ชาวบ้านอกสั่นขวัญแขวน กังวลเชื้อโรคร้าย สับสนอลหม่านกันทั้งบ้านทั้งเมือง ตัดฉับมาที่บิ๊กๆผู้มีอำนาจ รัฐบาล หน่วยงานราชการ
เริ่มเข้าสู่เทศกาล “สารภาพบาป”–“โยนบาป”
เรื่องกระบวนการจัดหาวัคซีน ไม่ทันต่อสถานการณ์โควิด–19 หนักหน่วงรุนแรง นอกจาก “รมต.ตี๋” สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ออกมายืดอกรับเรื่องการจัดหาวัคซีนหลัก ประเมินสถานการณ์ผิดพลาด ต้องยืดเวลารับวัคซีนแม้โรงงานผลิตตั้งอยู่ในประเทศไทย พ.ค.ปีหน้าถึงครบลอต
ก็ยังดีที่แอ่นอกสารภาพ แต่อีกทางก็สะเทือนไปถึง “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ที่ยังเสียงแข็ง สร้างความมั่นใจแบบเปลี่ยนไปเปลี่ยนมากันรายวันเหมือนเดิม แม้ล่าสุด “นพ.นคร เปรมศรี” ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ออกมาเอ่ยปากขอโทษ จัดหาวัคซีนไม่ทันการณ์
สารภาพบาปกันถ้วนทั่ว ไม่เว้นแม้แต่ตัว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ในฐานะแม่ทัพใหญ่ รับมหันตภัยไวรัสวายร้าย ถึงวาจายังกร้าว
แต่อยู่ในวงคนกันเอง วงคุยกับนักธุรกิจใหญ่ ทั้งไทยและต่างชาติ ใครมีช่องหาวัคซีนเจ๋งๆเมดอินต่างแดน รัฐบาลพร้อมรับซื้อไม่อั้น
จนแต้ม ร้องขอ “ตัวช่วย” ช่วยลุงด้วย
...
ขณะที่วิกฤติข้อมูลข่าวสาร การสื่อสารข้อมูลหลักจากรัฐบาล “บิ๊กตู่” ก็ยังไม่คิดจะเคลียร์ ปล่อยให้เสพข่าว อ่านข้อมูล เรียนรู้กันเอง จนจะกลายเป็นผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ มีกูรูวัคซีน ผู้รู้โควิดกันไปทั้งประเทศแล้ว
ข้อมูลหลักที่น่าเชื่อถือจากรัฐ ขอได้มั้ยพะนะทั่นผู้นำ
จากสารภาพบาปก็มาถึงโหมด “โบ้ยบาป” ที่กำลังเล่นโยนขี้กันเลอะเทอะ
โดยเฉพาะในวงศูนย์กลางอำนาจฝ่ายบริหาร ปีกหนึ่งพรรคภูมิใจไทย “หมอหนู” อนุทิน ปล่อยของโยนชุดข้อมูลออกมา มีลูกค่ายออกมาสำทับ วันนี้หัวหน้าพรรค เป็น “หมอหนู” ผู้น่าสงสาร
ไม่ได้มีบทบาทใน ศบค. ไม่อยู่ในทีมจัดหาวัคซีน แม้กระทั่งชุดย่อย “ศบค.กทม.” ก็ไม่ได้เกี่ยว แต่กลายเป็น “หนูรับบาป” รับเละแทนผู้นำที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในมือ
ชี้นิ้ว โยนผิดบาปที่ผู้นำเต็มๆ
พร้อมมีกระแสข่าว “ภูมิใจไทย” กำลังหารืออย่างเข้มข้นกับ “ประชาธิปัตย์” ถึงปัญหาหมักหมม สถานการณ์ล่อแหลม ใกล้ถึงจุดตัดสินใจ “ถอนตัว” จากเรือแป๊ะ ไม่อยู่ช่วย “ปะผุ”
นั่นก็เป็นข้อเท็จจริงชุดหนึ่งที่เป็นกระแส แต่ถูกติดเบรกสวนกลับโดยชุดข้อมูลใหญ่จาก “บิ๊กตู่” ถึงเวลาออกโรงมาเล่นเอง ประกาศลั่นหลังประชุม ครม.แมตช์ล่าสุด ทั้งเคลียร์ปม รับผิดเดี่ยว
“ผมไม่ได้ทำงานคนเดียว เราทุกคนช่วยกันทำงาน ผิดพลาดเสียหายก็ต้องร่วมรับผิดชอบ”
หนีสภาวะ “ลุงตู่ผู้โดดเดี่ยว” เหม็นเน่าก็ต้องเหม็นทั้งข้อง
และที่ว่า “ถ้าท่านจะออกจากผมก็แล้วแต่ ผมก็จะทำงานของผมต่อไป”–“ผมไม่ทิ้งคุณ พวกคุณจะทิ้งผมก็ตามใจ” ตีความได้ทั้งใจชักไม่ดี ออกอาการงอนง้อพรรคร่วมรัฐบาล
อีกทางก็ถอดรหัสได้ คิวนี้ “ขู่กลับ” พรรคร่วม “ผมต้องทำงานต่อไป” อ่านอีกทางได้เหมือนกัน ถ้ามีพรรคร่วมชิ่งหนีก็ปรับ ครม.จัดคนลงเก้าอี้ รมต.ทดแทน
เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ลากไปได้อีกพักใหญ่
ส่วนปัญหาการออกกฎหมายก็เลือกที่จำเป็น ที่สำคัญจริงๆก็ใช้วิธีออก พ.ร.ก.แทนได้
ยื้อสุดทางลากค่อย “ยุบสภา” มีเวลาแต่งตัวอีกพักใหญ่
ไม่ง้อภูมิใจไทย–ประชาธิปัตย์ ถ้าคิดจะชิ่งทิ้งกันจริงๆ
ในทางกลับกัน ภูมิใจไทย–ประชาธิปัตย์ เริ่มอ่อนทันทีทันควัน หันมาชมเชียร์ให้กำลังใจ พร้อมอยู่ร่วมงานกับคณะลุงๆ 3 ป. ทหารเฒ่าต่อไป
ด้วยหมากกลเล่ห์เกมทางการเมือง ว่าด้วยเรื่องอำนาจและผลประโยชน์ ก็อ่านทางกันได้ งบฯใกล้เสร็จ แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการใกล้ถึงโปรแกรมเพชรคิวทอง ขืนถอนตัวตอนนี้ ชิ่งไปก็อดโควตา “เสียของ”
ประเมินยาวๆ เสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาลง่อนแง่น รอยร้าว ขยายวง ถึงต่างฝ่ายต่างซัดกันเจ็บแต่ยังไม่จบ ยังไม่ถึงเวลา “วงแตก–แยกทาง”
“เรือแป๊ะ” แจวต่อได้อีกพักใหญ่ ยังไม่ “จอด” ด้วยประการฉะนี้.
ทีมข่าวการเมือง