรือปีนเข้าไปถึงบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ได้ก็ไม่เจอตัว และไม่มีผลกับการลาออกของ พล.อ.ประยุทธ์ มีแต่จะเจ็บตัวและต้องกลับไปใหม่

ดินแดงสงบ “ทะลุแก๊ส” จี้จัดทัพใหม่

ช่วงเย็น บรรยากาศบริเวณแยกดินแดงกลับสู่สภาพเงียบสงบอีกครั้ง กลุ่มวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์มารวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กๆ จับกลุ่มพูดคุยกันท่ามกลางฝนโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีท่าทีว่าจะก่อเหตุใดๆในพื้นที่ ต่อมาเวลา 16.00 น. เกิดเหตุทะเลาะวิวาทที่ใต้ด่วนดินแดง มีผู้บาดเจ็บที่คิ้วขวา 1 ราย เป็นวัยรุ่นทะลุแก๊ส สอบถามถูกฟาดด้วยหมวกกันน็อกจากคู่อริ เป็นเหตุวิวาทส่วนตัวต่อเนื่องมาจากคืนวันที่ 25 ส.ค. หลังวัยรุ่นในพื้นที่ไม่พอใจกลุ่มทะลุแก๊สปิดถนนผ่านไม่ได้ จนมีปากเสียงกันจึงยกพวกมาเอาคืน

ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ ทะลุแก๊ส Thalugaz มีผู้ติดตาม 1 หมื่นคนออกแถลงการณ์เรื่องการจัดตั้งขบวนการต่อสู้ใหม่ว่า เพจทะลุแก๊ส ตั้งขึ้นเพื่อต้องการสร้างความชอบธรรมให้กับการต่อสู้ที่ดินแดง ต้องการให้สังคมยอมรับการมีอยู่ของพวกเขาคือผู้ถูกกดขี่จากทั้งสังคมทุนนิยม ออกมาต่อสู้โดยชอบธรรมตามหลักสากล เรียกร้องให้ยอมรับพวกเขาในขบวนการต่อสู้ทางการเมือง ไม่ใช่ทอดทิ้งให้ต่อสู้ด้วยความโกรธแค้นจนอาจนำไปสู่การนองเลือดครั้งใหม่ สันติวิธีไม่ได้มีแค่สันติหิงสา มีข้อเรียกร้อง 3 ข้อให้มิตรสหายและพันธมิตรทุกคนทุกกลุ่มดังนี้ 1.หยุดการชี้นำหรือการนัดแนะชุมนุม 2.เรียกร้องให้จัดตั้งขบวนการต่อสู้ใหม่โดยใช้ดินแดงเป็นที่พูดคุยของทุกฝ่าย 3.ไปบ้าน “ประยุทธ์” เอาใบลาออกให้เซ็นด้วยกัน