อีกหลักสูตรการเมือง ให้ผู้เล่น ผู้ชมหน้าใหม่ จากคิวพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 2565 สุดท้ายเสียงโหวตหนุนท่วมท้น 269 เสียงต่อ 201 เสียง งดออกเสียง 2 ไม่มีรายการแตกหัก แหกโผ ไม่มีเฮี้ยว ไม่มีโหวตสวน

ถึงเซ็งเป็ดไปตามๆกัน ก็ต้องเรียนรู้ความจริง การเมืองกับเรื่องเจรจาต่อรอง

กองแช่งที่หวังได้เห็นบางพรรคบางค่ายจะเป็น “พระเอก” แหกรัฐบาล หักหน้า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ให้ล้มคว่ำกลางกระดาน ไปถึงขั้นเปลี่ยนแปลงปุบปับ ยุบสภา ผิดหวัง

เมื่อหนูยังไงก็ยังไม่ใช่ราชสีห์ ไม่มีพระเอกในโลกของความเป็นจริง

ไล่สแกนเช็กผลโหวต กองแช่งรัฐบาลก็ยิ่งช้ำทรวงเข้าไปใหญ่ นอกจากเสียงพรรคแกนนำรัฐบาลพลังประชารัฐยกมือหนุนกันครบเซต พรรคร่วมที่ทำเฮี้ยว ดุเด็ดเผ็ดมันในสภาอย่างภูมิใจไทย ยกมือสลอน

เด็กๆในค่าย “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข แอ็กเก่งจริง

หนำซ้ำ ที่มีที่แตกแถวก็ดันเป็นค่ายฝ่ายค้านที่ส่งเสียงเชียร์กันอยู่ เพื่อไทยเจ้าเดิมๆที่ฟันธงได้ “ย้ายขั้วย้ายค่าย” อีก 5 ราย เช่นเดียวกับ 4–5 เสียงของค่ายก้าวไกล ก็มีโอกาสสูงจะเปลี่ยนสีเสื้อจากค่ายสีส้ม

สมการการเมืองเหมือนเดิม เสียงรัฐบาลแน่นปึ้กแข็งโป๊ก

แล้วก็จะมีอะไรให้หูตาเหลือก ได้ตกใจกันมากกว่านี้ ถ้ารู้กลเกมในชั้นคณะกรรมาธิการพิจารณางบฯ

กับเกมสามัคคีชุมนุม โดยไม่ต้องนัดหมาย

กมธ.ทุกค่ายทุกพรรคจะถือดาบช่วยกันไล่บี้หั่นงบฯกระทรวง กรม กอง องค์กร หน่วยงานต่างๆจะมีการตั้งอนุกรรมาธิการดูงบฯจำแนกชำแหละ ทั้ง ครุภัณฑ์ คอมพิวเตอร์ งบฯอบรมสัมมนา ฯลฯ

...

เหตุผลหรูๆ เป็นการทำหน้าที่เพื่อเกลี่ยให้งบฯเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน แต่ในวงการเมืองรู้ดี ที่จ้องเฉือนงบฯแหลกลาญก็เพื่อเป้าหมายปลายทาง เฉลี่ยเกลี่ยแบ่งตอนท้าย แม้ไม่ใช่ลักษณะ “งบฯ ส.ส.” เหมือนในอดีต เพราะรัฐธรรมนูญห้ามไว้ แต่เป็นกลเกมแฝงรูป

แบ่งเค้กตามสัดส่วนโควตา ถึงได้แย่งเก้าอี้เข้าไปเป็น กมธ.

คนการเมืองรู้ทั้งนั้น ยกเว้นผู้เล่นหน้าใหม่ อย่างค่ายสีส้มยังเจนฯยังเคยเอ๋อรับประทานมาแล้ว

วงจรการเมืองว่าด้วย “อำนาจ” และ “ผลประโยชน์” เป็นเรื่องที่คนใฝ่รู้ใฝ่ศึกษาอย่าง “บิ๊กตู่” ทำการบ้านมานาน ก่อนเข้าบริหาร อำนาจผ่านมา 7 ปี วันนี้เลยไม่ได้ใส่ใจลูกเฮี้ยวของค่ายภูมิใจไทย เชื่อว่าไม่มีใครคว่ำจานเค้ก แยกไปเป็นฝ่ายค้านให้ต้องลำบากลำบน

เช่นที่ผู้อาวุโสการเมืองผู้ล่วงลับเคยว่าไว้ “อดอยากปากแห้ง”

สถานการณ์ เสถียรภาพรัฐบาล แบบตบจูบ–ตบจูบ ระหองระแหงในบ้านเดียวกันต่อไป
ยังไม่ใช่เวลาตะเพิด หรือยกเครื่องเทใครออกจาก ครม.

เพราะสูตรแก้ทาง “ตำรับขู่” ทำทีจะดึงเพื่อไทยเข้าเสียบแทน ถึงวันนี้ก็ไม่น่าจะใช้ได้

พลพรรคเครือข่ายนายใหญ่ เริ่มตีธงลุยแรงตามธงสัญญาณ “ลุงโทนี่” ท่าทีชัด ลุยโค่นแหลก

ไม่สนร่วมวงช่วงอาทิตย์อัสดง รัฐบาลหรี่แสงลงทุกที

เล่นแรงลุยแหลก แม้ก่อนนี้ คนเพื่อไทยจะมีทีท่าไม่พร้อมลงสนามเลือกตั้ง แต่รอบนี้นายห้างดูไบ ลุงโทนี่มาเอง อย่างน้อยก็ต้องหาเสบียง ไม่เติมก็ไม่ให้พร่องไปกว่านี้

เช่นเดียวกับการหาหัวใหม่ กล่อม “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ให้มากุมบังเหียนพรรคเพื่อไทยไม่ได้ ลิสต์ว่าที่แม่ทัพเพื่อไทย ก็ยังมีรายอื่นๆ โดยเฉพาะจากกลุ่มแคร์ ที่กำลังคึกคักในกิจกรรม และคลับเฮาส์

หรือนักธุรกิจในเครือข่ายอีกหลายคน ก็สเปกเข้าล็อก

แต่จะเลือกใครต้องรอเคาะ และแต่งตัวรอลงสนามกันอีกพักใหญ่

ทั้งหมดทั้งปวง การเมืองภาพรวมก็คงจะออกแนวอึมครึมอมโรคกันไป แม้เสถียรภาพรัฐบาลง่อนแง่นแต่ก็ประคองต่อไปได้

ดีเดย์ ต.ค.นี้เป็นต้นไป จัดงบฯ จัดทัพ จัดคนกันเสร็จรอบใหญ่ เมื่อไหร่

ค่อยเล่นเกมโหดใส่กันจริงจังอีกที

วันนี้ “บิ๊กตู่” และชาวคณะลุงๆ ถึงอ่านทางได้ ประเมินเกมขาด ยังมีใครกล้าแตกกล้าหัก
โจทย์หนักอย่างเดียวตอนนี้คือ “สงครามโรค” สู้กับโควิด

แก้ไขหน้างาน แก้ปัญหาแบบปั่นป่วนๆกันต่อไป.

ทีมข่าวการเมือง