“เรือดำน้ำ ทร.” แท้ง “บิ๊กตู่” ผวาเรือแป๊ะล่ม สั่งถอนแผนงานงบฯ ชะลอไปก่อน “คงชีพ” ยัน กห.ไทย-จีน จัดหาแบบจีทูจี เตือนอย่าตีกินเกินเลยกระทบความสัมพันธ์ พปชร.-ภท.-ปชป.ตีบทแตก โหนกระแสแห่คัดค้าน “ธรรมนัส” โชว์หล่อไม่เห็นด้วย ชี้บ้านเมืองวิกฤติ เปรียบกำลังทำสงครามโลก ครั้งที่ 3 สู้ศึกเชื้อโรค ส่งซิก กมธ.ถอย “วิรัช” เด้งรับดับชนวนร้อนชะลอโครงการ ฝ่ายค้านผนึกกำลังล่มเรือตัดเหี้ยนงบฯ 2.25 หมื่นล้าน “โจ้” แฉไม่เลิกพิรุธไม่ใช่จีทูจีเร่งรัดหาตัวแทนสถานทูตจีนมาลงนามสัญญาก่อนอดีต ผบ.ทร.เกษียณ 6 วัน ลำแรกไม่ได้จ่ายตรง รบ.จีน “พิธา” ขยี้แค่สละเรือทิ้งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ได้ 35 ล้านโดส หรือชุดตรวจโควิดกว่า 60 ล้านชิ้น หน.ก้าวไกลชงแผน “ประ-ยุทธ์-ออก-ไป” วิกฤติชาติ “กลุ่มแคร์-โทนี่” แนะยุบทิ้ง ศบค.

รัฐบาลและกองทัพเรือ (ทร.) ฝืนกระแสคัดค้านไม่ไหว ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม สั่ง ทร.ถอนเรื่องเสนอของบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 วงเงิน 22,500 ล้านบาท ออกจากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 แล้ว

...

“บิ๊กตู่” ถอยกรูดสั่ง ทร.ถอนงบเรือดำน้ำ

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 18 ก.ค. พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม (กห.) ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือว่า จากสถานการณ์วิกฤติแพร่ระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ปี 63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ได้ให้กระทรวงกลาโหม และกองทัพเรือไปพิจารณาความเป็นไปได้ชะลอโครงการจัดหาเรือดำน้ำหรือยืดเวลาออกไปก่อน โดย กห.เห็นถึงปัญหาภาระงบฯและความจำเป็นเร่งด่วนในการบริหารจัดการงบฯประเทศ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและประเทศชาติ ในปี 63 และปี 64 กองทัพเรือได้ส่งคืนงบฯ 3,375 ล้านบาทและ 3,425 ล้านบาท เพื่อให้รัฐบาลบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุดในภาพรวม ตามความจำเป็นเร่งด่วน และในปี 65 สถานการณ์แพร่ระบาดยังคงอยู่ส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งการให้ กห.โดยกองทัพเรือพิจารณาถอนแผนงานงบฯโครงการเรือดำน้ำออกไปก่อน ให้หารือกับกระทรวงกลาโหมจีนถึงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องขอชะลอโครงการในปีนี้ออกไปจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ยันดีล กห.ไทย-จีน ติงอย่าขย่มเกินเลย

พล.ท.คงชีพกล่าวว่า ยืนยันโครงการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือเป็นโครงการตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล ที่ กห.ของทั้ง 2 ประเทศมีความร่วมมือกันโดยตรงตามข้อตกลงและโปร่งใส ไม่ผ่านคนกลางหรือบริษัทนายหน้าอื่นใด ที่ผ่านมากองทัพเรือได้ติดต่อตรงกับกระทรวงกลาโหมและกองทัพเรือจีน ผ่านช่องทางทางการทูตเท่านั้น จึงขอให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับสังคม และไม่อยากให้มีการแสวงประโยชน์จากกลุ่มใดๆ หรือการใช้ประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งอาจเกินเลยไปกระทบความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้

ผบ.ทร.ถอดใจแจ้ง กมธ.ถอนงบฯ

รายงานข่าวจากกองทัพเรือแจ้งว่า ช่วงเย็นเมื่อวันที่ 17 ก.ค. พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร.ได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน ได้ข้อสรุปว่า ผบ.ทร.จะเป็นผู้ประกาศถอนโครงการออกในการชี้แจงคณะ กมธ.งบฯ วันที่ 19 ก.ค. โดยได้รายงานให้นายกฯ ในฐานะ รมว.กลาโหมรับทราบแล้ว ผบ.ทร.ตั้งใจจะถอนโครงการอยู่แล้ว จะแจ้งให้ กมธ.รับทราบในการประชุมออนไลน์ และให้ส่วนที่เกี่ยวข้องไปเจรจากับจีนอีกครั้งให้เข้าใจสถานการณ์ของไทย นับเป็นการชะลอจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ไปเป็นครั้งที่ 3 ครั้งแรกตัดงบฯตาม พ.ร.บ.โอนคืนงบฯเพื่อใช้แก้ไขปัญหาโควิด-19 วงเงินราว 4,130 ล้านบาท (เป็นงบฯเรือดำน้ำ 3,375 ล้านบาท) ครั้งที่ 2 ถูกตัดงบฯ ในขั้น กมธ.งบฯปี 64 วงเงิน 3,925 ล้านบาท จากนั้น ทร.ได้รับฟังความเห็นรอบด้านและตระหนักถึงสถานะเศรษฐกิจของประเทศ จึงไปเจรจาขอลดวงเงินงบฯซื้อลำที่ 2-3 จีนตกลงให้จ่ายเงินงวดแรก 1 ใน 3 หรือ 1 ใน 4 จากที่ตกลงไว้เดิม จึงตั้งงบฯปี 65 ไว้ประมาณ 900 ล้านบาท แต่ที่สุดต้องถอนไป

“ธรรมนัส” พลิกชู พปชร.ก็ขวางด้วย

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่าในฐานะเลขาฯพรรค พปชร. ได้แสดงจุดยืนไปยังคณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์และไอซีที ในคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างงบฯปี 2565 ถึงการตั้งงบฯจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ของกองทัพเรือ ที่เตรียมชี้แจงเหตุผลความจำเป็นการจัดซื้อต่อ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างงบฯ ปี 65 วันที่ 19 ก.ค.โดยพรรคพลังประชารัฐไม่เห็นด้วยและไม่สนับสนุนกับการจัดซื้อเรือดำน้ำในเวลานี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังมีความรุนแรง บ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์วิกฤติโรคระบาด เปรียบเสมือนการทำสงครามโลกครั้งที่ 3 ต้องสู้กับเชื้อโรคที่มองไม่เห็น จำเป็นต้องใช้งบฯจำนวนมาก เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติให้ผ่านพ้นไปได้ การนำงบฯไปจัดซื้อเรือดำน้ำยังมีความจำเป็นเร่งด่วนน้อยกว่า จึงขอให้กองทัพเรือชะลอ จัดซื้อเรือดำน้ำออกไปก่อน การจะใช้งบฯใดๆต้องพิจารณา รอบด้านและให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน

กมธ.รับลูกชะลอสกัดเรือแป๊ะล่ม

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 2565 กล่าวถึงกรณีส.ส.รัฐบาลและฝ่ายค้านคัดค้านการพิจารณางบฯจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ว่า กมธ.รับฟังเสียงคัดค้านจากประชาชน ส.ส.รัฐบาลและ ส.ส.ฝ่ายค้านจะส่งเรื่องไปให้อนุ กมธ.ครุภัณฑ์และไอซีที ใน กมธ.งบฯปี 65 พิจารณากลั่นกรองต่อไปจะดำเนินการอย่างไร เชื่อว่าในใจ กมธ.ทุกคนมีธงในใจเป็นคำตอบอยู่แล้วว่าสถานการณ์เช่นนี้ควรนำงบฯไปแก้ปัญหาอย่างอื่นก่อน ไม่เคยมีใครพูดว่าจะสนับสนุนงบฯซื้อเรือดำน้ำ ยิ่งเมื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ต่างแสดงจุดยืนชัดเจนคัดค้านการซื้อเรือดำน้ำ เมื่อเสียงไปทางนี้ พรรค พปชร.ต้องไปทางนี้เช่นกัน แต่ตามขั้นตอนต้องรอให้อนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯส่งผลการพิจารณากลับมาให้ก่อนว่ามีความเห็นอย่างไร ดูแนวโน้มแล้วน่าจะให้ชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำในปีนี้ออกไปก่อน รอให้มีความพร้อมแล้วค่อยกลับมาพิจารณาอีกครั้ง ถ้าปีหน้ายังไม่พร้อมต้องชะลอการจัดซื้อออกไปอีก

“สิระ” โวย “โจ้” ตีกินผิดมารยาท

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกคณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์และไอซีทีฯ กล่าวว่า การแสดงจุดยืนเลขาธิการพรรค พปชร.ส่งสัญญาณมายังคณะอนุ กมธ. มีผลยึดโยงกับ กมธ.พรรค พปชร. หลังประเมินสถานการณ์บ้านเมืองและ กระแสสังคมความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก ไม่มีปัญหาอะไรกับฝ่ายทหาร แต่ขอตำหนินายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวโจมตีรัฐบาลเสมือนว่างบฯจัดซื้อเรือดำน้ำผ่านที่ประชุมไปแล้ว ผิดมารยาท หวังตีกินทางการเมือง มโนภาพให้เสียหายกับผู้เกี่ยวข้อง

ภท.–ปชป.ประสานเสียงไม่เอา

ขณะที่นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง โฆษกพรรคภูมิใจไทย และในฐานะ กมธ. งบฯ ปี 65 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำ ของกองทัพเรือว่า “ครับผม ท่านเสนอตามหน้าที่ พวกผมก็มีหน้าที่พิจารณา และพวกผมภูมิใจไทย #ไม่เอาครับ #ไม่เอาเรือดำน้ำ #ควรเอาเงินไปซื้อวัคซีนให้เด็กนักเรียน #เป็นไงเป็นกัน”

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และรองประธาน คณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์และไอซีทีฯ กล่าวว่า ได้หารือ กับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์แล้วเห็นว่า สถานการณ์ประเทศอยู่ในภาวะวิกฤติโควิด-19 ประชาชนประสบปัญหาเศรษฐกิจ เลขาธิการพรรคจึงไม่เห็นด้วยที่จัดซื้อ ขอให้เลื่อนไปก่อน ต้องนำงบฯ มาช่วยเหลือประชาชนด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจเร่งด่วน จึงจำเป็นต้องใช้งบฯ ให้เกิดประโยชน์ กับประชาชน ดังนั้น จะยืนยันความเห็นถึงความเดือดร้อน ของประชาชนท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 การดิ้นรนเอาชีวิตรอดกับกองทัพ สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นคืออะไร ขอให้ชะลอออกไป

ฝ่ายค้านผนึกล่มเรือดำน้ำลำ 2–3

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 65 สภาฯ กล่าวถึงการประชุม กมธ.งบฯ ปี 65 วันที่ 19 ก.ค. ที่มีวาระการพิจารณาการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ของกองทัพเรือ (ทร.) วงเงิน 22,500 บาท ว่า กมธ. งบฯ ของพรรคฝ่ายค้านได้หารือกันเมื่อวันที่ 17 ก.ค.มีมติว่าจะขอให้ กมธ.งบประมาณชุดใหญ่ตัดทิ้งงบฯ จัดซื้อเรือดำน้ำทั้ง 2 ลำของกองทัพเรือ ในห้องประชุมใหญ่ กมธ.งบฯ วันที่ 19 ก.ค. ไม่ต้องส่งเรื่อง ไปให้คณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์และไอซีทีฯพิจารณา เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องจัดซื้อเรือดำน้ำในช่วง ที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนหนักจากวิกฤติโควิด-19 ถ้า กมธ.ซีกรัฐบาลไม่ยอมตัดทิ้งงบฯเรือดำน้ำจะขอ ให้โหวตตัดสิน แพ้เป็นแพ้ให้รู้กันไป ใครจะเลือกเรือดำน้ำบ้าง จะแฉหลักฐานในที่ประชุม กมธ.งบฯ ชุดใหญ่ว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำอีก 2 ลำ ไม่ใช่การจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี

ซัดพิรุธไม่ใช่สัญญาซื้อขายจีทูจี

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า มีหลักฐานการจัดซื้อ เรือดำน้ำลำที่ 2-3 ของกองทัพเรืออาจไม่ใช่การจัดซื้อ แบบจีทูจี เพราะหนังสือที่ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีต ผบ.ทร. ทำหนังสือลงวันที่ 24 ก.ย.63 ส่งถึงนายสู จ้าน ปิน รองประธานองค์การบริหารงานของรัฐด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศของจีน มีเนื้อหาเร่งรัดให้จีน ลงนามสัญญาจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ให้ทันงบฯ ปี 2563 หรือวันที่ 30 ก.ย.63 เพราะหากดำเนินการ ไม่ทันสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยจะทำให้ต้องเริ่มต้นกระบวนการจัดหาใหม่ และหากจีนไม่สามารถส่งผู้แทนมาลงนามได้ทันในวันที่ 30 ก.ย.63 ขอให้ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตจีนในประเทศไทย มาลงนามในข้อตกลงแทนได้ก่อนวันที่ 30 ก.ย.63 หนังสือฉบับนี้จึงมีข้อพิรุธเป็นการซื้อขายจีทูจีจริงหรือไม่ เพราะออกหนังสือไปวันที่ 24 ก.ย.63 แต่เร่งรัดให้ลงนามในสัญญาก่อนที่พล.ร.อ.ลือชัยจะเกษียณอายุในวันที่ 30 ก.ย.63 และยังให้ตัวแทนสถานทูตจีนลงนามในสัญญาได้อีก หนังสือฉบับนี้ยังอ้างถึงเรือสนับสนุนเรือดำน้ำ หรือเรือยกพลขึ้นบกที่ ทร.ซื้อจากจีนราคา 6,200 ล้านบาท เป็นเรือเปล่าไม่ติดอาวุธ พล.ร.อ.ลือชัยจึงขอให้จีนช่วยติดอาวุธให้ด้วย แสดงว่าเป็นการจัดซื้อที่ขาดแผนงาน ไม่มีระบบอำนวยการรบจนต้องไปขอให้จีน ติดอาวุธเพิ่มให้

แฉเรือลำแรกไม่ได้จ่ายตรง รบ.จีน

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ส่วนการจัดซื้อเรือดำน้ำลำแรกมีข้อสงสัยเช่นกันเป็นจีทูจีหรือไม่ เพราะจีนมอบให้นายสูจีดี ประธานบริษัทซีเอสโอซี เป็นตัวแทนลงนามกับ ทร.ตอนจ่ายเงินจากรัฐบาลไทยไปยังรัฐบาลจีนให้โอนเงินเข้าบริษัท ไชน่าชิปบิ้วดิ้ง แอนด์ ออฟชอว์ อินเตอร์เนชั่นเนล แทนที่จะเป็นบัญชีกระทรวงกลาโหมหรือรัฐบาลจีน เป็นข้อสงสัยไม่โปร่งใสเช่นกัน และ กมธ.งบฯฝ่ายค้านยังข้องใจว่าเหตุใด กมธ.งบฯชุดใหญ่จึงไม่เชิญ ผบ.เหล่าทัพมาชี้แจงการจัดซื้ออาวุธ ต้องไปถามนายวิริช รัตนเศรษฐ และนายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กมธ.จากพรรค พปชร. เหตุใดไม่ยอมให้ ผบ.เหล่าทัพมาชี้แจงการจัดซื้ออาวุธ มีเพียงแค่ ผบ.ตร.เท่านั้นที่ให้มาชี้แจง มีความพยายามให้การประชุม กมธ.งบฯปิดประตูตีแมว ให้งบเรือดำน้ำผ่านให้ได้ เพราะเป็นใบสั่งจากรัฐบาล ถ้าไม่รู้เห็นเป็นใจกันคงไม่พยายามจะผ่านงบฯตัวนี้ในช่วงที่ชาวบ้านกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก

สละเรือซื้อไฟเซอร์ได้ 35 ล้านโดส

เมื่อเวลา 13.00 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวผ่านไลฟ์เพจเฟซบุ๊กถึงการจัดซื้อเรือดำน้ำและอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพว่า เรื่องสามัญสำนึกคงไม่จำเป็นต้องพูดกันมาก ทั้งสังคม สื่อมวลชนเปรียบเทียบเงิน 22,500 ล้านบาทในยามประเทศชาติวิกฤติขนาดนี้ มีผู้เสียชีวิตตายแบบใบไม้ร่วงมันเหมาะสมหรือไม่จะนำไปซื้อเรือดำน้ำ 22,500 ล้านบาท ซื้อวัคซีนไฟเซอร์ได้ 35 ล้านโดส ซื้อชุด PPE ได้ 150 ล้านชุด และซื้อชุดตรวจ rapid antigen test ได้กว่า 60 ล้านชุดให้ประชาชนทุกคนในประเทศไทย นี่คือราคาที่เราต้องจ่าย เมื่อเปรียบเทียบกับการไปซื้อเรือดำน้ำมาจอดไว้ เข้าใจดีว่ากองทัพเรือได้วิเคราะห์ไว้หลาย Scenario แต่ในประวัติศาสตร์ของทั้งโลก ครั้งสุดท้ายที่เรือดำน้ำใช้จมเรือข้าศึกได้สำเร็จคือเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ในสงคราม Falklands นี่คือตัวอย่างจากทั้งโลก ปีที่แล้ว ทร.ชี้แจงว่าไม่ได้เอาไปไว้ยิงใคร แต่ใช้เพื่อแสดงแสนยานุภาพ และเพื่อความมั่นคงของประเทศ

จี้ถอนวาระออกไป ปลุก กมธ.คว่ำทิ้ง

“ถึงเวลากองทัพต้องปรับเเนวคิดรองรับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ สร้างความกดดันให้ศัตรูโดยไม่ใช้อาวุธหนัก ต้องคิดใหม่ปัจจุบันเราไม่ได้แข่งกันว่าใครมีเรือดำน้ำมากกว่ากัน เเต่เเข่งกันที่ใครผลิตวัคซีนได้ เรื่องวัคซีนการทูต อุปกรณ์การเเพทย์ การสร้างนวัตกรรมใหม่ให้ระบบสาธารณสุข นี่คือนิยามความท้าทายใหม่ที่เริ่มตั้งแต่ปีที่แล้ว ผู้บังคับบัญชากองทัพควรเข้าใจให้ตรงกัน เราจำเป็นต้องปฏิรูปกองทัพจริงจังกันเสียที รีดไขมันส่วนงบไม่จำเป็นออก เพื่อให้การเคลื่อนไหวของกองทัพง่ายขึ้น ประหยัดภาษีประชาชน ขอวิงวอนไปถึงผู้แทนกองทัพขอให้ถอนวาระนี้ออกจากการพิจารณาของคณะ กมธ.งบฯในปีนี้ หากไม่ถอน ยังดื้อรั้นจะใช้ภาษีของประชาชนบนซากศพของพี่น้องประชาชนจัดซื้อเรือดำน้ำ ตนและพรรคก้าวไกลพร้อมจะอภิปรายสู้ในเหตุและผล ขอให้ผู้แทนราษฎร และ กมธ.งบฯทุกท่านมาร่วมกับ กมธ.งบฯของพรรคก้าวไกล ช่วยกันลงคะแนนคว่ำการจัดซื้อเรือดำน้ำในครั้งนี้

ชงแผนดับวิกฤติประ–ยุทธ์–ออก–ไป

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กว่าขอเสนอแผนพื้นฐานที่สุดที่รัฐบาลควรเร่งแก้ไขวิกฤติปัญหาโควิดและการล็อกดาวน์ ชื่อว่า “ประ-ยุทธ์-ออก-ไป” ดังนี้ “ประ”-ประกาศให้ชัดว่าเงื่อนไขคืออะไร เปิดเมื่อไหร่ ปิดเมื่อไหร่ต้องชัดเจนรอบคอบ ประชาชนต้องใช้ข้อมูลวางแผนชีวิต “ยุทธ์”-ยุทธศาสตร์ต้องปรับมาเป็นรักษาชีวิตประชาชนให้ได้มากที่สุด ต้องมี ICU สนามที่ขาดแคลนอย่างหนัก “ออก”-ออกมาตรการเยียวยาไม่ผิดพลาดซ้ำ ต้องเป็น “เงินสด” และ “ถ้วนหน้า” ไม่ใช่ช่วยเหลือแค่เฉพาะแรงงานในระบบ แต่ต้องคิดถึงคนอยู่นอกระบบ นายจ้าง ผู้ประกอบการด้วย “ไป”-ไปหาวัคซีน mRNA วัคซีนคุณภาพสูงให้เพียงพอ ต้องเป็นวาระเร่งด่วนที่สุดได้แล้ว ถ้าทำไม่ได้คนไทยต้องรับผลกระทบจากการจัดการวิกฤติผิดพลาดต่อไปอีกยาวนาน #ประยุทธ์ออกไป

“กลุ่มแคร์–โทนี่” แนะยุบทิ้ง ศบค.

วันเดียวกัน กลุ่ม CARE คิดเคลื่อนไทย เผยแพร่จดหมายเปิดผนึก เรื่องข้อเสนอแนะเพื่อการบริหารจัดการสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กลุ่ม CARE คิดเคลื่อนไทยและ Tony Woodsome (นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ) โดยสรุปว่าการบริหารจัดการของรัฐบาลมีข้อบกพร่องและไม่ชัดเจนหลายทิศทางน่าเป็นห่วง จึงเสนอทางออกดังนี้ การบริหารจัดการ ยกเลิกศบค.ให้กระทรวง สธ.เป็นผู้จัดการร่วมกับกระทรวงอื่น ภายใต้การควบคุมของนายกฯ ลดขั้นตอนแบบระบบราชการ สร้างความรวดเร็วแก้ปัญหาเชิงรุก สื่อสารความจริงกับประชาชนอย่างเป็นเอกภาพบริหารจัดการอย่างสมดุลทั้งสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ปูพรมตรวจเชิงรุก ขยายพื้นที่รักษาพยาบาลผู้ป่วยหนัก ยกเลิกรวมศูนย์ที่ส่วนกลาง กระจายอำนาจให้ท้องถิ่นและภูมิภาคร่วมบริหารจัดการและรับมือการแพร่ระบาด ออกมาตรการบำรุงขวัญกำลังใจให้บุคลากรการแพทย์และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ปรับค่ายทหารโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯและพื้นที่สีแดงเข้มเป็นรพ.สนามเพิ่มเติม

บี้คุมราคาวัคซีน เปิดสัญญาโชว์โปร่งใส

จดหมายเปิดผนึก ระบุอีกว่าการจัดการวัคซีนและยารักษาต้องวางยุทธศาสตร์และการบริหารจัดการวัคซีนชัดเจน เร่งรัดจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพให้เพียงพอและทั่วถึง เปิดสัญญาและชี้แจงข้อตกลงในสัญญาจัดซื้อจัดหาวัคซีนทุกชนิดเพื่อความโปร่งใส ควบคุมราคาวัคซีนทางเลือกในราคาต่ำที่สุดลดภาระประชาชน นำวัคซีนไฟเซอร์1.5 ล้านโดส จากสหรัฐฯหรือวัคซีน mRNA อื่นฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ก่อน นำเสนอผลการศึกษาวิจัยการฉีดวัคซีนข้ามประเภทที่ได้มาตรฐานทางวิชาการ และมีผลการทดสอบรอบคอบก่อนนำมาฉีดให้ประชาชน เปิดเจรจาระดับผู้นำประเทศขอยืมแลกเปลี่ยนวัคซีนกับต่างประเทศที่มีวัคซีนสำรองจำนวนมาก ส่งเสริมการใช้สารสกัด Andrographolide จากสมุนไพรฟ้าทะลายโจรเร่งด่วน รีบจัดหาให้ผู้ติดเชื้อที่อาการเล็กน้อยและผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงการตรวจคัดกรอง ให้นำเข้าหรือจัดหาชุดตรวจเร็วหรือชุดตรวจประเภทอื่นให้เพียงพอทั่วถึง ควบคุมราคาหรือลดอัตราภาษีนำเข้าชุดตรวจเร็วให้มีราคาต่ำที่สุด ด้านเศรษฐกิจ ต้องออกมาตรการเยียวยาทันทีที่มีประกาศคำสั่งส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อประชาชนจัดสรรเงินพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท อย่างมียุทธศาสตร์ เพื่อหยุดการระบาดเร็วที่สุดและฟื้นฟูธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจากการล็อกดาวน์

“ศุภชัย” ป้อง “อนุทิน” เป็นแพะรับบาป

วันเดียวกัน นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า “อนุทิน” กับการจัดหาวัคซีน แพะรับบาปของ ศบค. ต้องออกมา พูดความจริงเพื่อปกป้องคนทำงานที่ถูกกล่าวหาอย่าง ร้ายแรง โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงสำคัญที่ว่า “อนุทิน ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการจัดหาวัคซีน” มาตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย.64 การกำหนดวัคซีนหลัก วัคซีนทางเลือก มาจากคณะกรรมการที่ อ.ปิยะสกล สกลสัตยาธร เป็นประธาน มีเจ้าของ รพ.เอกชน เป็นกรรมการเบอร์ 9-16 ไม่มี รมว.สาธารณสุข และมีผู้บริหารกระทรวง สธ. เพียง 5 คน จากทั้งหมด 18 คน ชัดเจนว่าคนจัดการวัคซีนคือ อ.ปิยะสกลกับเจ้าของ รพ.เอกชน อ.ปิยะสกลคืออดีต รมว.สธ.ที่มีอำนาจเหนือ รมว.สธ.ชื่ออนุทิน ในการจัดการทั้งปวงเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีน นายกฯ ประกาศจัดหาวัคซีนให้ได้ 100-150 ล้านโดส ในปี 2564 คณะทำงานชุดนี้ได้สนอง นโยบายและคำสั่งนายกฯหรือไม่ ควรออกมาบอกให้ประชาชนได้รับรู้ว่าท่านได้ทำอะไรไปบ้าง และศบค.ต้องออกมาบอกประชาชนว่าความจริงเป็นเช่นไร ไม่ใช่ปล่อยให้ “อนุทิน” เป็นแพะรับบาป